จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,604



อยู่มาวันหนึ่ง


มังกรที่บาดเจ็บสาหัส ร่วงหล่นมายังใจกลางเมือง


เป็นเรื่องบังเอิญโดยแท้จริง เป็นความซวยของเมืองดังกล่าวที่ดันมาตั้งอยู่ตรงนี้


มังกรดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด


ทุกครั้งที่กรีดร้อง กระจกหน้าต่างภายในเมืองทยอยแตกละเอียด


เฉกเช่นกระจกหลากสีรอบวิหาร


เทพธิดารีเบคก้าด้านหลังกระจก ยังคงรับฟังคำวิงวอนจากมนุษย์เช่นเคย แต่ก็ไม่ทำอะไรมากกว่านั้น


คำสวดวิงวอนไปถึงเทพธิดา มิได้ช่วยให้มนุษย์รอดพ้นจากภัยพิบัติตรงหน้า


ฮายาเตะวัยหนุ่มตกอยู่ในภวังค์


ทุกครั้งที่ปีกขาดวิ่นของมังกรพัดกระพือ เพื่อนบ้านของมันจะเสียชีวิตจากลมกระแทก เพื่อนฝูงบางคนถูกหางโชกเลือดบดขยี้ และคนในครอบครัวถูกเปลวไฟที่ผสมมากับเสียงคำรามแผดเผา


จนกระทั่งมันเห็นร่างคนรักของตน ระเบิดประหนึ่งลูกโป่งใต้ฝ่าเท้าสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ซึ่งใช้ซากปราสาทเป็นฐานเหยียบ


เมื่อสูญเสียทุกสิ่ง ฮายาเตะได้ตระหนักว่านี่มิใช่ฝันร้าย หากแต่เป็นความจริง


ภัยพิบัติที่ผ่านทางมาโดยบังเอิญ ขยายวงกว้างอย่างรวดเร็ว


ไม่มีใครควบคุมความพังพินาศที่แผ่ขยายไปทุกหัวระแหง ทำได้เพียงกัดฟันทนต่อความเจ็บปวดราวกับสมองจะระเบิด


มันจับดาบด้วยมือที่สั่นระริก


หลังจากเดินข้ามศพของเพื่อนฝูงและครอบครัว กระโดดข้ามซากเลือดของคนรัก ฮายาเตะจับเขาที่หักของมังกรเพื่อกระโจนขึ้น จากนั้นก็สับดาบใส่ช่องว่างระหว่างเกล็ด


มันเล็งไปที่คออย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเสียงคำรามของมังกรกลายเป็นเสียงครางต่ำ


ความเดือดดาล จิตสังหาร และความสิ้นหวังได้ปลุกให้พรสวรรค์ในตัวลืมตาตื่น เมื่อกรอบความคิดกว้างขึ้น มันสามารถผสานปราณดาบเข้ากับพลังจิต จนในที่สุดก็บั่นเศียรมังกรสำเร็จ


ในตอนที่ได้สติกลับมา ร่างกายฮายาเตะชุ่มโชกไปด้วยเลือด


เลือดที่ไหลเวียนมานานนับพันปี


ฮายาเตะไม่เคยลืมภาพดวงตาอันว่างเปล่าของมังกร ที่ปรากฏท่ามกลางทัศนวิสัยสีแดงของตน


เจ้าถูก ‘พวกเรา’ จารึกไว้แล้ว…


เจ้าจักต้องเผชิญจุดจบอันโหดร้ายเช่นข้า…


ฮายาเตะวิ่งหนีอย่างลนลาน จากดวงตาสีทองขนาดมหึมาที่คล้ายกับกำลังพูดเช่นนั้น


นักล่ามังกรคือตัวตนที่ถือกำเนิดพร้อมความสิ้นหวังและหวาดกลัวจากก้นบึ้ง


นับตั้งแต่วันนั้นจวบจนปัจจุบัน


ฮายาเตะมิอาจสลัดความกลัวออกไป ต้องใช้ชีวิตด้วยความหวาดระแวงในทุกลมหายใจ พลังของมังกรยิ่งใหญ่เกินกว่าจะหลุดพ้นจากอาการหวาดผวา


แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังมีเหตุผลให้ลุกขึ้นสู้ เป็นเหตุผลที่เรียบง่าย


ฮายาเตะไม่อยากให้ใครต้องทุกข์ทรมานจากความสิ้นหวังเช่นเดียวกับตน


มันอดทนต่อเจตนาฆ่าและการข่มขวัญของมังกรทั่วโลก โดยไม่เผยความกลัวให้ใครเห็น


“ข้าบังเอิญได้พบมังกรที่พ่ายแพ้และอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส ลมหายใจรวยรินและพยายามดิ้นรนเฮือกสุดท้าย แต่จิตคุกคามอันทรงพลังของมัน ทำให้ข้าหวาดกลัวไปจนถึงก้นบึ้งจิตใจ สัญชาตญาณส่วนลึกจึงสั่งให้ตัดศีรษะของมัน เพื่อรักษาชีวิตตัวเอง”


ข้าก็แค่โชคดี


วันแรกที่ได้พบกริด


ฮายาเตะเลือกใช้คำง่ายๆ เพื่อนิยามเหตุการณ์ที่ทำให้ตนกลายเป็นนักล่ามังกร ไม่มีการลงลึกรายละเอียด คล้ายกับเลี่ยงที่จะเล่า


ความกลัวที่สลักลงในส่วนลึกของจิตใจมาช้านาน


มันสัมผัสได้ว่า ความรู้สึกดังกล่าวค่อยๆ ขยายตัวขึ้นในทุกวัน


แต่ในวินาทีนี้ ความกลัวถูกขจัดออกโดยสิ้นเชิงแล้ว มันจึงกล้าที่จะพูด


โศกนาฏกรรมในวันนั้น


บอกเล่าอย่างใจเย็น


“…”


ความเปลี่ยนแปลงในตัวฮายาเตะ ส่งผ่านมาถึงกริดอย่างชัดเจน


ชายหนุ่มภูมิใจที่คำมั่นสัญญาเล็กน้อยของตน สามารถมอบความกล้าหาญแก่บุคคลอันยิ่งใหญ่ นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง


ขณะดื่มด่ำไปกับห้วงอารมณ์อันลึกซึ้ง


“นี่… เจ้ารุ่นน้อง”


บีบันที่ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาเปล่งเสียงทำลายบรรยากาศ ใต้จมูกมีรอยน้ำมูกไหลย้อยชัดเจน


ในฐานะอริยดาบผู้ใช้พลังจิตฟาดฟันเป้าหมาย อารมณ์ของชายคนนี้คงอ่อนไหวเป็นพิเศษ


‘ไม่สิ… นั่นอาจเป็นการตีความเข้าข้างเกินไป’


ในแง่ของอารมณ์ อริยดาบคงไม่แตกต่างจากนักดาบทั่วไปสักเท่าไร


กริดอดไม่ได้ที่จะนึกถึงครอเกล


ชายหนุ่มส่ายหน้าเมื่อมั่นใจว่า อุปนิสัยของบีบันแตกต่างจากครอเกลโดยสิ้นเชิง


“ตอนนี้มีสิบที่นั่งแล้ว เจ้าจะอยู่ที่หอคอยไปอีกสักพักใช่ไหม? ข้าอยากพาเดินเที่ยวชมทุกซอกมุม”


หอแห่งปัญญาใหม่


กริดอยู่ที่นี่มาแล้วสี่สิบหกวัน แต่นั่นเป็นการหมกตัวอยู่ในห้อง ไม่ได้ออกไปสำรวจสิ่งใด เพราะเดิมที จุดประสงค์หลักคือการมาทำงาน สมาธิทั้งหมดจึงจดจ่ออยู่กับงาน


“เอ่อ… ไม่เป็นไร ถึงฉันจะต้องกลับมาที่นี่บ่อยๆ แต่ก็คงหมกตัวอยู่แต่ในห้องเหมือนเดิม”


เพียงเพราะได้รับตำแหน่งสภา ใช่กว่ากริดจะต้องทำหน้าที่


ด้วยเกราะมังกร กริดแข็งแกร่งกว่าทุกคนยกเว้นฮายาเตะ


เก่งกาจเกินกว่าจะทำงานจิปาถะให้หอคอย และนั่นคือเหตุผลที่ต้องสูญเสียตำแหน่งหัวแถว


ฮายาเตะเลื่อนขั้นกริดจากหัวแถวเป็นสภา ก็เพราะไม่ต้องการให้กริดเสียเวลาทำงานของหัวแถว อีกทั้งยังจะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม


เนื่องจากไม่มีหน้าที่ จึงไม่มีความจำเป็นต้องเข้าใจโครงสร้างหอคอย


อย่างไรก็ดี บีบันคิดต่าง


“…แต่ว่า… ถ้าต้องทำความสะอาด… ไม่สิ ในบางครั้งพวกเราก็ต้องทำความสะอาด การศึกษาโครงสร้างไว้ล่วงหน้าย่อมดีกว่าไม่ใช่หรือ?”


“แล้วทำไมฉันต้อง…?”


“ก็เจ้าเป็นน้องเล็กสุด”


“บีบัน เจ้าลืมเหตุผลที่ตัวเองต้องทำความสะอาดไปแล้วหรือ? ความจำมีปัญหา? ที่เจ้าต้องรับเหมาการทำความสะอาดแต่เพียงผู้เดียว ไม่ใช่เพราะเจ้าเป็นน้องเล็กสุด แต่เป็นเพราะความผิดที่เจ้าก่อต่างหาก!!”


“ข้าเคยทำอะไรผิดนักหนา? บทลงโทษไม่รุนแรงเกินกว่าเหตุไปหน่อยหรือ? แล้วก็นะ เจสสิก้า อย่าพูดแทรกในตอนที่ข้าสนทนากับรุ่นน้อง ข้าเองก็มีศักดิ์ศรีในฐานะรุ่นพี่… ใช่ไหม ลำดับสิบกริด?”


“คำพูดคำจา… ให้มันน้อยๆ หน่อย!”


“เฮ่อะ! ทำไมเจ้าต้องคอยหาเรื่องข้าด้วย? หรือเพียงเพราะเป็นสภาเหมือนกัน เจ้าก็เลยไม่เกรงใจข้าสินะ? เห็นแบบนี้ข้าก็อายุมากกว่าเจ้าสี่ร้อยปีเชียวนะ!”


“กริด ข้าต้องขอโทษแทนด้วย… เขาสติไม่ค่อยดีแบบนี้เป็นปรกติอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวล”


“แต่เขายอดเยี่ยมกว่าใครในยามถือดาบ”


“ฮะฮะ! แน่นอนอยู่แล้ว ข้าคืออริยดาบเชียวนะ! กริด เจ้าพูดได้ดี ข้าไม่เคยลืมว่าตัวเองนั้นสูงส่งเพียงใด… ไม่สิ เจ้าก็กำลังจะบอกว่า ข้าเป็นแค่ไอ้งั่งในยามที่ไม่ได้ถือดาบ? บ้าน่า… ไม่ทาง…”


“…”


ขณะบีบันพึมพำ กริดค่อยๆ ถอยหลังออกมา


ชายหนุ่มชื่นชมและนับถือบีบันมาก แต่นั่นไม่ได้แปลว่าจะยอมรับนิสัยบีบัน การได้เห็นเป็นครั้งคราวยังพอไหว แต่หากต้องพบเจอทุกวันก็คงไม่ใช่เรื่องดีนัก


‘ครอเกลสุดยอดมาก…’


หลังจากสภาหอคอยคนอื่นช่วยกันลากบีบันออกไป


เมื่ออยู่ในห้องตามลำพัง กริดนึกถึงครอเกลซึ่งกลายเป็นหัวแถวคนถัดไป


เลเวลครอเกลถูกรีเซตเมื่อกลายเป็นอริยดาบ จากนั้นก็ศึกษาวิชากับคิรินัสนานถึงหนึ่งปี


อีกทั้งยังหมกมุ่นอยู่กับมีร์หลายเดือน เสียชีวิตไปก็หลายหน


แต่ตอนนี้กลับมีเลเวลสูงเป็นอันดับสอง?


แน่นอน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเลเวลของคริสเพิ่งถูกรีเซต


นอกจากนั้น เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ยังประสบปัญหาด้านการเก็บเลเวลในช่วงหลัง เพราะผลงานส่วนใหญ่ในนรกเป็นของ NPC ระดับสูงอย่างลอร์ดของเผ่าต่างๆ แถมยังถูกอาโมแรคก่อกวนหลายหน


อย่างไรก็ดี ครอเกลคือหัวกะทิในหมู่หัวกะทิ


แม้แต่เหล่าขุนพลระดับแนวหน้าของโอเวอร์เกียร์อย่างยูร่า จิสึกะ เรกัส ป็อน และคริสผู้หยิ่งทะนงก็ยังเคยกล่าวไว้ว่า ‘ในแง่พรสวรรค์ ไม่มีใครก้าวข้ามครอเกลได้’


หรือแม้กระทั่งเฮ่ายังเลือกที่จะติดตามครอเกลเพื่อคอยศึกษา


พวกมันไม่เคยมองกริดเป็นคู่แข่งฉันใด ไม่ก็เคยมองครอเกลเป็นคู่แข่งฉันนั้น


อย่างไรก็ดี กริดเคยคิดว่าอันดับสองรองจากคริสน่าจะเป็นยูร่า


ศักยภาพในการเติบโตของยูร่าผู้ผูกขาดจุดเก็บเลเวลนามว่านรก เทียบได้กับกริดในช่วงเวลาหนึ่ง


แม้การเติบโตจะชะลอตัวในช่วงหลายเดือนหลัง แต่ก็คงยากที่จะให้ทำความเข้าใจ ว่าเหตุใดเลเวลของยูร่าถึงยังน้อยกว่าครอเกลที่ถูกรีเซต


‘…คิดไปก็ปวดหัวเปล่าๆ’


ในแง่พรสวรรค์ ครอเกลโดดเด่นชนิดที่หาตัวจับได้ยาก


ยิ่งไปกว่านั้น สมญานามและชิ้นส่วนลับที่ครอเกลครอบครอง เป็นรองเพียงกริดคนเดียว


เหนือสิ่งอื่นใด คลาสของมันคืออริยดาบ


เมื่อสามารถฟันได้ทุกสิ่ง คงยากที่จะมีอุปสรรคในการเก็บเลเวล และในระยะหลังคงมีทักษะหมู่เพิ่มเข้ามามาก


กว่าสามเดือนแล้วที่ครอเกลเข้าไปในโลกแห่งธาตุ


มีโอกาสสูงที่จะได้รับบัฟ EXP เป็นรางวัลในการค้นพบสถานที่ใหม่คนแรก นอกจากนั้นยังไม่มีใครทราบว่า ในโลกแห่งธาตุมีสภาพแวดล้อมเป็นเช่นไร


‘…หรือจะเป็นการคัดเลือก?’


ฮายาเตะอาจตัดสินใจเอาเองว่า นักล่าอสูรไม่เหมาะแก่การเป็นหัวแถว


ภารกิจหลักของหัวแถวคือการเป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกและหอคอย แต่เวทีของนักล่าอสูรคือนรกซึ่งห่างไกลจากโลก จึงไม่เหมาะกับตำแหน่ง


‘…คิดแบบนี้สมเหตุสมผลกว่า ยิ่งไปกว่านั้น ครอเกลเคยเป็นหัวแถวมาก่อน’


คนที่น่าสงสารที่สุดคือคริส


ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เราคงเลื่อนการมอบหนังสือคลาสลับเป็นของขวัญ (?) …


‘แต่จะให้ทำไงได้’


ไม่มีใครรู้อนาคตสักหน่อย


ผู้สืบทอดซีดานคือคลาสที่มีระดับความยากสูง


หากมองในระยะยาว ก็ควรรีบเปลี่ยนคลาสตั้งแต่เนิ่นๆ และทำความเคยชิน


จริงอยู่ คงจะดีที่สุดหากคริสเปลี่ยนคลาสหลังจากกลายเป็นหัวแถว… แต่นั่นคือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว…


โชคดีที่นอกจากกริดกับครอเกล ไม่มีผู้เล่นคนใดรู้จักระบบหัวแถว สิ่งที่เกิดขึ้นจึงไม่ทำให้คริสสะเทือนใจ


กริดผู้รู้สึกผิด สูดลมหายใจยาว


งานของมันยังไม่เสร็จ เนื่องจากถูกสภาเข้ามาขัดจังหวะจนล่าช้า


ยังเหลือเกล็ดที่ฮายาเตะมอบให้ก่อนหน้านี้ และแขนของครานเบล


เกล็ดของกูเซลจะถูกนำมาใช้ในกรณีฉุกเฉินหากเกล็ดของเซนอนไม่เพียงพอ แต่สำหรับแขนของครานเบล กริดคิดจะหลอมมันทันที


‘เพื่อดึงศักยภาพสูงสุดของเกราะถุงมือ เราต้องมีศาสตรามังกรอย่างน้อยสองเล่ม’


แขนของอิฟริต มีคุณสมบัติเพิ่มพลังโจมตีให้ศาสตรามังกร


ในยามปรกติ กริดจะถือดาบมังกรคู่ตลอดเวลา และผสานเข้าด้วยกันในยามเอาจริง


‘มาเริ่มกันเลย’


ขณะสมาธิของชายหนุ่มกำลังจดจ่อ


“กินอะไรหน่อยไหม?”


“ทำไมมองหน้าข้าแล้วถามถึงแต่ของกิน? ข้าไม่ใช่หมูสักหน่อย! ข้าคือสัตว์อสูรลำดับหนึ่งแห่งขุมนรก เม็มฟิส!”


“กินขนมไหม? ลูกชิ้นปลาแผ่น”


“…เฮ่อะ! ถ้าอยากให้ก็ส่งมาเลย ไม่ต้องถาม”


หลังจากเตร็ดเตร่รอบหอคอยนานกว่าหนึ่งเดือน โนเอะทำตัวตามสบายในระดับสูงสุด


เบ็ตตี้เองก็หลงใหลสิ่งมีชีวิตที่ชอบยื่นท้องให้เกาจนงีบหลับ


ชอบถึงขั้นที่ว่า โนเอะได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องที่ไม่เคยเปิดรับใครนอกจากกริด


แต่เจ้าแมวอ้วนกลับต้องร้องเสียงหลง


เพราะมันพบร่างสตัฟฟ์ของเม็มฟิสตั้งอยู่บนชั้นวาง


“ทำไมเจ้าถึงมีปุ่มเท้าสีชมพู?”


“แง่ง! แง๊ว! ฆาตกร! ทารุณกรรมสัตว์!!”


เมื่อสัมผัสถึงวิกฤติอันตรายถึงชีวิต โนเอะขนลุกตั้งชันไปทั่วร่าง พยายามเอาตัวรอดอย่างสุดกำลัง


ทว่า ห้องของเบ็ตตี้เก็บเสียงได้ดีมาก เนื่องจากหน้าต่างถูกปิดสนิทอยู่เสมอ เสียงร้องของโนเอะจึงไม่เล็ดลอดไปข้างนอก


ในเวลาเดียวกัน ทางด้านแรนดี้


“สนใจทักษะของข้าหรือ?”


หงึก


เธอกลายเป็นคนโปรดของเหล่าสภา ส่วนหนึ่งเพราะรูปลักษณ์เด็กผู้หญิง


ด้วยอายุเฉลี่ยของเหล่าสภาที่มากถึงหลายร้อยปี พวกมันล้วนมองแรนดี้เป็นหลานสาว และถึงอายุจริงของแรนดี้จะมากกว่าสองร้อยปีแล้ว แต่สำหรับสภาหอคอยก็ยังถือว่าเด็ก


โนเอะและแรนดี้ต่างก็ถูกยกระดับอย่างไม่คาดฝันเช่นกัน


______________

ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059   ★ ★ จบบริบูรณ์  ★ ★

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ


Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00