จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,282



<ตำนานบทใหม่ถือกำเนิด! อริยศรจะใช่จิสึกะหรือไม่!? >


<อาณาจักรโอเวอร์เกียร์มีตำนาน 6คนแล้ว!!>


<ลันเทียร์คนใหม่… คงเป็นเรื่องยากที่จะระบุตัวตนให้แน่ชัดในตอนนี้>


『ทุกคนคงมั่นใจเกือบ 100% ว่านักธนูในตำนานคือจิสึกะ คงไม่มีใครปฏิเสธความเหมาะสมของเธอได้แน่ แต่หากพูดถึงลันเทียร์คนใหม่ ทางเราแทบไม่มีข้อมูลในเรื่องนี้เลยครับ』


『ผมคิดว่าเป็นเฟคเกอร์ครับ ถ้าไม่ใช่เขาแล้วยังจะเป็นใครได้อีก ชายคนนั้นได้รับฉายาว่า ‘เทพสังหาร’ ทั้งที่เป็นเพียงคลาสธรรมดา…』


『ลันเทียร์มิใช่ชื่อสำหรับใครก็ได้ แต่ต้องเป็นผู้นำสูงสุดขององค์กรนักลอบสังหารนามว่าอุปราคา ผมคิดว่า ลันเทียร์คนใหม่คงเป็นหนึ่งในสมาชิกของอุปราคารุ่นปัจจุบัน และเป็นได้ทั้งผู้เล่นหรือ NPC 』


『เห็นด้วยครับ ตามความคิดของผม เฟคเกอร์ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ภายในอาณาจักรโอเวอร์เกียร์คงไม่มีคุณสมบัติมากพอจะเป็นผู้นำอุปราคา』


***


“ทำไมพวกมันถึงทำตัวแบบนี้ทุกที”


ณ ร้านสวาปามจกบัลเผ็ดสาขาแฮนัม


พีคซอร์ดที่ห่อหมูสามชั้นจกบัลด้วยใบงาและกำลังใช้ตะเกียบคีบใส่ปาก เริ่มขมวดคิ้ว


มันหงุดหงิดที่ผู้บรรยายเอาแต่พล่ามว่า หนึ่งในผู้เล่นเชื้อสายเกาหลีใต้แสนสูงส่ง ขาดคุณสมบัติที่จะเป็นนักลอบสังหารในตำนาน


สวาปามจกบัลเผ็ดเผยรอยยิ้มขื่นขมหลังจากกระดกโซจูหนึ่งแก้วลงกระเพาะ


“พวกเขาคงไม่อยากยอมรับว่า ผู้เล่นคลาสตำนานถึงสองคนจะปรากฏตัวในอาณาจักรโอเวอร์เกียร์พร้อมกัน… ฟังดูน่าเหลือเชื่อเกินไป”


จากผู้เล่นกว่าสองพันล้าน มีเพียงไม่ถึงสิบที่พัฒนาตัวเองจนกลายเป็นคลาสตำนานสำเร็จ


และเกือบทั้งหมดอยู่ในโอเวอร์เกียร์


“แต่คิดฉันว่า… แบบนี้ดีแล้ว หากเรื่องที่เฟคเกอร์คือลันเทียร์แพร่งพรายออกไป คนทั่วโลกจะพากันเกลียดชังโอเวอร์เกียร์โดยไม่จำเป็น”


“ในเมื่อสิ่งนี้คือความสำเร็จที่เกิดจากการทำงานหนัก แล้วทำไมคนส่วนใหญ่ถึงต้องเกลียดชังและกีดกันพวกเรา?”


“ไม่ใช่ทุกคนที่พยายามจะประสบความสำเร็จเสมอไป หรือก็คือ พรสวรรค์ถือเป็นวาสนาประเภทหนึ่ง จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะเกิดความริษยาและไม่ชอบหน้าคนที่โชคดีกว่า”


แม้สวาปามจกบัลเผ็ดจะกล่าวเช่นนั้น แต่มันก็ตระหนักดีว่า ตนถูกจัดอยู่ในกลุ่ม ‘พวกเขา’


เมื่อไม่นานมานี้ สวาปามจกบัลเผ็ดเริ่มตระหนักถึงขีดจำกัดของตน


ในแม็ปเก็บเลเวลระดับสูงถึงสูงมาก คลาส <นักสร้างดันเจี้ยน> เริ่มพบอุปสรรคในการรับมือกับมอนสเตอร์


ยิ่งเป็นแม็ปยากมากเท่าไร สถานที่เหมาะสมในการสร้างดันเจี้ยนก็ยิ่งมีน้อย แถมมอนสเตอร์ยังเกิดใหม่ได้เร็วกว่าอัตราเสียชีวิต การสร้างดันเจี้ยนขณะถูกมอนสเตอร์รบกวนจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ส่งผลให้คลาสที่ ‘เก่งในดันฯ’ แทบไม่ได้ใช้ความสามารถของตัวเองให้เกิดประโยชน์


เมื่อหันไปเห็นสวาปามจกบัลเผ็ดถอนหายใจด้วยสีหน้าห่อเหี่ยว พีคซอร์ดพ่นลมออกทางจมูก


“ฉันเองก็ไม่ใช่คนมีพรสวรรค์อะไรนัก แต่ก็อย่างที่นายเห็น เลเวลของฉันไม่ได้ช้า”


“ก็นายมันโอเวอร์เกียร์…”


สวาปามจกบัลเผ็ดที่โพล่งเถียงไปตามสัญชาตญาณ พลันปิดปากเงียบกลางคัน


การไปตีตราว่าอีกฝ่ายได้ดิบได้ดีเพราะเอาแต่พึ่งพาพลังของไอเท็ม คงไม่เหมาะสมกับพีคซอร์ดที่พยายามฝึกฝนตัวเองอย่างหนักสักเท่าไร


แต่โชคยังดี พีคซอร์ดไม่ขุ่นเคือง


ตรงกันข้าม มันฉีกยิ้มกว้างและตอบกลับ


“นายพูดถูก ฉันมันโอเวอร์เกียร์ เพราะนี่คือหนทางที่คนไร้พรสวรรค์อย่างเรา จะก้าวข้ามอุปสรรคแห่งโชคชะตาไปได้”


“…!”


“รีบตัดสินใจได้แล้ว มาอยู่โอเวอร์เกียร์กิลด์หลักด้วยกัน ให้ท่านก็อดกริดช่วยเสริมพลังแห่งไอเท็มกับนาย พวกเราจะได้เล่นเกมนี้กันอย่างมีความสุขทุกฝ่าย”


“…”


อันที่จริง พีคซอร์ดกำลังตระหนักถึงบางสิ่ง


สัญชาตญาณของมันเริ่มร้องเตือนว่า การถือกำเนิดของสองตำนานในกิลด์โอเวอร์เกียร์ อาจนำพาพายุลูกใหญ่เข้าสู่อาณาจักร


ด้วยเหตุผลดังกล่าว พีคซอร์ดจึงต้องการปกป้อง ‘บ้าน’ ของตนเท่าที่พอจะช่วยไหว


“ดูอย่างกริดสิ ในปัจจุบัน ไม่มีใครเกลียดชังหรือริษยาเขาอีกแล้ว เพราะเขาแข็งแกร่งเสียจนไม่มีใครเอื้อมถึง มองว่าอยู่คนละโลกโดยสิ้นเชิง ดังนั้น ถ้าเราทำให้กิลด์โอเวอร์เกียร์แข็งแกร่งจนทิ้งห่างทุกฝ่ายได้เหมือนกับกริด ความเกลียดชังและแปลกแยกก็จะหมดไป”


แปะ!


เมื่อสิ้นเสียงพีคซอร์ดปรบมือ กลุ่มชายหนุ่มจำนวนหลายสิบทยอยเดินเข้ามาในร้านอาหาร


พวกมันที่หยุดยืนด้านหลังพีคซอร์ด ล้วนเป็นกลุ่มเกมเมอร์ชาวเกาหลีใต้แห่งสมาคมเกาหลีใต้จงเจริญทั้งสิ้น


นี่คืออาวุธลับที่พีคซอร์ดเตรียมไว้คอยสนับสนุนอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ในอนาคต


“สวาปาม ได้โปรดเข้าร่วมกับเรา ผนึกกำลังกันนำพากิลด์โอเวอร์เกียร์ไปสู่ความยิ่งใหญ่”


***


“…”


หลังจากสูญเสียลูน่า แอ็กนัสแน่นิ่งไปนานสามวันเต็ม


มันมิได้เดินทางไปยังสุสานเพื่อคืนชีพให้กับกองทัพความตายเหมือนกับตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ทำเพียงกักขังตัวเองภายในบ้านโกโรโกโสโดยปราศจากน้ำและอาหาร


[ท่านเสียชีวิต]


ภาวะอดอาหารตาย


เป็นอีกครั้งที่มันเสียชีวิตจากความตายซึ่งมีผู้เล่นเพียงน้อยคนจะเคยสัมผัส


เป็นเพราะตายครบสองครั้ง แอ็กนัสจึงถูกระบบบังคับล็อกเอาต์ออกจากเกม


หลังจากถูกส่งกลับมายังโลกความจริง มันเริ่มตระหนักถึงเรื่องสำคัญบางสิ่ง


“…เรามันบ้าสิ้นดี”


ลูน่าในเกมเป็นเพียงตุ๊กตาเทียมที่ถูกสร้าง


และซาทิสฟายก็เป็นเพียงโลกเสมือนอีกใบ


เป็นความจริงที่มันหลงลืมไปนานมาก


***


“นี่… นายยังโอเคใช่ไหม?”


“เธอมาทำอะไรที่นี่?”


ด้วยบรรยากาศเย็นชา แอ็กนัสถลึงตาใส่หมอเฮร่าที่เดินเข้ามาทักทายโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง


สำหรับแอ็กนัส สีหน้าเป็นกังวลของเธอได้สร้างความขุ่นเคืองให้มันเหนือพรรณนา


“กำลังสงสารและสมเพชฉันใช่ไหม เธอกำลังคิดว่าฉันโง่ใช่ไหม!?”


เฮร่าตวาดใส่แอ็กนัสที่กำลังมองเห็นเธอซ้อนทับกับยูเฟอมิน่า


“จะสงสารนายไปทำไม! ฉันที่ถูกจับมาเป็นตัวประกันร่วมเดือนเนี่ยนะ!? ที่ฉันยังอยู่ก็เพราะนายเคยข่มขู่ว่า หากไม่ยอมร่วมมือ จะตามไล่ฆ่าไปจนสุดขอบเหวนรก!”


“ไสหัวไป… ฉันไม่ต้องการเธออีกแล้ว”


ยาต้มโสมคุนลุ้น


แอ็กนัสจับเฮร่าเป็นตัวประกันเพราะมันต้องการยาต้มสำหรับคืนชีพตุ๊กตาศพ


แต่ในปัจจุบัน สิ่งนั้นไม่จำเป็นอีกต่อไป


ลูน่าที่แอ็กนัสปรารถนาจะคืนชีพ มิได้มีตัวตนอยู่จริงภายในโลกซาทิสฟาย


“ข…เข้าใจแล้ว… ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้”


ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เฮร่าที่ได้เห็นพฤติกรรมของแอ็กนัสทุกวันเริ่มเกิดความสงสาร เนื่องจากอีกฝ่ายเอาแต่กอดตุ๊กตาศพอย่างทะนุถนอมพลางกระซิบคำหวานข้างใบหู


ถึงขั้นที่ว่า ในฐานะหมอ เธอเคยคิดจะช่วยบรรเทาสุขภาพจิตของมันให้ดีขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี


แต่เมื่อลองไตร่ตรอง เฮร่ากลับพบว่าความคิดดังกล่าวช่างเหลวไหลและไร้ประโยชน์


อีกฝ่ายคือคนดังที่อยู่คนละโลกโดยสิ้นเชิง


ต่อให้ผู้ชายระยำคนนี้จะเจ็บปวดแสนสาหัสสักเพียงใด… แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรา?


“ขอฝากไว้หนึ่งเรื่อง… นายควรหยุดทำร้ายผู้บริสุทธิ์ได้แล้ว”


โครม!


เมื่อเฮร่าเก็บกระเป๋าและเดินจากไป บ้านหลังโกโรโกโสก็ถูกความเงียบงันครอบงำอีกครั้ง


เป็นความเงียบที่แอ็กนัสชื่นชอบและคุ้นเคย


“หน้าต่างสถานะ”


ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ


แอ็กนัสเอาแต่นั่งจ้องหน้าต่างสถานะโดยไม่ยอมลุกไปไหน


หลังจากเพ่งมองระบบที่ตนละเลยการเอาใจใส่มานาน มันเริ่มตระหนักอย่างแจ่มชัดว่า ที่นี่เป็นเพียงโลกเสมือนอีกหนึ่งใบ


เลเวล 353


ลดลงจากความทรงจำล่าสุดราว 4 เลเวล…


“คิคิก… เราเริ่มล้าหลังแล้วสินะ”


เมื่อลองเบือนหน้าออกไปนอกหน้าต่าง มันได้พบกับแสงอาทิตย์ยามย่ำรุ่งสีส้มแสด


แอ็กนัสเดินออกไปยังถนนและพบกับผู้คนมากหน้าหลายตาเดินขวักไขว่ในช่วงเช้า


หลายคนกำลังยิ้มแย้มแจ่มใส


ความสุขอันไม่จีรัง กำลังถูกฉาบลงบนใบหน้าของมนุษย์จำนวนมากในทัศนียภาพแอ็กนัส


“คิคิก… คิฮ่าฮ่าฮ่า!”


มันทราบทันที ว่าตนต้องกระทำสิ่งใด


หลังจากหวนนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับบาเอล แอ็กนัสเดินตรงไปยังสุสานใหญ่


ที่นี่ปลอดคน


หรือต่อให้มี ก็คงไม่ใช่ปัญหาอะไรนัก


“อัญเชิญอันเดด”


ก่อนอื่นก็ต้องรีบเก็บเลเวล


เมื่อถึงจุดหนึ่ง มันมีแผนจะสร้าง ‘ตุ๊กตาศพ’ ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก เป็นคนละเกรดกับลูน่าโดยสิ้นเชิง จากนั้นก็พัฒนาให้กลายเป็นตำนานและแผ่ขยายความหวาดผวาไปทั่วโลก


ดวงตาสีทองเจือความเย็นชาของแอ็กนัส ผู้กำลังใช้มือข้างหนึ่งสางผมสีเขียวกระเซอะกระเซิง จ้องมองไปยังทิศทางของเมืองหนึ่งซึ่งตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาตรงสุดขอบสายตา


***


‘เราต้องรีบไปแล้ว’


จิสึกะและเฟคเกอร์


สองสมาชิกคนสำคัญของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์เลื่อนระดับกลายเป็นคลาสเลเจนดารี


ด้วยเหตุผลดังกล่าว ขุมพลังของโอเวอร์เกียร์จึงพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่กริดกลับเป็นกังวลมากกว่ายินดี


เพราะมันเคยสัมผัสระบบสุดระยำของซาทิสฟายที่พยายามรักษาสมดุลด้วยการพ่วงด้วยเงื่อนไขที่ว่า ‘ทุกพลังมาพร้อมราคาที่ต้องจ่าย’ เสมอ


เมื่ออาณาจักรโอเวอร์เกียร์แข็งแกร่งขึ้นในระดับผิดธรรมชาติ จึงมีโอกาสเป็นไปได้ว่า ฝ่ายที่แข็งแกร่งกว่ากำลังเพ่งเล็งลงมา


แค่ ‘มีโอกาส’ ก็มากพอจะทำให้เป็นกังวล


บางที กลุ่มอุปราคาอาจเตรียมแค้นแก้เฟคเกอร์ด้วยอาวุธลับสุดท้ายของพวกมัน หรือไม่ก็ สาวกเทพสงครามบางคนที่หวังจะเป็นอริยศร จ้องจะฆ่าจิสึกะเพื่อช่วงชิงตำแหน่ง


และเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด กริดเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถตัดไม้ฟอสฟอรัสขาว


เพื่อรวบรวมฟืนจำนวนมาก มันจำต้องเดินทางไปยังทวีปตะวันออกด้วยตัวเองอย่างไม่มีทางเลือก


‘ไม่มีช่างตัดไม้ในตำนานสักคนเลยรึไง…’


สำหรับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ พวกมันยังขาดแคลนบุคลากรเปี่ยมพรสวรรค์ในอีกหลายสาขาอาชีพ


ยิ่งอาณาจักรขยายฐานอำนาจ งานในมือก็ยิ่งเพิ่มขึ้น และนั่นต้องพึ่งพาทรัพยากรมนุษย์อย่างมิอาจหลีกเลี่ยง


‘หลังจากนี้คงต้องพยายามสานสัมพันธ์กับผู้คนให้มากเข้าไว้…’


ในปัจจุบัน กิลด์โอเวอร์เกียร์มีสมาชิกทั้งสิ้น ราวสามพันคน


เกินกว่า 90% เข้ามาด้วยกระบวนการรับสมัครโดยมีลอเอลคอยคัดกรอง อีก 10% ที่เหลือคืออดีตสมาชิกเซดากาห์และกิลด์ไจแอนท์


หรือก็คือ กริดแทบไม่ได้หาคนเข้ากิลด์เลย


ถึงจะอ้างว่า กริดช่วยเพิ่มจำนวนประชากร NPC เป็นจำนวนมากให้อาณาจักร รวมไปถึงบรรดาช่างตีเหล็กจากทั่วทวีป แต่งานของประชากรกับสมาชิกกิลด์นั้นถือเป็นคนละส่วน


“แล้วจะรีบกลับมา”


กริดที่ใช้ริมฝีปากจุมพิตลงบนแก้มอันอ่อนนุ่มของไอรีน กระซิบด้วยรอยยิ้มสดใส


ภาพดังกล่าวทำให้ไอรีนเบาใจลงหลายส่วน


“ระวังตัวด้วยนะคะ”


“แค่ไปรวบรวมฟืน… แต่ก็จะระวังตัวไว้”


เมื่ออำลาภรรยาเสร็จ กริดหันไปหาสติกส์


สติกส์ที่ถูกเรียกตัวกะทันหันระหว่างคาบการสอน ทำได้เพียงพ่นคำพึมพำออกจากปาก


“ในระยะหลัง นักเรียนของกระหม่อมเริ่มมองด้วยสายตาขาดความเคารพมากขึ้น… คงไม่มีใครชอบครูที่หยุดสอนกลางคันบ่อยครั้ง”


“แล้วทำไมนายถึงไม่ถ่ายทอดเวทมนตร์เฉพาะตัวให้ศิษย์เอกสักคน? ฉันจะได้เรียกใช้งานเจ้านั่นแทน”


“หืม… ศิษย์เอก…”


สำหรับโรงเรียนหลวงโอเวอร์เกียร์ มีนักเรียนที่ผ่านการสอนของสติกส์เกินกว่าร้อยคน แม้กระทั่งลอร์ดก็เป็นหนึ่งในนั้น


อย่างไรก็ตาม สติกส์ไม่เคยรับใครเป็นศิษย์เอกอย่างจริงจัง


เพราะสิ่งที่ถ่ายทอดส่วนใหญ่เป็นความรู้ในเชิงวิชาการ อย่างมากก็ศาสตร์เกี่ยวกับภูตธาตุ


มันไม่เคยมีความคิดที่จะถ่ายทอดเวทมนตร์เฉพาะตัวให้ใคร


สำหรับไฮเอลฟ์ที่มีอายุยืนยาวจนใกล้เคียงกับคำว่านิรันดร์ สติกส์ไม่เคยกังวลว่า เวทมนตร์ของตนจะสูญหายไปตามกาลเวลา


แต่ในวินาทีนี้ ทัศนคติดังกล่าวถูกกระตุ้นให้เปลี่ยนทิศทางด้วยแนวคิดใหม่


ความเหน็ดเหนื่อยที่ถูกกริดเรียกใช้งานเยี่ยงบริกรร้านอาหาร คือแรงผลักดันทำให้มันต้องการมีศิษย์เอกโดยเร็ว


“ตกลง… กระหม่อมจะรีบหาศิษย์เอก”


สติกส์ตัดสินใจหนักแน่น


แม้เจตนาจะไม่บริสุทธิ์ผุดผ่องนัก แต่ก็มีเหตุผลมากพอจะทำให้ไม่ถูกตำหนิ


ไม่มีข้อกังขาเลยว่า ศิษย์เอกของสติกส์จะกลายเป็นหนึ่งในคนที่โชคดีที่สุดในโลก แม้นอาจต้องทำหน้าที่คนขับรถให้กริดไปตลอดชีวิตก็ตาม


“ตัดสินใจได้ดี”


สีหน้าแววตาแสนมุ่งมั่นของสติกส์ทำให้ชายหนุ่มเกิดความพึงพอใจ


ศิษย์เอกของจอมปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่


คนผู้นั้นจะต้องเป็นกำลังสำคัญให้อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ได้มากมายแน่


ขณะกริดกำลังยืนเหนือวงเวทเคลื่อนย้ายมิติแบบกลุ่มด้วยสีหน้าเจือความสุข ใครบางคนส่งเสียงเรียกจนต้องหันไปมอง


“ฝ่าบาท!!”


“หือ…?”


ปิอาโร่


กริดที่เห็นอีกฝ่ายรีบร้อนวิ่งเข้าหา รีบส่งสัญญาณให้สติกส์หยุดการใช้เวทมนตร์


“มีอะไร”


“กระหม่อมขอร่วมทางไปด้วย!”


“หือ?”


ปิอาโร่จะไปทวีปตะวันออก?


ก่อนหน้านี้ไม่ยักสนใจ…


เมื่อเห็นอีกฝ่ายเผยสีหน้าประหลาดใจ ปิอาโร่เริ่มอธิบาย


“กระหม่อมต้องการเห็นสภาพแวดล้อมที่ผลวอลนัทสีทองสามารถเจริญเติบโตได้”


“…!”


<วอลนัทสีทอง>


อีกชื่อหนึ่งก็คือ ของขวัญจากธรรมชาติ


เป็นทั้งอาหารว่างและยาบำรุงที่ขุนนางของทวีปตะวันออกโปรดปราน


บางแห่งบนทวีปตะวันออก สัตว์วิเศษจะกินผลวอลนัทชนิดนี้เป็นอาหารหลัก


* เมื่อรับประทาน ค่าสถานะทุกชนิดจะเพิ่มขึ้น 10% เป็นเวลา 1 ชั่วโมง


* มีโอกาสต่ำมากที่จะเพิ่มค่าสถานะทุกชนิด 5 หน่วยถาวร ยิ่งเปลือกของวอลนัทถูกกะเทาะออกในสภาพสมบูรณ์มากเท่าใด โอกาสเพิ่มค่าสถานะก็ยิ่งเพิ่มขึ้น


น้ำหนัก : 0.1


วอลนัทสีทองคือโอสถขนาดย่อมที่กริดพกติดตัวกลับจากการสำรวจทวีปตะวันออกหนแรก


ชายหนุ่มแนะนำให้ปิอาโร่คิดหาวิธีเพาะปลูก


แต่ผ่านไปแล้วสองปี การเพาะปลูกกลับไม่มีความคืบหน้า และนั่นส่งผลให้กริดเริ่มถอดใจ


แต่ดูเหมือนปิอาโร่จะพบอะไรบางอย่างเข้า


“เป็นเพราะพลังจิตไร้เทียมทานที่ฝ่าบาทถ่ายทอด เทคนิคการเกษตรของกระหม่อมจึงพัฒนาขึ้นหลายชั้น ปัจจุบันสามารถสร้างสภาพแวดล้อมเลียนแบบทวีปตะวันออกได้แล้ว”


“ตกลง… นายไปกับฉัน”


สิ่งที่ปิอาโร่เล่าถือเป็นข่าวดีสำหรับกริด


ตามปรกติแล้ว วอลนัทสีทองจะเป็นได้เพียงอาหารบัฟ 1 ชั่วโมง แต่หากพึ่งพาค่าความชำนาญมือระดับเทพของกริด อาหารดังกล่าวก็มีสิทธิ์กลายเป็นโอสถขนาดย่อมที่สามารถปลูกได้


ถ้าปิอาโร่ทำสำเร็จ โอเวอร์เกียร์จะกลายเป็นอาณาจักรแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถผลิตโอสถได้เอง


______________

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 2 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,699

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00