จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,547
หลังจากเก็บกวาดสัตว์อสูรที่หลงเหลือ
กริดพยายามสงบสติอารมณ์คริสที่พยายามกระโดดลงไปในขุมนรก
“ทำไมถึงอยากลงไปเก็บเลเวลในขุมนรก? ลืมไปแล้วหรือว่านายยังไม่เลเวลร้อย? จุดเก็บเลเวลที่เหมาะสมกับนายมีอยู่เต็มไปหมด”
“…”
คริสฝืนข่มสติ
มันขจัดความรู้สึกในช่วงก่อนเลเวลถูกรีเซตออกไป จากนั้นก็พบว่าตนมีทางเลือกมากมาย
แต่มีหนึ่งสิ่งที่มันยังกังวล
“ฉันไม่รู้ว่าการโหมบุกอย่างกะทันหันของสัตว์อสูรจะเริ่มอีกตอนไหน… กลัวว่าถ้าไม่รีบ อาจเตรียมตัวรับมือกับระลอกหน้าไม่ทัน”
สมรภูมิห้วงนรกเป็นฐานทัพที่สำคัญที่สุดของฝ่ายมนุษย์ คงเป็นการดีกว่าถ้าจะเตรียมความพร้อมไว้ตลอดเวลา
‘แต่เลเวลแบบนายคงช่วยได้ไม่มากนัก’
นั่นคือสิ่งที่กริดคิด
ตอนแรกมันไม่ได้คิดอะไรมาก แต่จากนั้นก็เริ่มนึกขึ้นได้
ถึงความจริงที่ว่า ตนคือผู้รีเซตเลเวลคริส ต้องคำนึงถึงสภาพจิตใจของอีกฝ่ายเผื่อไว้ด้วย
ตรงข้ามกับความรู้สึกที่แท้จริง กริดกล่าวรักษาน้ำใจ
“การขาดหายไปของนายถือเป็นความเสียหายใหญ่หลวง แต่ไม่ต้องกังวลมากนัก เชื่อใจพวกพ้องที่เหลือเถอะ”
“…อา ฉันคงต้องถอนตัวสักพัก”
“พยายามเร่งเลเวลให้เร็วที่สุด ฉันจะกลับมาหานายอีกครั้งพร้อมกับของขวัญ”
กริดเฝ้าดูการต่อสู้ของคริสอย่างใกล้ชิด
หลังจากทำความเข้าเอกลักษณ์ของผู้สืบทอดซีดานอย่างถ่องแท้ ชายหนุ่มตัดสินใจได้ว่าต้องสร้างไอเท็มชิ้นใดให้คริส
และเตรียมทำเซอร์ไพรส์
กริดคิดจะมอบดาบใหญ่เล่มใหม่ที่บรรจุดวงวิญญาณซีดานให้คริส
ชายหนุ่มเก็บเกี่ยวทุกสิ่งมาจากซีดานเกือบหมดแล้ว โดยเฉพาะประเด็นหลักอย่างข้อมูลของเกรเนียร์
ในอนาคต กริดหวังให้ซีดานคอยอยู่เคียงข้างคริสและคอยเพื่อพัฒนาฝีมืออีกฝ่าย
เมื่อตัดสินใจได้ ชายหนุ่มแอบตัดพ้อ:
คงจะดีไม่น้อยถ้าดวงวิญญาณของแพ็กม่าคอยอยู่เคียงข้างเราและมอบคำแนะนำ…
‘…ไม่สิ ดีแล้วที่ไม่มีแพ็กม่าคอยช่วย’
หากแพ็กม่าคอยอยู่เคียงข้างเรา…
มีโอกาสเป็นไปได้มากที่จะเกิดปัญหาเชิงความสัมพันธ์กับใครหลายคน
ยกตัวอย่างเช่น กริดจะเป็นศัตรูกับบราฮัมไปตลอดกาล
“ของขวัญ…? นายมอบหนังสือเปลี่ยนคลาสเลเจนดารีให้ฉันแล้ว ยังจะมีอะไรให้เพิ่มอีกหรือ?”
“ไม่ต้องรู้สึกติดค้าง หนังสือเปลี่ยนคลาสไม่ใช่ของขวัญ ฉันจะคิดเงินนาย”
“…!”
“สักร้อยยี่สิบล้านดอลลาร์เป็นไง? ด้วยราคานี้ พวกเราก็ไม่มีอะไรต้องติดค้างต่อกัน”
ราคาที่กริดเสนอมีมูลค่าเทียบเท่าหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านวอน
อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมา คริสใช้เงินไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะจ้างกริดสร้างไอเท็มหรือซื้อโอสถดื่ม
เงินก้อนที่กริดเสนอจึงฟังดูมหาศาลในสายตาคริส ผู้ลงทุนไปกับการเติบโตของตัวเองจนแทบไม่เหลือเงินเก็บ
“เดี๋ยวฉันจะส่งเลขบัญชีให้ทางเมลล์”
“…ขอคืนได้ไหม?”
“ฮะฮะ!”
คริสคงอารมณ์ดีสุดๆ ถึงเล่นมุกตลกที่ขำขนาดนี้…
กริดยิ้มด้วยความคิดดังกล่าว แต่จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าดำมืด
มันตระหนักว่าคริสไม่ได้เล่นมุก
‘เป็นพวกสายเปย์สินะ’
เป็นที่ทราบกันดี ไฮแรงเกอร์นั้นมีรายได้หลักหมื่นล้านต่อปี
ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น เพราะไฮแรงเกอร์ซาทิสฟายได้รับความนิยมมากกว่านักกีฬาตัวท็อปและดาราฮอลลีวูด
และนักกีฬาตัวท็อปรับค่าเหนื่อยอยู่ที่หลักหมื่นล้านต่อปี
แต่ไฮแรงเกอร์สามารถทำเงินจำนวนเดียวกันได้จากการถ่ายรายการและโฆษณา แถมนี่ยังเป็นแค่รายได้เสริม
รายได้หลักที่แท้จริงของไฮแรงเกอร์มาจากซาทิสฟาย
ไม่เพียงเท่านั้น คริสยังเป็นเจ้าเมืองเรย์ดัน
มันคือผู้ปกครองสูงสุดของเมืองหลวงรองแห่งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์มานานหลายปี อีกทั้งยังมีดินแดนในครอบครองก่อนจะเข้าร่วมกับโอเวอร์เกียร์ด้วยซ้ำ
ลำพังภาษีอย่างเดียวก็รวยล้นฟ้า
แต่กลับไม่มีเก็บ
คริสไม่ได้โกหก
สายตาที่พัฒนาขึ้นของกริดแจ้งว่า สถานะทางการเงินของคริสเป็นเช่นนั้นจริง
‘นายเอาเงินไปเททิ้งหรือไง’
ชายหนุ่มลองจินตนาการภาพคริสกำลังควงสาวสวยกลุ่มหนึ่งจัดปาร์ตี้ยาริมสระน้ำ
ภาพดังกล่าวชัดเจนราวกับกริดกำลังเห็นมันตรงหน้า
กริดผู้ไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศเพื่อทำอย่างอื่นนอกจากเข้าร่วมงานแข่งนานาชาติ
มันมักมีจินตนาการประหลาดๆ เกี่ยวกับชาวต่างชาติที่ร่ำรวย
เป็นเรื่องง่ายที่จะใส่อคติ ‘สำส่อนและบ้ากาม’ ลงบนตัวชาวต่างชาติทุกคน
“อา… เอาเป็นว่า ทำเป็นไม่ได้ยินที่ฉันพูดก็แล้วกัน นายกำหนดราคามาเลย”
อันที่จริง กริดไม่ต้องการรับเงินแม้แต่วอนเดียว
แต่นั่นอาจทำให้คริสรู้สึกระคายเคืองศักดิ์ศรี
ใช่แล้ว
กริดกำลังทำเพื่อคริส
มันยินยอมให้คริสจ่ายในราคาที่จ่ายพอไหว เพื่อปกป้องความภาคภูมิใจของตัวเองและวงศ์ตระกูล
นั่นเป็นการตัดสินใจที่ผิด
แม้จะบอกให้กำหนดราคาเอง แต่กริดก็หลุดพูดตัวเลขหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านวอนออกมาก่อนแล้ว
คนอย่างคริสย่อมไม่มีทางเสนอราคาต่ำกว่านั้น นี่ต่างหากที่เสียศักดิ์ศรี
“จะรีบหามาจ่ายให้… ฉันจะ… เปลี่ยนทรัพย์สินเป็นเงิน”
คริสพยายามมองในแง่บวก
คลาสเกรดเลเจนดารี
เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มในช่วงหลัง ราคาหนึ่งแสนห้าหมื่นวอนนับว่าถูกมาก
ใช่แล้ว เราโชคดี…
มันรู้สึกขอบคุณไมตรีที่กริดหยิบยื่นให้ตน
ขณะคริสพยายามย้ำเตือนตัวเอง ถ้อยคำ ‘หนึ่งแสนห้าหมื่นล้านวอน’ ลอยวนเวียนจนเต็มห้วงความคิด
***
กริดเดินจากคริสมา เข้ามาในค่ายทหารเพื่อพบกับบราฮัม
“มาได้เวลาพอดี”
ขณะทักทายกริด บราฮัมกำลังนั่งพิงขอบโต๊ะตัวใหญ่
มือข้างหนึ่งถือแก้วไวน์ แสร้งทำเป็นผ่อนคลาย
แต่แผนที่และเอกสารจำนวนมากบนโต๊ะ คือเครื่องบ่งชี้ว่าภาระหน้าที่ของบราฮัมในยามปรกตินั้นชุกชุมเพียงใด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บันทึกเวทมนตร์ที่ดูสะดุดตาเป็นพิเศษ
คำกล่าวที่ว่า จอมเวทนั้นใกล้เคียงกับนักวิชาการ ดูไม่เกินจริงเลยสักนิด
บราฮัมบันทึกทุกรายละเอียดของเวทมนตร์ที่ตนใช้ระหว่างสงคราม
เวทมนตร์ชนิดเดิมจะแสดงผลอย่างไรในสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง?
มันบันทึก เรียบเรียง และศึกษาทีละรายการ
หมายความว่า สมญานามจอมเวทที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ มิได้เกิดขึ้นเพราะพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว
นอกจากนั้น ภายในห้องยังมีกลิ่นเลือด
เสื้อที่ถูกขยำไว้ตรงมุมห้อง ถูกย้อมด้วยสีแดงฉาน
“ชิ”
บราฮัมขมวดคิ้ว ดีดนิ้ว และเผาเสื้อตัวดังกล่าว
“เป็นเพราะข้าใช้เวทโลหิต”
คำอธิบายจบลงแค่ตรงนี้
มันไม่ได้เล่าว่าแก่นมานาของตนได้รับความเสียหายและต้องเผชิญวิกฤติครั้งใหญ่
เพราะในท้ายที่สุด ร่างกายของมันจะถูกฟื้นฟูด้วยพลังแวมไพร์ทายาท ไม่มีความจำเป็นต้องทำให้กริดกังวล
ใบหน้ากริดสั่นระริกเล็กน้อย มันนั่งลงและจ้องหน้าบราฮัม
ชายหนุ่มสั่งให้หัตถ์เทวะบินมารองก้นประหนึ่งเก้าอี้ มันทั้งสบายและกระอักกระอ่วนในเวลาเดียวกัน เพราะต้องไม่ลืมว่า ต้นแบบของหัตถ์เทวะคือมือของกริดเอง
ทำไมในห้องถึงมีเก้าอี้แค่ตัวเดียว?
“ฆ่าเทพอสูรไปแล้วหรือ?”
เทพอสูร สตริโอ้
ในทางทฤษฎี มันอ่อนแอกว่าจอมอสูรหลักเดียว แต่ก็ไม่ควรประมาทร่างกายที่ใหญ่มหึมานั่น
เพียงนิ้วเดียวก็ยาวกว่าสิบเมตรแล้ว ไม่มีใครจินตนาการได้ว่าขนาดจริงของมันจะมโหฬารสักเพียงใด
ถึงขั้นที่ลำพังขนาดตัวก็สามารถเป็นอาวุธได้แล้ว
สตริโอ้สามารถปิดฟ้าได้ด้วยมือข้างเดียว และการพ่นลมหายใจหนึ่งครั้งสามารถสร้างพายุ
‘ตัวตนที่เกิดมาเพื่อสังหารหมู่ นอกจากนั้น มีโอกาสที่อาวุธทั่วๆ ไปจะสร้างความเสียหายต่อสตริโอ้ไม่ได้’
ค่าพลังชีวิตและพลังป้องกันของมันสอดคล้องกับขนาดตัว อีกทั้งยังมีบารมีเทพที่เพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ
ยังไม่ต้องนับฝีมือเชิงต่อสู้ เพียงข้อมูลพื้นฐานก็มากพอจะทำให้กริดไม่อยากเป็นศัตรูกับมัน
“ไม่… ตัวตนดังกล่าวไม่มีทางถูกฆ่า”
“คงเจ๋งเหมือนขนาดตัวสินะ”
“พูดเรื่องขนาดตัวไปก็เปล่าประโยชน์ เจ้านั่นเป็นมวลที่ก่อตัวจากวิญญาณอาฆาต… เพราะใกล้เคียงนามธรรม มันถึงได้เป็นเทพ”
บราฮัมเริ่มสาธยาย
ชื่อแรกที่ปรากฏคือเบริอาเช่
บราฮัมเสริมแนวคิดของตัวเองเกี่ยวกับนรกดั้งเดิม
กริดไม่แสดงความประหลาดใจมากนัก
เขตเป็นกลางของนรกนั้นมีความคล้ายคลึงโลกกึ่งกลาง
เทวรูปของเทพยาธานคอยป้องกันการใช้กำลัง
แม่น้ำแห่งการคืนชีพที่ปกครองโดยจอมอสูร
เหล่าทวยเทพที่ร่วมมือกับนรกได้อย่างไม่เคอะเขิน
โทสะและความเคียดแค้นที่เลอราเฆ่มีต่อบาเอล
ข้อความระบบที่บอกเป็นนัยว่าบาเอลเคยบิดเบือนนรก เป็นต้น
มีสาเหตุมากมายให้ชวนสงสัย
“ฉันเริ่มคาใจตั้งแต่รู้ว่าเทวรูปยาธานเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพในนรก ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมถึงต้องใช้เทพมารเป็นสัญลักษณ์”
ยาธานชั่วร้ายจริงหรือ?
เมื่อตั้งคำถามกับตัวเอง กริดพบว่าตนนึกความชั่วร้ายของยาธานไม่ออก
แต่แน่นอน มันไม่ได้โต้แย้งว่ายาธานไม่ใช่เทพมาร
ยาธานคือผู้สร้างนรกและอสูร
ยาธานคือแหล่งกำเนิดความชั่วทั้งหมดบนโลก การเรียกขานว่าเทพมารนั้นถูกต้องแล้ว
แต่ในวินาทีนี้ แนวคิดดังกล่าวเริ่มพลิกกลับด้าน
เพราะตามข้อสันนิษฐานของบราฮัม มีโอกาสสูงที่นรกจะเป็น ‘แหล่งพักพิงดวงวิญญาณคนตาย’
ไม่อย่างนั้นคงยากที่จะอธิบายว่า เหตุใดแม่น้ำแห่งการคืนชีพถึงไหลผ่านนรก
แม่น้ำแห่งการคืนชีพคือระบบที่จะมอบชีวิตใหม่ให้กับคนตาย เป็นการเอาใจใส่คนตาย
ถ้านรกคือดินแดนแห่งความชั่วช้าจริง พวกมันจะเอาใจใส่คนตายไปทำไม?
สามารถตีความได้ว่า นรกคือโลกที่ยาธานสร้างขึ้นด้วยเจตนาดี ไม่ใช่ความชั่วร้าย
พิจารณาจากจุดนี้ กริดเริ่มเรียกยาธานว่าเทพมารได้ไม่เต็มปาก
ในสายตามนุษย์ เทพสวรรค์เลวร้ายยิ่งกว่าเทพมารเสียอีก
“ตามความคิดของฉัน ยาธานเคยทำบาปเพียงหนึ่งเรื่อง”
เปรี้ยะ
แก้วไวน์ในมือบราฮัมปรากฏรอยปริแตกจำนวนมาก
“เจ้านั่นสร้างบาเอล”
บราฮัมยังไม่ลืมว่า เหตุใดมารดาของตนถึงให้กำเนิดแมรีโรส
เบริอาเช่อยากให้แมรีโรสสานต่อในสิ่งที่เธอทำไม่สำเร็จ
จึงสร้างสิ่งมีชีวิตที่ก้าวข้ามตัวเองขึ้นมา
บางทียาธานก็เช่นกัน
เหตุผลที่มันมอบพลังและอำนาจอันยิ่งใหญ่ให้บาเอล อาจเป็นเพราะมันปรารถนาให้บาเอลร่วมมือกับเหล่าพี่น้อง เพื่อช่วยปกป้องชะตากรรมของตัวยาธานเอง
ยกตัวอย่างเช่น ยาธานต้องการหลีกหนีจากชะตากรรมที่เป็นผู้ทำลายโลกเมื่อครบกำหนด
“มารดาของข้าทำให้เห็นเป็นตัวอย่างแล้ว… ทายาทไม่จำเป็นต้องทำในสิ่งที่พ่อแม่ต้องการเสมอไป เฟนเรียร์และแมรีโรสเติมเต็มความหวังของมารดาไม่สำเร็จ รวมถึงฉันที่ทำร้ายจิตใจผู้เป็นมารดา… ยาธานกับบาเอลก็คงไม่ต่างกัน”
อดีตของบราฮัมสมัยยังเป็นแวมไพร์ทายาทนั้นค่อนข้างน่าละอาย
แต่มันก็เล่าออกมาโดยไม่เคอะเขิน
มันใช้ตัวเองเป็นเครื่องพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างยาธานและบาเอล
และนั่นทำให้ ‘ข้อความ’ ถูกสื่อไปถึงกริดอย่างชัดเจน
“ฉันอยากทำให้นรกกลับไปอยู่ในสภาพเดิม นั่นคือความปรารถนาสูงสุดของท่านแม่”
บราฮัมสัมผัสถึงความรู้สึกของมารดา
เหตุใดเธอถึงต้องปิดบังความจริงโดยการบิดเบือนความทรงจำของทายาท?
คงเพราะเบริอาเช่ไม่ต้องการให้ทายาทของตนเสี่ยงอันตราย
ความปรารถนาที่มารดาพยายามปิดบัง บราฮัมไม่มีทางเลือกนอกจากทำให้มันเกิดขึ้นจริง
โลกที่บิดเบี้ยว มันต้องแก้ไขด้วยมือตัวเอง นั่นคือสิ่งที่บราฮัมคิด
“กริด แล้วนายล่ะ?”
[<เวิร์ลเควสต์> ถูกสร้างขึ้น]
[เวิร์ลเควสต์มีอิทธิพลมากพอที่จะพลิกมุมมองเกี่ยวกับโลกใบนี้ จงพึงระวังให้ดี]
<เวิร์ลเควสต์>
★ บทนรก
จากข้อมูลที่ท่านรวบรวมมาได้ ผนวกกับการตีความของบราฮัม ท่านประสบความสำเร็จในการเปิดเผยความจริงของนรก
พยายามแก้ไขความบิดเบี้ยวภายในนรก
เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ:
1. เผยแพร่ความจริง
เปิดเผยความจริงของนรกให้โลกรับรู้
เผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างน้อย 30% ต้องเชื่อคำพูดของท่าน
ท่านต้องเกลี้ยกล่อม ‘นักล่าอสูร’ ให้ได้
เมื่อบรรลุเงื่อนไข ความคืบหน้าของเวิร์ลเควสต์จะเพิ่มเป็น 20%
2. ปลดแอกแม่น้ำแห่งการคืนชีพ
เดิมที แม่น้ำแห่งการคืนชีพคืออภิสิทธิ์ของคนตาย
จงปลดแอกแม่น้ำแห่งการคืนชีพโดยการโน้มน้าวหรือกำจัดจอมอสูรเอลิกอส ผู้คอยปกป้องแม่น้ำแห่งการคืนชีพ
เมื่อบรรลุเงื่อนไข ความคืบหน้าของเวิร์ลเควสต์จะเพิ่มเป็น 30%
3. ลงทัณฑ์บาเอล
บาเอลคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังความบิดเบี้ยวของนรกในปัจจุบัน จงฟื้นฟูนรกโดยการลงทัณฑ์ต้นตอความชั่วร้ายทั้งปวง
เมื่อบรรลุเงื่อนไข ความคืบหน้าของเวิร์ลเควสต์จะเพิ่มเป็น 50%
4.???
5.???
รางวัลสำเร็จภารกิจ: ขึ้นอยู่กับความคืบหน้าภารกิจ
เงื่อนไขภารกิจล้มเหลว: เผยแพร่ความจริงไม่สำเร็จ
บทลงโทษในกรณีภารกิจล้มเหลว:
- เลเวลลดลง 200 ระดับ
- ค่าสถานะสูงสุดสองชนิดลดลง 20% ถาวร
- ถูกลงโทษเนื่องจากเผยแพร่ข่าวลือที่ทำให้ผู้คนแตกตื่น
[ท่านจะรับภารกิจหรือไม่?]
กริดจ้องหน้าบราฮัม
“ความฝันของเบริอาเช่ก็คือความฝันของนาย”
ดวงตาที่ไม่สั่นคลอนของชายหนุ่มปราศจากความลังเลและความกลัว
“ความฝันของนายก็คือความฝันของฉัน”
กริดมีชะตากรรมต้องต่อสู้กับนรกอยู่แล้ว
เพื่ออนาคตของคนสำคัญอย่างไอรีนและลอร์ด เพื่อปลดปล่อยดวงวิญญาณของแพ็กม่าที่อยู่กับบาเอล
นอกจากนั้น
บางที ข่านอาจกำลังทุกข์ทรมานจากการเป็นส่วนหนึ่งของเทพมาร
“ฮิวรอย”
“เชิญรับคำสั่ง”
กริดออกจากค่ายทหารและลงมือทันที
มันตีแผ่ความจริงของนรกไปทั่วโลกผ่านปากฮิวรอย
และอธิบายว่า เหตุใดมนุษย์ถึงต้องลุกขึ้นสู้
หากกริดเป็นเพียงแรงเกอร์ทั่วไป
หากกริดเป็นเพียงหัวหน้ากิลด์หรือผู้นำอาณาจักร ชั่วชีวิตนี้คงโน้มน้าวมนุษย์ 30% ไม่สำเร็จ
ไม่ว่าจะตรากตรำเผยแผ่ความจริงของนรกสักเพียงใด แต่จะมีสักกี่คนที่ยอมเชื่อ?
หรือต่อให้เชื่อ แต่จะมีสักกี่คนที่ยอมนำชีวิตของตัวเองมาเสี่ยงกับความคลุมเครือ?
[ความจริงของนรกกำลังแพร่กระจายไปทั่วโลก]
[5% ของมนุษย์เชื่อในคำพูดของท่าน]
[10% ของมนุษย์เชื่อในคำพูดของท่าน]
[20% ของมนุษย์เชื่อในคำพูดของท่าน]
[นักล่าอสูร ‘ยูร่า’ ช่วยเสริมความน่าเชื่อถือให้คำพูดของท่าน]
[35% ของมนุษย์เชื่อในคำพูดของท่าน]
[ท่านบรรลุเป้าหมาย!]
[50% ของมนุษย์เชื่อในคำพูดของท่าน]
[เป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งมาก! มนุษย์กว่าครึ่งเชื่อใจท่าน!]
[68% ของมนุษย์เชื่อในคำพูดของท่าน]
[มีข่าวลือว่า มนุษย์จากตะวันออกและชนพื้นเมืองในเกรเนียร์เชื่อคำพูดของท่าน]
[…!]
[…!!]
[...!!!]
[เกือบทั้งหมดของมนุษย์เชื่อใจท่าน]
[เทวตำนานของเทพโอเวอร์เกียร์ถูกเขียนเพิ่ม]
[ค่าบารมีเทพเพิ่มขึ้น 20 หน่วย]
[วิเคราะห์ความสำเร็จของท่านเพื่อมอบพลังใหม่สองชนิด]
[...]
[...]
กริดสัมผัสได้
หากตนคือดวงประทีปของมนุษย์ มนุษย์ทุกคนก็คือเรือที่คอยบรรทุกดวงประทีปนั้น
ดวงประทีปที่จะแล่นไปข้างหน้าด้วยความช่วยเหลือจากเรือ
Comments
Post a Comment