จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,255



ผู้สืบทอดแพ็กม่า ดยุคแห่งปัญญา ดยุคแห่งคุณธรรม ดยุคแห่งไฟ ตำนาน ราชาโลหิต เหนือมนุษย์ และราชาวีรบุรุษ


ทุกตำแหน่งหรือสถานะข้างต้นของกริด ล้วนเป็นสิ่งที่มีอยู่ในระบบของเกมซาทิสฟายอยู่ก่อนแล้ว มิใช่ของแปลกใหม่


แต่มหากาพย์จอมดาบเวทนั้นไม่ใช่


มันคือระบบที่ถือกำเนิดขึ้นใหม่ตามความสำเร็จและผลงานของกริด เป็นแนวคิดที่ถูกสร้างเพื่อกริดโดยเฉพาะ


แต่ในทางกลับกัน


[ราชาโอเวอร์เกียร์ กริด กำลังเขียนบทกวีมหากาพย์ลำดับ 7]


ในกรณีของราชาโอเวอร์เกียร์ กริด ‘สถาปนา’ มันขึ้นมาจากปากเปล่า


จากชื่อกิลด์ที่ตั้งขึ้นอย่างส่งเดช กลายมาเป็นชื่อของอาณาจักร และกลายมาเป็นสมญานามประจำตัวกษัตริย์ราชา


เนื่องจากกริดเรียกขานตัวเองด้วยสิ่งนี้เป็นเวลานาน ระบบย่อมอนุโลมให้เป็นอีกหนึ่งตัวตนได้อย่างไร้ข้อกังขา


กริดคือราชาโอเวอร์เกียร์


ราชาโอเวอร์เกียร์คือกริด


เป็นใครอื่นไปไม่ได้อีก


[จุดเริ่มต้นของบทกวีมหากาพย์ เกิดจากความเห็นอกเห็นใจที่เขามีต่อมวลมนุษย์]


“พวกนายมิได้อ่อนแอ… อย่าเพิ่งถอดใจ”


[เขากล่าวคำปลุกใจด้วยน้ำเสียงไม่สั่นคลอน เพราะตนเคยเป็นผู้อ่อนแอทั้งชีวิต]


เคร้ง!


เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!


สายฝนศาสตรากำลังโหมกระหน่ำใส่ซาลอส


ด้วยจำนวนอันมหาศาลของสรรพาวุธที่ร่วงหล่นจากฟากฟ้า ซาลอสประเมินว่าตนไม่มีทางหลบพ้นโดยสมบูรณ์ จึงเลือกเหวี่ยงกำปั้นโจมตีสวนกลับไปให้อาวุธเหล่านั้นแหลกละเอียด


แต่นั่นไม่ใช่เรื่องง่าย


เคร้ง!!


สายฝนศาสตรามีจำนวนมหาศาลเกินไป


ทุกครั้งที่ซาลอสผู้ครอบครองพลัง ‘หัตถ์พิสดาร’ ทำการเหวี่ยงกำปั้นทั้งสองข้าง อาวุธจะถูกทำลายไปเพียงสอง แต่บรรดาอาวุธอีกหลายสิบชนิดจะพุ่งกระแทกร่างและสร้างความเสียหายอย่างพร้อมเพรียง


‘ ‘บัดซบ!’ ’


มันตัดสินใจหลีกเลี่ยงสายฝน ไม่มีเหตุจำเป็นให้ต้องฝืนทนรับสิ่งที่กำลังจะหยุดลงในอีกไม่ช้า


ซาลอสมองหากำแพงป้อมปราการที่ยังไม่พังและรีบเข้าไปอาศัยเป็นกำบัง


กริดขยับสายตาตามเพื่อเคลื่อนย้ายฝนศาสตราให้ตามไปโจมตีซาลอส ขณะเดียวกันก็เปล่งเสียงกล่าวกับผู้เล่นในป้อมริชาร์ดซึ่งกำลังหนีตายอย่างอลหม่าน


“อย่าเพิ่งถอดใจ พวกเราทำได้แน่”


[ความพ่ายแพ้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อยอมแพ้]


[เขาตักเตือนให้มนุษย์ทุกคนตระหนักว่า อุปสรรคเป็นเพียงบานประตูไปสู่ชัยชนะ]


[เมื่อได้เห็นชายคนหนึ่งกำลังเผชิญหน้ากับจอมอสูรอย่างเด็ดเดี่ยว พวกเขาต่างนึกขึ้นได้]


[ความรู้สึกเมื่อครั้งที่เห็นมนุษย์เผชิญหน้ากับอสูรเป็นหนแรก และเมื่อครั้งที่มนุษย์เผชิญหน้ากับจอมอสูรห้าตนพร้อมกัน พวกเขากำลังนำความแตกต่างมาเปรียบเทียบ]


ซาทิสฟายมีรากฐานเป็นโลกที่ NPC สร้างขึ้น


อย่างไรก็ตาม มันถูกกำหนดให้เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ผู้เล่นปรารถนา


หรือก็คือ บทกวีมหากาพย์ของกริดที่มักส่งอิทธิพลต่อ NPC อยู่เสมอ ย่อมสามารถส่งอิทธิพลไปถึงผู้เล่นได้ด้วยเช่นกัน


“อะ…”


ผู้เล่นกว่าสองพันล้าน ไม่ว่าจะกำลังรับชมจากทางบ้านหรือเข้าร่วมในเหตุการณ์สด พลันหวนนึกถึงอดีตขึ้นมาอย่างกะทันหัน


ช่วงเวลาที่มนุษย์เคยทำสงครามกับจอมอสูรถูกย้อนฉายในหัวทีละฉาก


หากลองมองย้อนกลับไป มนุษย์เคยเผชิญความสิ้นหวังที่บีเลียลมอบให้ ทั้งที่เธอเป็นเพียงจอมอสูรปลายแถวแสนอ่อนแอ


แต่หลังจากนั้นไม่กี่ปี เมื่อต้องเผชิญหน้าจอมอสูรหลักสิบซึ่งแข็งแกร่งกว่าบีเลียลหลายเท่า ทุกคนกลับเริ่มมองเห็นแสงแห่งความหวัง


ใช่แล้ว ผู้เล่นพัฒนาตัวเองขึ้นมาก


ไม่ว่าจะเคยลิ้มรสความชอกช้ำมากมายเพียงใดในอดีต แต่หากผ่านพ้นมาได้ ทุกสิ่งจะหล่อหลอมให้เผ่าพันธุ์เข้มแข็ง


และจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต


“สิ้นหวังอะไรกัน… เขาพูดถูก”


‘ไนท์’ พยุงตัวลุกขึ้นด้วยเคียวที่ชำรุดจนดูคล้ายกับไม้เท้า


รวมไปถึงผู้เล่นคนอื่นที่มีสภาพร่อแร่และทำได้เพียงรอนอนความตาย ต่างคนต่างเริ่มมีกำลังใจที่จะยืนหยัดลุกขึ้นมาอีกครั้ง


มหากาพย์ของกริดกำลังสร้างความฮึกเหิม


“มายา”


บึ้ม!


บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม!


เมื่อปราณดาบของกริดกระแทกเข้ากับซากกำแพงแผ่นสุดท้ายของป้อมริชาร์ด ร่างซาลอสที่ซ่อนอยู่ด้านหลังได้ถูกเผยออกให้เห็น


จอมอสูรผู้ต้องรับมือกับครอเกลจนสูญเสียพลังชีวิตไปหลายส่วน ยามนี้กำลังเผยความตึงเครียดปรากฏบนใบหน้าชัดเจน


บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม!


สายฝนศาสตราที่เคยถูกบดบังด้วยกำแพงป้อมปราการ เปิดฉากโหมกระหน่ำใส่ร่างซาลอสโดยไม่เปิดโอกาสให้หลบหลีก


หัตถ์เทวะซึ่งแฝงตัวไปพร้อมสายฝนสีทอง เริ่มพันธนาการแขนขาจอมอสูรสำเร็จในทีเผลอ


บาดแผลตามร่างกายซาลอสเริ่มทวีคูณเนื่องจากไม่มีหัตถ์พิสดารคอยป้องกันชั่วคราว


การผนึกกำลังระหว่างสายฝนศาสตราหลายพันเล่ม กับหัตถ์เทวะที่มีความเร็วโจมตีวินาทีละหกครั้ง ได้สร้างความเสียหายชนิดที่ไม่มีใครจินตนาการออกว่าเป็นพลังของมนุษย์


“ “เป็นพลังที่ขี้ขลาดอะไรเช่นนี้…!” ”


สิ่งมีชีวิตแต่ละสายพันธุ์ย่อมมีขีดจำกัดทางพลังแตกต่างกันไป


แม้แต่มุลเลอร์ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นอันดับหนึ่งตลอดกาลของมวลมนุษย์ ก็ยังพึ่งพาได้เพียง ‘วิชาดาบ’ แค่พลังเดียว


แล้วนี่มันอะไร…


ความสามารถในการถล่มอาวุธหลายพันชิ้นอย่างต่อเนื่องจากฟากฟ้า สิ่งนี้มิใช่พลังของเทพจริงหรือ?


‘ ‘มันเป็นมนุษย์แบบไหนกัน…?!’ ’


เคร้ง!!


คมดาบพุ่งใส่ตำแหน่งหัวใจซาลอส แต่กลับมิอาจทะลวงผ่านผิวหนัง ทำได้เพียงแตกสลายกลายเป็นความว่างเปล่า


อย่างไรก็ตาม มีอุปกรณ์ทำฟาร์มบางชิ้นสามารถสร้างอาการเจ็บปวดจนซาลอสต้องเปลี่ยนสีหน้า จอมอสูรลำดับ 19 ไม่มีทางเลือกนอกจากพยายามหลบหลีกและโจมตีโต้กลับ


แม้จะไม่ใช่อาวุธทุกชิ้นที่เป็นภัยคุกคาม แต่ก็มีปลายชิ้นที่เป็น และไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้


ซาลอสเชื่อว่า พลังที่ตนกำลังเผชิญมีระดับสูงกว่า ‘ดาบบิน’ ของอริยดาบมุลเลอร์ ซึ่งแทบไม่มีมนุษย์คนใดเคยเห็น


เจ้านั่นทำให้เราตกเป็นฝ่ายตั้งรับได้โดยไม่ต้องออกแรง…


สายตาแฝงความสับสนและจงเกลียดจงชังของซาลอส กำลังจับจ้องไปยังมนุษย์เพศชายผมสีดำบนท้องฟ้า


พร้อมกันนั้น เหล่ามนุษย์ที่กระจายตัวอยู่รอบป้อมปราการริชาร์ด ต่างตะโกนส่งเสียงเรียกชื่อมนุษย์คนดังกล่าวอย่างพร้อมเพรียง


“กริด…!”


“กริด!!”


‘เท่าที่ทราบ มนุษย์กำลังถดถอยไม่ใช่หรือ…’


โพเวีย บราฮัม แพ็กม่า อเล็กซ์ มุลเลอร์ และมาดรา


ในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา มนุษยชาติได้ผลิตตำนานออกมาคนแล้วคนเล่า โดยแต่ละคนล้วนมีความสามารถในระดับพระกาฬ


ทว่า ยิ่งกาลเวลาล่วงผ่าน มนุษย์กลับยิ่งอ่อนแอลงจากความสงบสุข


หลังจากซาลอสได้ทราบข่าวว่าบีเลียล จอมอสูรปลายแถว ถูกมนุษย์รุมจัดการอย่างง่ายดายหลังจากปรากฏกายบนโลก มันระเบิดเสียงหัวเราะอย่างสมเพช


แต่ปัจจุบัน เพียงไม่กี่ปีหลังจากนั้น


ซาลอสกลับได้เผชิญหน้าสองตำนานที่แข็งแกร่งนามว่าครอเกลและกริด


เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่กำลังถดถอยลงอย่างมากในช่วงร้อยปี กลับดีดตัวขึ้นอย่างเป็นปริศนา หากปล่อยเอาไว้อีกเพียงสองสามปี เกรงว่าแม้แต่ขุมนรกก็อาจไม่ปลอดภัย


ซาลอสเริ่มเข้าใจเหตุผลเบื้องหลัง


“ทุกคนจับอาวุธขึ้นมา จงร่วมสู้ไปกับฉัน”


[เป็นเพราะตระหนักถึงขีดจำกัดของการต่อสู้ตามลำพัง เขาจึงตัดสินใจพัฒนาเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้แข็งแกร่ง]


[ท่ามกลางสายฝนสีทอง ทุกคนกำลังมอบความเชื่อมั่นให้กับเขา]


[การปรากฏตัวของเขาได้พลิกโฉมประวัติศาสตร์มนุษยชาติโดยสิ้นเชิง]


“ “ราชาวีรบุรุษ… เหมือนกับมุลเลอร์สินะ” ”


เพียงการปรากฏตัว ก็มากพอจะปลุกระดมจิตวิญญาณนักสู้ที่เคยเหือดหายของเหล่ามนุษย์


ซาลอสที่มัวเพ่งสมาธิกับการรับมือสายฝน เริ่มสังเกตเห็นหมอกสีม่วงแดงรอบตัวอีกฝ่าย จึงเริ่มตระหนักถึงตัวตนที่แท้จริง


ขณะเดียวกัน กริดผู้เอาแต่โจมตีจากระยะไกลมาตลอด เปิดฉากบุกเข้าประชิดด้วยชุนโป


แน่นอน ซาลอสย่อมทราบถึงพลัง ‘ชุนโป’ ที่มนุษย์หลายคนเริ่มมีข้อมูล


‘ ‘เหนือมนุษย์…!’ ’


ราชาวีรบุรุษ


ราชาวีรบุรุษหมายถึงการเป็นมนุษย์อันดับหนึ่งในช่วงเวลานั้น หรือสามารถเรียกว่าเป็นจุดสูงสุดของเผ่าพันธุ์


จึงไม่น่าแปลกใจนัก หากผู้สืบทอดมุลเลอร์จะก้าวไปถึงขอบเขตของเหนือมนุษย์


‘ ‘เข้าใจแล้ว… นั่นไม่ใช่พลังของมนุษย์ธรรมดา แต่มาจากตัวตนที่สูงกว่านั้น’ ’


เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!


ซาลอสต้องสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงอย่างมากเพื่อหยุดยั้งฝนศาสตราสีทองจากฟากฟ้า


ขณะเดียวกันก็เริ่มตระหนักว่า ตนไม่ควรประมาทเทคนิคดาบของอีกฝ่ายในระยะประชิด


‘ ‘ท่ารำดาบ…’ ’


มุลเลอร์เปลี่ยนไปใช้ท่ารำดาบตั้งแต่เมื่อไร?


ไม่สิ… นี่เป็นท่ารำดาบของคนอื่น…


พรึบ—!


“ “…!?” ”


หลังจากซาลอสระเบิดพลังเพื่อทำลายอาวุธแปดชิ้นรวดและเตรียมโจมตีขัดขวางท่ารำดาบกริด มันต้องประหลาดใจเมื่อพบว่ารอบตัวถูกรายล้อมด้วยเปลวเพลิง


ด้วยเหตุผลบางประการ มันสัมผัสถึงออร่าแห่งเทพได้จากเปลวเพลิงที่มีกริดเป็นศูนย์กลาง


‘ ‘ฟินิกซ์แดง…?’ ’


ฟินิกซ์แดงมิได้พ่ายแพ้ต่อเทพตกสวรรค์จากตะวันออกและถูกผนึกไว้แล้วหรือ?


ทำไมพลังถึงมาอยู่บนทวีปตะวันตกได้?


แถมยังตกเป็นของมนุษย์!


“ “เจ้าเป็นใครกันแน่…!” ”


คงเป็นเพราะพายุเปลวเพลิงกระมัง


สายฝนศาสตราที่คล้ายกับไม่มีจุดสิ้นสุด พลันชะงักค้างกลางท้องฟ้าอย่างน่าอัศจรรย์


เมื่อเริ่มมีโอกาสได้พักหายใจหายคอ ซาลอสพยายามสนทนากับกริด


ผู้ปกครองลำดับ 19 แห่งขุมนรก กำลังสนใจในตัวมนุษย์แสนต่ำต้อย


อย่างไรก็ตาม กริดไม่มีความสนใจที่จะเสวนากับจอมอสูรผู้มีลำดับ ‘แค่’ 19


“อย่าใส่ใจเลย อีกไม่นานแกก็ถูกจัดการแล้ว”


“ “…?” ”


“ยังกระจอกถ้าเทียบกับบีเลธ”


การต่อสู้กับราชาคลั่ง บีเลธ ยากเย็นแสนเข็ญมากเพียงใดน่ะหรือ?


หลังจากดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากสัตว์ประหลาดตนดังกล่าวจนครบ 13 นาทีถ้วน กริดอาศัยพลังของสติกส์ส่งกลับไปยังปราสาทโอเวอร์เกียร์ทันที และรีบมุ่งหน้ามายังที่นี่


ความทรงจำระหว่างการต่อสู้ สามารถทำให้มันมือไม้สั่นเทาได้โดยแค่จินตนาการถึง


ไม่ว่าจะมองมุมใด กริดก็มั่นใจว่า การปล่อยให้จักรวรรดิจัดการกับราชาคลั่ง·บีเลธเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว


ซู่ว—!


ปราณดาบอนันต์ปริมาณมหาศาลกำลังถูกรวบรวมมายังจุดเดียว


ได้เห็นดังนั้น ซาลอสถามกริดอย่างฉงน


“ “ผู้สืบทอดมุลเลอร์?” ”


น่าประหลาดมากที่เผ่าพันธุ์มนุษย์มีอริยดาบถึงสองคนในยุคสมัยเดียวกัน


อย่างไรก็ตาม ซาลอสเริ่มจินตนาการถึงชื่อเสียงและความก้าวหน้าที่มันจะได้รับ หากโค่นเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมทั้งสองคนพร้อมกันสำเร็จ


จอมอสูรลำดับ 19 ทำการเหวี่ยงกำปั้นที่แฝงด้วยพลัง ‘ชนะในการปะทะอย่างไม่มีเงื่อนไข’ เพื่อขัดขวางท่ารำดาบ


ทันใดนั้น


“วังวนสะพรั่ง!”


กริดรับมืออย่างใจเย็น


เป็นเพราะจอมปราชญ์สติกส์ได้กำชับวิธีการต่อสู้ไว้ล่วงหน้าก่อนจะเริ่มออกเดินทาง


กริดไม่คิดแลกหมัดอย่างโง่เขลากับศัตรูที่ไม่มีวันเอาชนะด้วยการปะทะซึ่งหน้า


เปรี้ยง!


“ “…!” ”


พลังที่มิอาจโค่นได้ด้วยกำลัง ก็ต้องแก้ทางด้วยทักษะสวนกลับเท่านั้น


หนึ่งในไพ่เด็ดของกริดถูกงัดออกมาใช้คืนสนองหมัดซาลอส ขณะอีกฝ่ายกำลังชะงักจากผลของกำปั้นตัวเอง ปราณดาบอนันต์รูปทรงดอกไม้ได้พุ่งโจมตีซ้ำเข้าไปอย่างหนักหน่วง


“คลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหาร”


จากนั้นก็ตามต่อด้วย ‘มายาร่ายรำสะพรั่ง’ ‘สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร’ และ ‘ร่ายรำทำลายล้างสังหาร’


หลังจากกริดเอาชนะขีดกำจัดด้านทรัพยากรและคอมโบวิชาดาบท่าไม้ตายใส่อย่างต่อเนื่อง จอมอสูรซาลอสซึ่งสูญเสียพลังชีวิตไปเป็นจำนวนมาก กลายสภาพเป็นผ้าขี้ริ้วในพริบตา


ใบหน้าซาลอสเต็มไปด้วยความสับสน


“ “แพ็กม่า…? เจ้าเป็นใคร ทำไมถึงมีท่ารำดาบของแพ็กม่า!” ”


กริดไม่มัวตอบคำถามเหลวไหลและซ้ำซากอย่าง ‘แกไม่ใช่ทายาทมุลเลอร์หรอกหรือ’ ให้สิ้นเปลืองเวลา


ขณะเดียวกัน เขตแดนพายุเพลิงเทพได้ปิดตัวลงเนื่องจากมีมานาไม่เพียงพอต่อการใช้งาน


สายฝนศาสตราที่หยุดคาบนท้องฟ้าจนกระทั่งเมื่อครู่ เริ่มกระหน่ำโปรยปรายลงมาอีกระลอก


ฉัวะ!


ดาบลอบสังหารทัพสามแสน


กริดคอมโบ ‘เสมือนเทพ’ และ ‘ดึงศักยภาพซ่อนเร้น’ เพื่อใช้งานอีกหนึ่งในท่าไม้ตายที่ยากจะมีใครหลบพ้น


ปราณดาบซึ่งพุ่งไปในแนวต่ำจนดูคล้ายกับคลื่นใต้น้ำ กระแทกใส่ซาลอสในมุมอับทีเผลอ เกิดเป็นความเสียหายมหาศาลพร้อมกับเปิดจุดอ่อนในคราวเดียว


ฉากที่กริดกำลังบิดเอวเพื่อเตรียมซัดท่ารำดาบวิชาถัดไป กำลังปรากฏในการมองเห็นของซาลอสอย่างแจ่มชัด


วาบ!


สัญชาตญาณกำลังร้องเตือน


อีกฝ่ายคือตัวตนที่ผสมผสานระหว่างราชาวีรบุรุษ บุคคลเหนือมนุษย์ ผู้สืบทอดแพ็กม่าและมุลเลอร์ รวมถึงผู้ครอบครองพลังแห่งเทพ


ซาลอสเริ่มหวาดกลัวต่อตัวตนที่เป็นปริศนาและยากคาดเดาพฤติกรรม ซึ่งตรงข้ามกับอริยดาบครอเกลโดยสิ้นเชิง


“ดาบพินาศทัพหนี่งแสน”


“ “…!!” ”


เป็นการผสมผสานที่บัดซบมาก


มีแม้กระทั่งวิชาดาบมาดรา…


หากโดนเข้าไปในสภาพถูกเปิดจุดอ่อน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าซาลอสจะเจ็บหนักเพียงใด


“อั่ก!”


อย่างไรก็ตาม กริดยังขาดพลังในการปิดบัญชี


เหตุผลสำคัญก็คือ ดาบลอบสังหารทัพสามแสนมีผลข้างเคียงทำให้ไม่สามารถฟื้นฟูปราณดาบได้นาน 3 นาที


ขณะเดียวกัน มานาของกริดก็แทบไม่หลงเหลือ เนื่องจากต้องเปิดใช้เขตแดนพายุเพลิงเทพเป็นเวลานาน เพื่อให้สามารถกระหน่ำท่าไม้ตายได้อย่างไร้ขอบเขต


ชายหนุ่มมิได้คำนวณการใช้ทรัพยากรผิดพลาด เพียงแต่ว่า ซาลอสมีค่าความถึกทนในระดับเหนือความคาดหมาย


ในตอนที่กริดมาถึงป้อม เมื่อเห็นว่าซาลอสสูญเสียพลังชีวิตไปแล้ว 40% ชายหนุ่มมั่นใจว่าตนสามารถโค่นอีกฝ่ายได้ด้วยคอมโบข้างต้น


แต่สุดท้ายกลับต้องเผชิญปัจจัยที่คาดไม่ถึง พลังป้องกันของซาลอสเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเมื่อพลังชีวิตลดต่ำกว่า 10% ส่งผลให้วิชาดาบลอบสังหารทัพสามแสน ไม่ทรงอานุภาพตรงตามที่คำนวณไว้


นั่นคือสาเหตุที่กริดล้มเหลวในการปิดบัญชี


“ข้าจะเป็นราชาแห่งความตายได้หรือไม่”


ค่อนข้างน่าเสียดาย โนเอะจะไม่มีประโยชน์เมื่อคู่ต่อสู้เป็นจอมอสูร


กริดอัญเชิญโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ แรนดี้ และใช้พลัง ‘แสงจ้า’ ของภูตแสง จากนั้นก็กระโดดขึ้นหลังโอเวอร์เกียร์คอร์น


นี่คือเทคนิคสำหรับยืดเวลาและฟื้นฟูทรัพยากรให้กลับมาโดยเร็ว


อย่างไรก็ตาม คงเป็นการดูแคลนเกินไปสักนิดหากคิดจะตรึงจอมอสูรลำดับ 19 ด้วยเพียงหัตถ์เทวะและสัตว์อัญเชิญอีกเล็กน้อย


ซาลอสบุกฝ่าดงสัตว์เลี้ยงออกมาอย่างง่ายดาย ตามด้วยเหวี่ยงกำปั้นใส่โอเวอร์เกียร์คอร์นจนลอยขึ้นฟ้าไปพร้อมกริด และส่งตัวเองกระโดดตามขึ้นไป


ด้วยกำปั้นที่สามารถเอาชนะในทุกการดวล มันไม่เคยเกรงกลัวหากต้องสู้ด้วยพละกำลัง


จนกระทั่งครอเกลเข้ามามีบทบาท


“ศ…ศาสตรา… ผงาด”


แค่ครั้งเดียวเท่านั้น


ครอเกลที่ฟื้นฟูค่าเรี่ยวแรงกลับมาเล็กน้อยและสามารถใช้ได้เพียงทักษะเดียว กลับเลือกจะปลดปล่อย <ศาสตราผงาด> ซึ่งมีพลังทำลายด้อยกว่า <มังกรดินผงาด> พอสมควร


ผลลัพธ์ก็คือ ปราณดาบสีเงินพุ่งปะทะกับร่างซาลอสอย่างแม่นยำ


พลังทำลายอาจแย่มากจนแทบไม่เกิดดาเมจ แต่นั่นเป็นเพราะครอเกลจงใจแฝงออร่า ‘ตัด’ ของอริยดาบจนส่งผลให้ความเสียดายลดลง


ฉึก!


ต้องขอบคุณการแทรกแซงในคราวนี้ ลูกเตะของซาลอสที่เตรียมฟาดใส่หน้าอกกริด มีอันต้องกลายเป็นหมันพร้อมกับอาการชะงัก


ฉัวะ!


ชายหนุ่มฉวยโอกาสโจมตีสวนกลับ


โครม!


ซาลอสผู้มีร่างกายร่อแร่ ผนวกกับการเสียศูนย์กลางอากาศ ไม่มีทางเลือกอื่นออกจากร่วงหล่นกระแทกพื้นจนเกิดเสียงดัง


เพียงพริบตา รอบตัวมันเต็มไปด้วยผู้เล่นมากมายยืนรายล้อม หนึ่งในนั้นคือ ‘ไนท์’


กลุ่มคนที่คงจะตายไปแล้วหากกริดไม่ปรากฏตัวออกมาช่วยไว้ เริ่มกระหน่ำปลดปล่อยท่าไม้ได้ที่ไม่มีโอกาสได้ใช้ในจังหวะก่อนหน้า


ทุกคนกำลังสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว


ฉึก!


ผัวะ!


เปรี้ยง!


“ “อ…อ๊ากกกก!!” ”


[เขาคือแสงสว่างของมวลมนุษย์]


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,651

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00