จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,288



“บุญคุณที่ช่วยชีวิตในคราวนี้ แม้จะใช้เวลาทั้งชีวิตที่เหลืออยู่ก็คงมิอาจตอบแทนท่านหมด”


กษัตริย์ชิงที่เพิ่งรอดพ้นจากภัยคุกคาม ก้มศีรษะขอบคุณกริดอย่างนอบน้อม


กิริยาท่าทางของมันไม่เหมือนกับการประจบประแจง หากแต่เป็นความยินดีจากก้นบึ้งที่ราษฎรของอาณาจักรชิงไม่ต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรม


ชายหนุ่มจ้องกษัตริย์ชิงด้วยแววตาอบอุ่นพลางมอบรอบยิ้ม


“นับตั้งแต่ท่านราชาโอเวอร์เกียร์ตัดสินใจต่อสู้เพื่อช่วยเหลือเทพเต่าดำ ฝ่าบาทก็ปรารถนาจะสานสัมพันธ์เลือดกับอาณาจักรชิงมาตลอด… ดังนั้น ท่านอย่าได้มองเป็นบุญคุณ นี่คือสิ่งที่คนในครอบครัวพึงช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”


“สานสัมพันธ์เลือด…?”


เป็นมากกว่ามิตรสหาย


ใกล้เคียงกับสมาชิกในครอบครัว


สำหรับกษัตริย์ชิง เรื่องนี้น่ายินดียิ่งกว่าสิ่งใด เพราะกษัตริย์กริดคือตัวตนอันยิ่งใหญ่ที่สามารถคืนชีพแก่เทพโบราณ—เต่าดำ ประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของอาณาจักรชิงจึงถูกเปิดเผยให้ราษฎรได้รับรู้


แต่มันยังไม่เข้าใจในบางเรื่อง


“ทางเรามิได้เคลือบแคลงเจตนาอันบริสุทธิ์ที่กษัตริย์กริดหยิบยื่นให้เทพเต่าดำ เพียงแต่ว่า เราไม่เข้าใจเหตุผลที่ฝ่าบาทปรารถนาจะสานสัมพันธ์เลือดกับพวกเรา… อาณาจักรชิงไม่เคยทำคุณประโยชน์อันใดให้พวกท่านมาก่อน”


“ท่านต้องมองไปยังอนาคต ใช่ปัจจุบันหรืออดีต เพราะไม่ว่าอย่างไร มนุษยชาติก็ต้องรวมใจเป็นหนึ่งในสักวัน เนื่องจากภัยคุกคามของพวกเราเต็มไปด้วยตัวตนที่น่าหวาดหวั่นเช่นเทพบนสวรรค์และจอมอสูรจากนรก”


“…”


กษัตริย์ชิงผู้เคยลิ้มรสความชั่วร้ายของยังบันมานานหลายปี ย่อมเข้าใจและเห็นด้วยกับคำกล่าวของราชินีโอเวอร์เกียร์


มนุษยชาติต้องร่วมมือกัน


“ฝ่าบาท! ฝ่าบาท!!”


เหล่านักรบชิงหลายร้อยนายต่างกรูเข้ามาในทางเดินลับหลังท้องพระโรง


แม้จะใช้เวลาเพียงไม่ถึงสิบนาทีนับตั้งแต่เหตุการณ์บุกรุกวังหลวงเริ่มต้นขึ้น แต่ดูเหมือนจะสายเกินไปหากคำนึงถึงผลลัพธ์ที่จบลงไปแล้ว


อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับพวกเขา เนื่องด้วยขนาดอันใหญ่โตโอ่โถงของวังหลวงหยางโจว


นักรบเหล่านี้ทำหน้าที่ได้ดีมากแล้ว เพราะถึงกริดจะไม่ปรากฏตัว แต่ทุกคนก็จะมาช่วยกษัตริย์ชิงได้ทันเวลาและหลบหนีไปพร้อมกัน


ถึงจะต้องมีการเสียสละอยู่บ้างก็ตาม


กริดชำเลืองตรวจสอบใบหน้ากลุ่มนักรบที่เพิ่งมาถึง จากนั้นก็กล่าวต่อ


“เพื่อเตรียมรับมือภัยคุกคามในวันข้างหน้า ข้าต้องการสนิทสนมกับนักรบที่แข็งแกร่งของอาณาจักรชิงให้มากเข้าไว้ ฝ่าบาท ท่านเต็มใจในเรื่องนี้หรือไม่”


“จะไม่เต็มใจได้อย่างไร ทางนี้ต่างหากที่ต้องสำนึกในบุญคุณพวกท่าน”


ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า อาณาจักรชิงมีขุมพลังเชิงศึกสงครามที่แข็งแกร่ง ไม่อย่างนั้นคงไม่มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายพันปี


แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่เป็นตัวตนระดับเหนือมนุษย์อย่างยังบันและแกรนมาสเตอร์ ทางรอดเดียวกลับกลายเป็นการมุดหัวอยู่หลังข่ายเวทมนตร์ป้องกันของเต่าดำ


กษัตริย์ชิงไม่ต้องการตกอยู่ในสภาพน่าสมเพชเช่นนี้ไปตลอดกาล ดังนั้น ข้อเสนอของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์—ขั้วอำนาจที่มีผู้นำเป็นตัวตนเหนือมนุษย์สุดแสนทรงพลัง จึงน่าสนใจเป็นอย่างมาก


ทั้งหมดก็เพื่ออนาคตอันสดใสของราษฎร


[อาณาจักรชิงสานสัมพันธ์เลือดกับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์!]


[ทั้งสองอาณาจักรเปรียบดังพี่น้อง!]


‘ต้องอย่างนี้…’


กริดกำลังตื่นเต้น


จากอาณาจักรโชสู่อาณาจักรชิง มันประสบความสำเร็จในการโน้มน้าว 2 จาก 4 อาณาจักรบนทวีปตะวันออกมาเป็นพวก เรียกได้ว่า สามารถรวบรวมขุมกำลังไว้แล้วกว่าครึ่งหนึ่ง


ย้อนกลับไปในตอนแรกที่เดินทางมาเยือนทวีปตะวันออก กริดย่อมไม่คิดไม่ฝันว่าตนจะทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้สำเร็จ


เมื่อความพยายามอย่างหนักเริ่มผลิดอกออกผลทีละนิด ชายหนุ่มอดอมยิ้มอย่างตื้นตันมิได้


กษัตริย์ชิงแสดงไมตรี


“พวกเราจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับการมาเยือนขององค์ราชินีแห่งโอเวอร์เกียร์อย่างสมเกียรติ แต่ก่อนอื่น ขอเชิญท่านเข้าพักในห้องรับรองก่อน เป็นการขจัดความเมื่อยล้าจากการเดินทาง”


“ขอบคุณสำหรับความกรุณา”


ขณะสนทนากับกษัตริย์ชิง กริดไม่เสียสมาธิแม้แต่วินาทีเดียว มันต้องการให้ผลลัพธ์การเจรจาออกมาดีที่สุด จึงไตร่ตรองทุกคำพูดอย่างถี่ถ้วนรอบคอบ


โดยยังไม่ลืมว่าตนคือไอรีน กริดนำมือทาบหน้าอกพร้อมกับโค้งศีรษะคำนับอย่างสง่างาม


และกล่าวคำอำลาด้วยกิริยาชดช้อย


ถูกต้อง มันกำลังอยู่ในร่างสตรี


***


“ให้ตายสิ…”


กริดพลันขมวดคิ้วหลังจากหัวหน้าสาวใช้นำทางมาถึงห้องพักรับรองแขกพิเศษ


เครื่องแต่งกายที่ถูกเตรียมไว้ไม่มีความพอดีแม้แต่ชุดเดียว บ้างก็หลวมโคร่ง บ้างก็วาบหวิวเกินจำเป็น มีกระทั่งเดรสที่ชายกระโปรงลากยาวไปกับพื้น ชุดท้องถิ่นที่เน้นเผยเนินอก และกี่เพ้าที่ผ่าต้นขาเว้าสูง


แม้จะเป็นเครื่องแต่งกายปรกติของสตรี แต่สำหรับกริด การต้องสวมใส่พวกมันถือเป็นภาระทางจิตใจอย่างหนักหน่วง


“ให้ตายสิ ชุดไหนก็ไม่ดีทั้งนั้น…”


ชุดที่ไม่เผยเนื้อหนังก็หลวมจนเกินไป ราวกับสามารถยัดแตงโมเข้าไปได้ทั้งผล ไม่สะดวกต่อการเคลื่อนไหว ส่วนชุดกี่เพ้าซึ่งดูเหมาะสมที่สุดก็ยังมีสวนวาบหวิวบริเวณต้นขา


‘เราจะไม่ยอมให้ใครเห็นเรียวขาอันงดงามของไอรีนเด็ดขาด!’


ลงเอยด้วย


“เป็นไปตามที่ฝ่าบาทคาด แกรนมาสเตอร์อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก… แต่ฝ่าบาทจะแต่งตัวเช่นนี้ออกไปร่วมงานเลี้ยงจริงหรือ”


“ทำไมจะไม่ได้ นี่แหละชุดออกงานของฉัน”


กริดสวมชุดเกราะเต็มพิกัดแบบเดียวกับเมื่อครั้งต่อสู้กับซูซาน


นอกเหนือจากบริเวณใบหน้าและลำคอ ร่างกายแทบทุกส่วนล้วนห่อหุ้มด้วยโลหะ


สำหรับชายหนุ่ม การแต่งกายเช่นนี้ไม่ชวนให้อึดอัดแต่อย่างใด เพราะชุดเกราะถือเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันมาสักพักใหญ่แล้ว


และเหนือสิ่งอื่นใด ไอเท็มที่มันผลิตขึ้นล้วนถูกออกแบบให้สวมใส่สบาย


“แล้ว… แกรนมาสเตอร์กำลังทำอะไรอยู่”


ย้อนกลับไปขณะกริดกำลังต่อสู้กับกลุ่มอัศวินสีชาดยุคใหม่ในวังหลวง ปิอาโร่อำพรางร่างกายอย่างแนบเนียนตามคำสั่ง


หลังจากปิอาโร่สะกดรอยตามผู้หลบหนีไป มันมองเห็นแกรนมาสเตอร์จากระยะไกล


“ด้านนอกเมืองหลวง อยู่กับชายที่ชื่อซีบาล… ถ้าประเมินจากจุดยุทธศาสตร์ เขาคงกำลังดักเส้นทางหลบหนีของกษัตริย์ชิง”


“กระตือรือร้นจนผิดปรกติ…”


ตัวตนที่แท้จริงของแกรนมาสเตอร์คือ ร่างอวตารของมารลำดับ 6 ‘ซิก’ ผู้มีบาปแห่งความเกียจคร้านติดตัวเหมือนกับแวมไพร์


ซิกเคลื่อนไหวร่างกายได้น้อยกว่าคนปรกติ จึงลงมือทำในสิ่งที่จำเป็นอย่างมากเท่านั้น


แต่ในภารกิจบุกวังหลวง มันกลับเลือกจะดักเส้นทางหลบหนีของกษัตริย์ชิง


‘สำคัญยังไง…’


สำหรับกริด ไม่ว่าจะมองมุมใด เป้าหมายแรกของแกรนมาสเตอร์คือการไปพบห้าอาวุโส นั่นต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญอย่างแท้จริง แม้จะต้องใช้สว่านแทงขาตัวเองให้ลืมตาตื่นก็ตาม


‘บางที เขาอาจมาหาเราเร็วกว่าที่คิด’


ย้อนกลับไปในอดีต แม้ว่ากริดจะเลือกอยู่ฝ่ายฮวนเดอร์และเป็นศัตรูตัวฉกาจในแผนการก่อกบฏของแกรนมาสเตอร์ แต่กระนั้น แกรนมาสเตอร์กลับยังพยายามโน้มน้าวให้ชายหนุ่มเข้าเป็นพวกโดยไม่ลงมือทำร้าย


เมื่อประเมินจากมุมมองดังกล่าว กริดเชื่อว่าตนคืออีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่อีกฝ่ายยินดีเจรจาอย่างสันติ


เขาต้องหาโอกาสโน้มน้าวเราอีกครั้งแน่…


และถึงเวลานั้น กริดจะอธิบายให้แกรนมาสเตอร์เข้าใจอย่างกระจ่างชัดว่า ถ้าตัดสินใจร่วมมือกับห้าอาวุโส โอกาสล้างมลทินให้เจ็ดมารก็จะอันตรธานหายไปตลอดกาล


“องค์ราชินีพร้อมหรือยังเพคะ”


“อา…”


กริดตัดสินใจหนักแน่นขณะเดินตามหัวหน้าสาวใช้ไปยังห้องจัดงานเลี้ยง


***


“ราชินีโอเวอร์เกียร์?”


ซีบาลที่กำลังยืนดูอัศวินสีชาดยุคใหม่คุกเข่ารายงานเหตุการณ์ต่อแกรนมาสเตอร์ พลันเคลือบแคลงในสิ่งที่ได้ยินทันที


หญิงสาวที่เรียกตัวเองว่าไอรีน ราชินีแห่งโอเวอร์เกียร์ จะสะบั้นเศียรของซูซานด้วยพละกำลังที่เหนือกว่าได้อย่างไร?


‘ไอรีนฝึกวิชาการต่อสู้ด้วยหรือ…’


แน่นอน ไอรีนถือเป็น NPC ที่มีชื่อเสียงในหมู่ผู้เล่นพอสมควร เนื่องจากเธอคือ NPC คนแรกที่แต่งงานและสามารถมีบุตรกับผู้เล่น เท่านี้ก็เพียงพอให้คนทั่วโลกหันมาสนใจ


ด้วยความงามของเธอ ผู้เล่นต่างพยายามสืบประวัติหาที่มาที่ไป จนทำให้ทราบให้ภายหลังว่า งานอดิเรกของไอรีนเกี่ยวกับดอกไม้เป็นส่วนใหญ่


ถึงจะเป็นบุตรีของดยุคสไตม์ แต่ก็ไม่เคยมีใครได้ยินว่าไอรีนฝึกฝนดาบหรือเวทมนตร์มาก่อน


‘…รูปโฉมอันเลอค่าและบริสุทธิ์ผุดผ่องราวกับนางฟ้านั่นเป็นเพียงการเสแสร้ง?’


ไม่สิ ยังเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุป


หากเธอแข็งแกร่งถึงเพียงนั้นจริง หลายเหตุการณ์ในอดีตของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ก็ควรถูกแก้ไขในทิศทางที่ดีกว่านี้


หนึ่งในนั้นคือความตายของข่าน


แต่ในความเป็นจริง ไอรีนมิได้กระทำสิ่งใดเพื่อช่วยข่านเลย แถมยังมีข่าวลือหนาหูด้วยว่า เธอเคยถูกคนของวิหารยาธานลักพาตัวบ่อยครั้ง


‘…แข็งแกร่งขึ้นอย่างกะทันหัน?’


ลองมองในมุมใหม่ อาณาจักรโอเวอร์เกียร์มีสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาฝีมือรอบด้าน ไม่ว่าจะจอมปราชญ์สติกส์ เมอร์เซเดส หรือปิอาโร่ นอกจากนี้ยังมี NPC พิเศษเดินขวักไขว่อยู่เต็มอาณาจักร ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะแข็งแกร่งขึ้นจากสมัยอดีต


ยิ่งถ้านับรวมไอเท็มของกริดด้วยแล้ว…


‘บิดาของเธอเป็นยอดนักดาบ… พรสวรรค์ทางสายเลือดอาจเป็นของจริง’


ดยุคสไตม์เคยเป็นหนึ่งในเสาหลักสำคัญของอาณาจักรอีเทอนัลมาก่อน อิทธิพลในแดนเหนือของมันยากจะหาใครทัดเทียม


เมื่อนำปัจจัยทั้งหมดมาประกอบ ความแข็งแกร่งของไอรีนจึงยังอยู่ในกรอบสามัญสำนึก


แต่ถึงอย่างนั้น…


‘เก่งกาจถึงขั้นล้มซูซานได้เชียว?’


พลังอักขระ


ซีบาลยังไม่ชำนาญพลังดังกล่าวมากนักเนื่องจากติดข้อจำกัดทางด้านเลเวล แต่เรื่องนี้ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับซูซาน เธอคือหนึ่งในบุคคลที่ชำนาญพลังอักขระมากกว่าใครในกลุ่มอัศวินสีชาดยุคใหม่ ถึงขั้นเชื่อว่า ตนก้าวข้ามเมอร์เซเดสไปเรียบร้อยแล้ว


ระดับในปัจจุบันของซูซานน่าจะเทียบเท่าอดีตเจ็ดดยุคหัวแถว แต่กระนั้นกลับถูกจัดการอย่างง่ายดาย…


ขณะสมองของซีบาลเต็มไปด้วยชุดคำถาม แกรนมาสเตอร์หันมาแสดงความเห็น


“เจ้าคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำความเข้าใจได้ยากเกินไปไหม?”


“ใช่ครับ… มีบางสิ่งไม่ชอบมาพากล ค่อนข้างเชื่อได้ยากว่าราชินีโอเวอร์เกียร์ ไอรีน จะเก่งกาจขึ้นอย่างก้าวกระโดดภายในเวลาอันสั้น ต่อให้อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ลงทุนทุ่มทรัพยากรทั้งหมดกับเธอเพียงคนเดียวก็ตาม”


“แปลว่าเธอไม่ใช่ราชินีโอเวอร์เกียร์”


ในความเป็นจริง แกรนมาสเตอร์ไม่จำเป็นต้องตั้งคำถามกับซีบาล เนื่องจากมันเคยตรวจสอบประวัติบุคคลสำคัญเกือบทั้งหมดบนทวีปตะวันตกมาแล้ว และไอรีนมีศักยภาพเพียงพอที่จะแข็งแกร่งกว่าซีบาลได้


แต่ไม่มีทางแข็งแกร่งไปกว่าซูซาน


“แล้วยังจะเป็นใครได้อีก…”


ก่อนเริ่มบุกวังหลวง แกรนมาสเตอร์ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่า ตนจะก้าวเข้าสู่เส้นทางการนองเลือด เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ต้องล้างมลทินที่ติดตัวเหล่าเจ็ดมารให้จงได้


เป็นการละทิ้งอัตตาที่มันพยายามรักษามานานกว่าพันปี


แต่ยิ่งแผนการดำเนิน สัญชาตญาณก็ยิ่งร้องเตือนถึงความไม่ชอบมาพากล มันเริ่มกระวนกระวายและตะขิดตะขวงใจ


แกรนมาสเตอร์ขมวดคิ้วชนกันพลางจ้องไปยังทิศทางของวังหลวงหยางโจว


ไม่ค่อยมีใครเคยเห็นสีหน้าเช่นนี้บ่อยนัก


***


ขณะเดียวกัน ทางด้านกริดที่อยู่ในวังหลวง


‘…มวนท้องฉิบ’


มันกำลังลิ้มรสประสบการณ์การเป็นสาวงาม


แม้เหล่าขุนนางของชิงจะหวาดกลัวทักษะอันเหลือล้นของราชินีโอเวอร์เกียร์ แต่พวกมันก็ยังเป็นบุรุษมากตัณหา อาจไม่มีใครจ้องมองอย่างประเจิดประเจ้อ แต่กริดสามารถมองเห็นอากัปกิริยาของทุกคนอย่างเต็มสองตา


‘ดีนะที่ไม่สวมกี่เพ้า…’


สีหน้ากริดเริ่มซับซ้อนเจือความสับสน มันเกิดความกังวลในใจว่า ในอดีตที่ผ่านมา ไอรีนต้องเผชิญกับสายตาอนาจารเช่นนี้ตลอดเลยหรือ


บางที ในวินาทีนี้ เธออาจกำลังถูกใครบางคนฉวยโอกาสเอาเปรียบอยู่ กริดจะรู้สึกสบายใจก็ต่อเมื่ออัญเชิญหล่อนมาอยู่ข้างกายเท่านั้น


‘…ไม่ได้ นั่นเป็นพฤติกรรมหึงหวงเกินเหตุ’


กริดส่ายหน้าพลางกล่าวกับปิอาโร่ด้านข้าง


“ปิอาโร่ ฉันจะเป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยมจนไอรีนไม่อยากอยู่ห่างแม้แต่วินาทีเดียว… ขอเอาเกียรติของลูกผู้ชายเป็นเดิมพัน!”


“ฝ่าบาท…”


ดวงตาปิอาโร่พลันเปียกชุ่ม


เจ้านายของตนเพิ่งสาบานว่าจะเป็นสุภาพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ …ทั้งที่กำลังอยู่ในร่างสตรี


“ฝ่าบาททำให้กระหม่อมตระหนักว่า การจะเอาตัวรอดบนโลกใบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด”


“…?”


ท่าทีตอบสนองของปิอาโร่ทำให้กริดกระอักกระอ่วน จึงเปลี่ยนไปสนทนากับกษัตริย์ชิงที่อยู่อีกฝั่ง


“ข้าได้ยินมาว่า ในหยางโจวมีการเพาะปลูกวอลนัทสีทอง ไม่ทราบว่าพาไปชมได้หรือไม่”


“แน่นอน”


กษัตริย์ชิงพยักหน้ารับอย่างยินดี


ทว่า กริดพลันตัวแข็งทื่อเมื่อได้ฟังคำถัดมา


“แต่การใช้คำว่า ‘เพาะปลูก’ คงไม่ถูกต้องสักเท่าไร เพราะวอลนัทสีทองคือพืชที่เจริญเติบโตตามธรรมชาติเท่านั้น มิอาจปลูกด้วยเทคโนโลยีเกษตรกรรมได้”


‘บัดซบ… บ้าจริง!’


ชายหนุ่มผิดหวังอย่างหนัก


“โฮ่…?”


แต่ดวงตาปิอาโร่กลับกำลังส่องประกายแวววาว ประหนึ่งได้เผชิญบททดสอบสุดท้าทาย

______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 2 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,711
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00