จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,279
[ผลของอมตะสิ้นสุดลง]
[ท่านได้รับความเสียหาย 30,900 หน่วย]
[ท่านเสียชีวิต]
“ไม่เหมือนที่ได้ยินจากกริดเท่าไร…”
เป็นเรื่องปรกติที่อดีตสมาชิกกิลด์เซดากาห์จะเคยฟังเรื่องราวการผจญภัยของกริดผ่านหูมาบ้าง
ชายหนุ่มเผชิญความยากลำบากนานัปการก่อนจะได้พบกับถ้ำสุดเขตแดนเหนือและหนังสือหายากของแพ็กม่า
ในฐานะนะคลาสตำนานคนแรกของโลก เรื่องราวประหนึ่งนิทานปรัมปราของกริด คือแรงผลักดันสำคัญในซาทิสฟายให้อดีตสมาชิกเซดากาห์มาอย่างยาวนาน และกริดก็ไม่เคยเบื่อที่จะสาธยายรายละเอียด ตราบเท่าที่พวกพ้องของตนยังปรารถนาจะฟังและตื่นเต้นไปกับเรื่องราว
“กริดเคยบอกว่า ในช่วงแรกของการเปลี่ยนคลาสตำนาน เขายังไม่มีประกันชีวิตอมตะ”
แต่กับจิสึกะแล้วไม่
หลังจากเปลี่ยนเป็นคลาสอริยศร เธอมีประกันชีวิตอมตะทันที ช่วยให้ตอบโต้แอ็กนัสกลับไปได้หลายครั้ง
แม้นผลลัพธ์สุดท้ายจะยังคงพ่ายแพ้ก็ตาม
แอ็กนัสแข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อ
ไม่เพียงจะถล่มกองทัพเมืองหลวงอาณาจักรโชจนราบคาบตามลำพัง แต่แอ็กนัสยังเอาชีวิตรอดจากการโจมตีที่ตัวเองแพ้ทางสถานหนักอย่าง ‘โบยบิน’ ได้อีก
‘…ต้องยอมรับตามตรง ฝีมือของแอ็กนัสยังเหนือกว่าเราหลายเท่า หากไม่เพราะเราชิงลอบโจมตีในจังหวะสมบูรณ์แบบ ผลลัพธ์คงไม่ออกมาโชคดีแบบนี้แน่’
ถือเป็นจังหวะการลงมืออันไร้ที่ติ เมื่อจิสึกะเล็งโจมตีขณะแอ็กนัสสูญเสียอัศวินความตายไปสามตน และทำการอัญเชิญกองทัพอันเดดขึ้นมาใหม่อีกหนึ่งระลอก
แน่นอน เธอเสียใจกับความสูญเสียของชาวเมืองและทหารคาราสึ แต่ผลลัพธ์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การรอคอยของเธอคือสิ่งที่ถูกต้อง
‘เหนือสิ่งอื่นใด… เราไม่แข็งแกร่งพอจะช่วยทุกคนได้ตั้งแต่แรกแล้ว… ขอโทษนะ’
หากตัดสินใจเข้าร่วมศึกในตอนต้น เธอคงได้ตายอย่างน่าอนาถเยี่ยงสุนัขข้างถนน
ในปัจจุบัน จิสึกะยังมิอาจรับมือกับกองทัพอัศวินความตายหลายตนและลิชพร้อมกันได้
เหนือสิ่งอื่นใด หากทำแบบนั้น เธอจะไม่ได้พบกับลันเทียร์
‘สัตว์ประหลาดอย่างหมอนั่น… เป็นผู้เล่นธรรมดาเหมือนกับเราจริงหรือ…’
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า จิสึกะคือผู้เล่นระดับท็อปจากสองพันล้านคน ฝีมือการต่อสู้ของเธอถูกจัดให้อยู่ในท็อปสิบอย่างไรข้อกังขา
แต่ถึงกระนั้น หญิงสาวกลับรู้สึกถึงภัยคุกคามอย่างรุนแรงจากลันเทียร์ที่เป็นเพียง ‘ตัวตนอัญเชิญ’ ของผู้เล่นคนหนึ่ง หากไม่มีเวทมนตร์จากแอ็กนัสคอยช่วยก่อกวน เธอก็ไม่มั่นใจว่าตนจะดวลชนะลันเทียร์ซึ่งหน้าได้
แต่ผู้เล่นคนเดียวกัน กลับยังมีอัศวินความตายฝีมือใกล้เคียงอีกสองสามตน รวมถึงลิชที่แข็งแกร่งระดับเดียวกับมหาจอมเวท…
เธอเพิ่งสังเกตเห็นในภายหลังว่า ภายในกองทัพแอ็กนัสยังมีเด็กชายนิรนามคลาสจอมเวทแฝงตัวอยู่ด้วย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า แอ็กนัสเพียงหนึ่งคน สามารถเอาชนะท็อปแรงเกอร์หัวแถวสิบคนพร้อมกันได้อย่างไร้ความกดดัน
นั่นคือการประเมินของจิสึกะ
‘เกือบจะแข็งแกร่งเท่ากริด…’
อย่างน้อย เธอสามารถยืนยันในเรื่องนี้
แอ็กนัสอ่อนแอกว่ากริดแน่นอน
กองทัพอันเดดของแอ็กนัส ยังมีประสิทธิภาพด้อยกว่ากองทัพยุทธภัณฑ์ของกริดพอสมควร
ได้แต่หวังว่าสถานการณ์แบบนี้จะคงอยู่ไปอีกสักสองสามปี…
แต่ศักยภาพของแอ็กนัสก็สูงมาก…
จากที่จิสึกะคาดคะเนด้วยสายตา คลาสเกรดเลเจนดารีของแอ็กนัสยังพัฒนาไปไม่ถึงจุดเบ่งบานสุดขีด เห็นได้ชัดจากจำนวนทักษะที่ยังน้อยอยู่มากเมื่อเทียบกับกริด
‘ช่างเถอะ… เจ้านั่นจะแข็งแกร่งสักแค่ไหนก็ไม่สำคัญ’
เราจะคอยอยู่เคียงข้างกริดเอง!
ในวินาทีนี้ อริยศร จิสึกะ สาบานกับตัวเองอย่างหนักแน่นว่า ตนจะคอยปกป้องกริด ราชาโอเวอร์เกียร์ ตลอดไป
…โดยขณะที่ลั่นวาจา เธอยังมีเลเวลเพียง 1
ถึงจะมีประกันชีวิตอมตะให้ใช้งานทันทีไม่เหมือนกับกริด แต่ก็เลี่ยงการถูกรีเซตเลเวลไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ยังมีอยู่หนึ่งจุดที่แตกต่าง
ในกรณีของกริด ชายคนนั้นต้องเผชิญหายนะ ‘เลเวลลด’ หลายหนหลังจากกลายเป็นคลาสเกรดตำนาน
…แต่สำหรับจิสึกะ
[ภารกิจลับ ★หลักฐานการเกิดใหม่ (1) ★ อยู่ระหว่างดำเนินการ]
จิสึกะมีทางลัดในการฟื้นฟูเลเวล
หลักฐานการเกิดใหม่คือภารกิจต่อเนื่องที่มีทั้งหมด 6 ขั้นใหญ่ โดยการทำภารกิจสำเร็จแต่ละครั้งจะช่วยให้เลเวลฟื้นฟูกลับมาทีละหลายสิบในคราวเดียว หากทำครบทั้งหมด เลเวลของเธอจะกลายเป็น 350 ระดับทันที
นี่คือสิทธิพิเศษของผู้เล่นที่เลือกสร้างเส้นทางตำนานใหม่ขึ้นมาเอง? ไม่เหมือนกับกริดที่สืบทอดเทคนิคของอดีตตำนานมาทั้งหมด…
แต่ถ้าใช้สมมติฐานดังกล่าว ครอเกลก็ควรอัปเลเวลได้เร็วกว่านี้…
‘หรือจะเป็นเพราะค่าเฉลี่ยเลเวลของผู้เล่นทั่วโลกเพิ่มขึ้น?’
ปัจจุบัน ท็อปแรงเกอร์กำลังพยายามปีนป่ายข้ามกำแพงเลเวล 400 อันสูงตระหง่าน
ดังนั้น หากมีใครถูกส่งกลับไปเริ่มที่เลเวล 1 ใหม่ตั้งแต่ต้น หลายคนคงตัดสินใจล็อกเอาต์และเลิกเล่นถาวร
เมื่อพิจารณาจากอดีต กริดถูกรีเซตในช่วงที่ค่าเฉลี่ยเลเวลประมาณ 200 และครอเกลถูกรีเซตในช่วงเลเวลเฉลี่ยประมาณ 350
หรือก็คือ ยิ่งเลเวลเฉลี่ยทั่วโลกสูงขึ้น การฟื้นฟูของผู้ถูกรีเซตจะทำได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ
ยิ่งเมื่อคำนึง ‘กำแพงนรก’ สุดหฤโหดในช่วงเลเวล 380 ด้วยแล้ว ไม่แปลกใจหากจะมีใครถอดใจเลิกเล่นเกมหากเลเวลถูกรีเซต
แน่นอน จิสึกะเองก็เป็นหนึ่งในผู้มีเลเวลสูงกว่า 380 และเคยมีประสบการณ์ปีนป่ายกำแพงนรกอันทุกข์ทรมานเหมือนกับคนอื่น
การถูกรีเซตกลับไปเลเวลหนึ่งใหม่อีกครั้งจึงสร้างความเจ็บปวดให้ไม่น้อย
‘บางที กริดกับครอเกลอาจกลายเป็นตำนานเร็วกว่าการคำนวณของ SA กรุป…’
ทั้งสองล้วนเป็นผู้เล่นที่น่าทึ่ง
สมควรแล้วที่เราตั้งเป็นเป้าหมาย…
ในอนาคตอันใกล้ เราจะก้าวขึ้นไปยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกเขาอย่างสมศักดิ์ศรี!
จิสึกะฉีกยิ้มกว้างพลางเปิดใช้งาน <ตาทิพย์>
ทักษะรุ่นอัปเกรดของ <นัยน์ตาเหยี่ยว>
ภาพมุมสูงประหนึ่งดาวเทียมช่วยให้เธอมองเห็นกรุงคาราสึทุกซอกมุมในพริบตา
ข้อมูลเชิงลึกของจุดสำคัญและสถานการณ์ภาพรวมในเมืองหลวง กำลังถูกถ่ายทอดเข้ามายังสมองของอริยศรตามเวลาจริง
‘…คงต้องใช้เวลาปรับตัวอีกสักพัก’
ทัศนียภาพของทักษะใหม่ได้สร้างภาระทางจิตใจแก่จิสึกะอย่างมหาศาล
หลังจากกลืนน้ำลายหนึ่งอึก หญิงสาวเพ่งสมาธิไปยังวังหลวงอาณาจักรโชที่อยู่ห่างออกไปราวสามกิโลเมตร
เธอเห็นแอ็กนัสถูกทหารหลวงล้อมทุกทิศทางในสภาพจวนเจียนตาย คงเป็นเพราะบัฟอันเดดใกล้หมดเวลาลงเต็มที
หญิงสาวไม่ปล่อยโอกาสหลุดมือ
ฉึบ
คันศรฟินิกซ์แดงถูกดึงสายไปด้านหลัง
ทันใดนั้น ระบบ ‘ล็อกเป้า’ ที่เธอไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน พลันแสดงผล
หลักการของมันก็คือ แม้การมองเห็นจะถูกรบกวนหลังจาก ‘ล็อกเป้า’ แต่การโจมตีก็ยังจะพุ่งเข้าหาเป้าหมายที่เล็งไว้อย่างแม่นยำ
‘สุดยอด…’
ไม่เพียงเท่านั้น ระยะเวลาในการเล็งธนูก็ยังลดลงจากปรกติมาก
ฟุ่บ—!
ความเร็วในการยิงเพิ่มขึ้น
ฉึก—!
ความเร็วการแหวกอากาศของศรก็เพิ่มขึ้น ปัจจุบันเหนือกว่ากระสุนปืนไปแล้ว
เพียงแต่ว่า
[สร้างความเสียหาย 135 หน่วย]
“…นั่นสินะ”
คลาสตำนานไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของเกม
จิสึกะที่มีเลเวลเพียง 1 ย่อมมิอาจสร้างความเสียหายใหญ่หลวงแก่แอ็กนัสซึ่งมีเลเวลสูงกว่า 350 ระดับ
แต่เธอมิได้หัวเสีย
ซู่ว…
ร่างของแอ็กนัสที่ถูกหอกในมือทหารเมืองหลวงรุมกระหน่ำแทง ค่อย ๆ กลายเป็นละอองแสงสีเทาและปลิวลอยไปในอากาศ
ก่อนที่เลเวลจะถูกรีเซต จิสึกะเป็นผู้สร้างความเสียหายใส่แอ็กนัสเป็นอันดับหนึ่ง
หรือก็คือ ตนได้เอาคืนอย่างสาสมแล้ว
อย่างไรก็ตาม ภายในใจของหญิงสาวเริ่มเกิดความกังวลเล็ก ๆ
‘หากประเมินจากนิสัยของหมอนั่น มีโอกาสสูงที่มันจะกลับมาโจมตีวังหลวงอีกครั้ง’
แม้นจะเป็นหมาบ้า แต่แอ็กนัสคงไม่โจมตีวังหลวงของอาณาจักรบนทวีปตะวันออกส่งเดช
และจากสันดาน มันกัดเหยื่อไม่ปล่อยเสมอ
ดังนั้น จิสึกะมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะกลับมาอีกครั้ง
‘แต่ไม่ว่าจะเก่งกาจสักเพียงใด การฟื้นฟูกองทัพหลายพันก็ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสิบวัน…’
หากฝืนมาบุกพร้อมกับอัศวินความตายสภาพพิการเพียงไม่กี่ตน ชะตากรรมที่รออยู่คงมีเพียงความตายเยี่ยงหมาข้างถนน
‘ก่อนจะถึงตอนนั้น เราต้องรีบฟื้นฟูเลเวลกลับคืนให้มากที่สุด รวมถึงการเร่งมือทำภารกิจศรปราบมาร’
จิสึกะกระจายรอยยิ้มอันสดใสไปทั่วใบหน้า
จากมุมมองของเกมเมอร์ตัวจริงที่มีเป้าหมายเป็นการครองบัลลังก์อันดับหนึ่งในทุกเกม การได้เผชิญหน้าศัตรูแข็งแกร่งถือเป็นทั้งความท้าทายและความพึงพอใจส่วนตัว
…ไม่มีสิ่งใดน่ารื่นรมย์ไปกว่าการได้เห็นคู่อริถูกบดขยี้จนแหลกคามืออีกแล้ว
***
“เสร็จแล้ว เป็นยังไงบ้าง นายชอบไหม?”
“…แน่นอน ฉันชอบมาก จะเก็บไว้เป็นมรดกตกทอดประจำตระกูลเลย”
“ถ้ามีอะไรก็แวะมาหาได้ตลอด ขอบคุณสำหรับทุกเรื่องที่ผ่านมา”
“ฉันเองก็เหมือนกัน”
ดาเมี่ยนกล่าวขณะกำลังถือดาบและโล่ชิ้นใหม่ที่กริดเพิ่งสร้างเสร็จ
ตัวมันเดินออกจากโรงเหล็กด้วยสีหน้าแฝงความหม่นหมอง ตรงข้ามกับยามปรกติที่มักดีใจจนแทบกระโดดโลดเต้น
ความขุ่นมัวภายในใจดาเมี่ยนกำลังคุกรุ่นจนแทบไม่หลงเหลือความสุข
เราพ่ายแพ้ให้กับดาบ…
ดาบเพียงเล่มเดียว…
บัดซบ! บัดซบ! บัดซบ!
ตรงข้ามกับดาเมี่ยนที่เผยสีหน้าอับอายและเอาแต่ถอนหายใจ ทางฝั่งกริดกำลังยินดีปรีดาจนเอาแต่ยิ้มแก้มแทบปริ
‘เจ๋งกว่าที่คิดมาก…’
ประสิทธิภาพของดาบมังกรเพลิงสูงจนน่าทึ่ง
กริดเชื่อว่า ดาบที่สามารถตัดสินใจได้เองและใช้พลัง <วาจาลวง> กับ <ลมหายใจ> ได้ในจังหวะเหมาะสม มีคุณภาพเชิงต่อสู้สูงกว่าผู้เล่นแรงเกอร์ทั่วไปพอสมควร
แต่หากประเมินจากโครงสร้างและออปชันสุดโกงของดาบมังกรเพลิง ผู้เล่นจะไม่มีทางเอาชนะได้ในทางทฤษฎีอยู่แล้ว นอกเสียจากว่ากริดจะสู้ด้วยตัวเอง
เหตุผลแรก ค่าความคงทนอนันต์
ผู้เล่นทุกคนมีขีดจำกัดด้านความเหน็ดเหนื่อยและค่าพลังชีวิต แต่ดาบมังกรเพลิงนั้นไม่ ถึงมันจะต่อสู้ซึ่งหน้าไม่ชนะ แต่สุดท้ายก็จะชนะเพราะอีกฝ่ายหมดแรงอยู่ดี
จริงอยู่ ค่าสถานะเดิม ๆ ของดาบอาจไม่สูงมากเมื่อเทียบกับผู้เล่น พลังโจมตีปรกติจึงไม่ถึงกับคอขาดบาดตาย แต่ความเสียหายแบบคงที่ของลมหายใจมังกร และการพันธนาการอย่างสมบูรณ์แบบของ ‘วาจาลวง’ ได้กลบจุดอ่อนดังกล่าวไปจนหมด
อย่างไรก็ตาม จุดแข็งอันดับหนึ่งของดาบมังกรเพลิงมิใช่ปัจจัยข้างตน หากแต่เป็นเรื่องที่กริดสามารถเป็นเจ้าของได้เพียงผู้เดียว
เมื่อดาเมี่ยนตระหนักว่าตนไม่มีทางเอาชนะดาบเล่มนี้ได้แน่ มันตัดสินใจหาทางคว้าด้ามดาบเพื่อช่วงชิงความเป็นเจ้าของ
‘…แต่หมอนั่นกลับถูกย่างสด’
ส่งผลให้ในทางทฤษฎี ยังไม่มีกลยุทธ์ใดที่ผู้เล่นสามารถเอาชนะดาบมังกรเพลิงได้อย่างเป็นรูปธรรม
อย่างมากก็ผนึกด้วยเวทมนตร์ หรือไม่ก็นำไปผูกไว้กับอะไรบางอย่าง แต่ไม่ใช่การเอาชนะ
ถัดจาก ‘ขาดน้ำ’ ก็ดาบมังกรเพลิง…
กริดรู้สึกเหมือนกับตนได้กองทัพม้านับหมื่นมาเป็นพวก
หากตอนนี้มีโอกาสได้สู้กับจอมอสูรลำดับ 13 ‘บีเลธ’ อีกครั้ง มันมั่นใจมากว่า ผลลัพธ์จะออกมาสูสีมากกว่าคราวก่อน
‘แต่ว่า…’
หลังจากตรวจสอบเวลา กริดขมวดคิ้ว
แม้จะผ่านไปแล้วสองวันนับตั้งแต่ข้อความโลกประกาศการถือกำเนิดอริยศร แต่จิสึกะยังไม่กลับทวีปตะวันตก
เมื่อกริดลองถามดูว่า เธอจะสำแดงพลังที่แท้จริงของอริยศรได้เมื่อไร อีกฝ่ายเพียงตอบกลับด้วยถ้อยคำกระชับ :
‘ในอนาคตอันใกล้’
ด้วยความสัตย์จริง กริดค่อนข้างเศร้า
ในวินาทีที่ทราบว่าอีกฝ่ายกลายเป็นตำนาน มันอยากเข้าไปโผกอดและกล่าวชื่นชมเธอจากใจ
‘การต้องนับ 1 ใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย…’
ถึงจะไม่ใช่คนที่คอยตามจีบตน แต่จิสึกะคือพวกพ้องคนสำคัญ และยังเป็นขุมกำลังสำคัญของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์
กริดต้องการเป็นคนขับรถบัสส่วนตัวให้เธอในช่วงหลายเดือนถัดจากนี้ แต่อีกฝ่ายกลับยืนกรานที่จะไต่เต้าด้วยลำแข้งของตัวเอง
‘ชิ… ฉันก็อยากจะช่วยเธอบ้างเหมือนกัน’
ในตอนที่ตนมีปัญหา มันได้รับความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายมากมายล้นพ้น จึงไม่แปลกที่ต้องการจะตอบหนี้บุญคุณดังกล่าว
กริดถอนหายใจยาวขณะมุ่งหน้ากลับวังหลวง ภายในใจไตร่ตรองวางแผนการเดินทางไปยังทวีปตะวันออกเพื่อเติมฟืนฟอสฟอรัสขาว
ทันใดนั้น
“แฮ่ก… แฮ่ก… ก…กริด”
“เฟคเกอร์…?”
เงาแห่งโอเวอร์เกียร์
เฟคเกอร์ผู้ไม่เคยปรากฏกายในสภาพน่าสมเพชเลยสักครั้ง กำลังทิ้งตัวล้มข้างกริดด้วยบาดแผลโซมกาย
“เฟคเกอร์!? เกิดอะไรขึ้น! เล่าให้ฉันฟั…!”
กริดที่ประหลาดใจสุดขีดพลันชะงักคำพูด สองมือรีบเข้าไปพยุงตัวอีกฝ่าย
พวกพ้องของตนกำลังจะตาย
พิษอันทรงพลังและหมดสิทธิ์ลบล้างด้วยประการทั้งปวง กำลังแล่นไปยังทุกซอกมุมร่างกายเฟคเกอร์อย่างสมบูรณ์
“จ…”
“ไม่ต้องพูด! ฉันเรียกรูบี้มาเดี๋ยวนี้!”
“จักรพรรดิ…”
“เฟคเกอร์!”
“จักรพรรดิยัง…”
ตุ้บ
ฝ่ามือและท่อนแขนของเฟคเกอร์ผู้ไม่มีโอกาสได้พูดต่อจนจบ พาดลงบนหินอ่อนเย็นเฉียบอย่างปราศจากเรี่ยวแรง
กริดกอดศพเฟคเกอร์พลางปล่อยโฮ
“เฟคเกออออออออออร์!!”
ซู่ว…
ร่างกายเฟคเกอร์กลายเป็นละอองแสง
สองวินาทีถัดมา
“จักรพรรดิยังมีชีวิตอยู่”
เฟคเกอร์ที่คืนชีพกลับมาในสภาพปรกติ ปรากฏตัวข้างกริดและกล่าวด้วยเสียงขรึม
ชายหนุ่มที่นั่งแหกปากอย่างน่าสมเพชเมื่อครู่รีบลุกขึ้นยืนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“หมายความว่ายังไง… การที่บาซาร่ายังมีชีวิตอยู่ มันก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่หรือ”
“ฉันหมายถึงฮวนเดอร์… เขาอยู่กับอุปราคา… แต่ในสภาพไม่ที่ค่อยดีนัก”
“…!”
ร้องเห้อออ~
ReplyDeleteถ้าเปนกลุ่มพี่เบย์ริฟเฟอร์ เฟคเกอร์ต้องได้รับเม็ดยาสีทองละ 555+
ReplyDelete