จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,553
“เป็นความจริงหรือ ที่พวกเราจะไม่มีวันได้ขึ้นไปยังแอสการ์ด ไม่ว่าตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาจะทำความดีมากเพียงใด?”
ประมุขของโบสถ์โดมิเนี่ยนและยูดาห์กำลังเผชิญความยากลำบาก
ราชาโอเวอร์เกียร์ผู้ริอ่านเรียกตนเองว่าเทพ
ไม่เพียงจะกวาดล้างโบสถ์รีเบคก้าโดยไม่เกรงกลัวอาญาสวรรค์ บัดนี้ยังเผยแพร่ข่าวลืออันเป็นเท็จ
มีผู้คนที่ยอดเยี่ยมเพียงจำนวนน้อยเท่านั้น จึงจะถูกมองว่ามีคุณสมบัติเพียงพอต่อการเป็นเทวทูตและได้ขึ้นสวรรค์?
เป็นการบ่อนทำลายอย่างรุนแรง เป็นคำกล่าวอ้างซึ่งมีช่องโหว่มากมาย
อันที่จริง ลำพังการอ้างว่านรกเป็นแหล่งพักพิงของคนตาย ได้พิสูจน์แล้วว่าเทพผู้นี้มีจิตใจผิดเพี้ยนมากเพียงใด
เป็นอีกครั้งที่เหล่าประมุขศาสนากลับมามั่นใจ
ราชาโอเวอร์เกียร์คืออสูร
ค่อนข้างแน่ชัดว่าจอมอสูรลำดับสอง อาโมแรค ได้จำแลงกายเป็นมนุษย์และสร้างความปั่นป่วนต่อโลกด้วยกลลวงอันชั่วร้าย
‘แล้วใครจะหยุดมันได้? ช่างน่าเศร้า’
ไม่ว่าจะอริยดาบ นักล่าอสูร หรืออดีตสันตะปาปาซึ่งถูกปฐมดาบศักดิ์สิทธิ์เลือก
บุคคลที่ควรเป็นวีรบุรุษ ล้วนกลายเป็นสมุนของอสูร
เป็นความจริงอันน่าหดหู่
หากปล่อยไว้เช่นนี้ โลกคงไม่หลงเหลือความหวัง
ประมุขของสองศาสนาต่างกังวลจากก้นบึ้ง
อสูรซึ่งดูหมิ่นเทพและเชิดชูนรก กำลักชักใยอยู่เบื้องหลังเพื่อนำพาโลกไปสู่จุดจบ
“ในเวลาแบบนี้ พวกเราต้องมีสติ”
หลายวันหลังจากมหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรสิ้นสุดลง
โบสถ์โดมิเนี่ยนและยูดาห์จัดการประชุม
จำนวนสาวกของโบสถ์ซึ่งเริ่มคลางแคลงในตัวเทพ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากข่าวลือที่กำลังแพร่สะบัด ดังนั้น พวกมันจึงจัดประชุมเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับมาตรการรับมือ
“…”
แต่บรรยากาศกลับแปลกประหลาด
ดวงตาของเหล่าอาวุโสเผยความสมเพชขณะมองดูสองประมุขศาสนาแบ่งปันความคิดเห็น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาวุโสของโบสถ์ยูดาห์ถึงกับถอนหายใจ
สองประมุขเริ่มสังเกตเห็น
‘แม่แต่เหล่าอาวุโสก็ถูกกลอุบายของอสูรเล่นงาน’
กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไปแล้ว
คมดาบในมือพาลาดินถูกวางไว้บนท้ายทอยอาวุโส
“พวกคุณก่อกบฏต่อศาสนจักร คงถูกอสูรหลอกมาสินะ”
“นี่มิใช่การก่อกบฏ… จุดประสงค์ของกบฏคือการแสวงหาอำนาจ แต่เราแค่เผชิญความจริง”
“นับตั้งแต่หันหลังให้ความศรัทธา นักบวชก็มิใช่นักบวชอีกต่อไป เหตุผลของคุณไม่ต่างอะไรกับพวกหัวขโมย มันผิดมาตั้งแต่ต้น… เผชิญหน้าความจริง? พวกคุณหลงเชื่อข่าวลือเหลวไหลนั่นไปได้อย่างไร? ข้อแตกต่างระหว่างพวกคุณกับคนไม่รู้หนังสืออยู่ตรงไหน? ช่วงเวลาหลายปีที่คุณใช้ศึกษาธรรมและสวดวิงวอนต่อพระองค์ช่างสูญเปล่า”
“ข่าวลือเหลวไหล? ไม่เคยได้ยินเรื่องที่เทวทูตปลอมตัวเป็นสันตะปาปาและจ้องจะทำร้ายผู้คนจำนวนมากหรือไง?”
“จะต้องอธิบายอีกกี่รอบ? นั่นเป็นข่าวลือที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์กุขึ้น!”
“เราก็อยากจะเชื่อเช่นนั้น แต่พยานในเหตุการณ์มีจำนวนนับไม่ถ้วน! สาวกรีเบคก้าที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวล้วนพูดตรงกันหมด!”
“นั่น… พวกเขาถูกล้างสมอง”
“หลักฐานล่ะ?”
“ไม่มีทางที่เทวทูตของเทพธิดาซึ่งดำรงตนเพื่อมนุษย์ จะวางแผนทำร้ายมนุษย์”
“หลักฐานชิ้นใดบ่งบอกว่าเทพธิดาดำรงตนเพื่อมนุษย์?”
“เรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้? การมีอยู่ของแสงสว่าง การมีอยู่ของโลก และการมีอยู่ของมวลมนุษย์ ล้วนต้องขอบคุณพระกรุณาของเทพธิดา”
“เทพธิดาอาจเป็นผู้สร้างทุกสิ่ง แต่มีหลักฐานใดบ่งบอกว่าพระองค์ทำเพื่อมนุษย์? อย่าได้ลืมว่าเทพธิดาหันหลังให้กับมนุษย์ซึ่งล้มตายไปมากมายจากการรุกรานของอสูร”
“นั่นเป็นบททดสอบ เฉกเช่นที่พระองค์มิได้ช่วยเหลือคนป่วยและคนยากจนทุกคน ชีวิตมนุษย์เต็มไปด้วยบททดสอบ แต่ขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยโอกาส มีเพียงผู้เอาชนะการทดสอบเท่านั้นจึงจะได้ขึ้นสู่แอสการ์ด”
“พรคุ้มครองของยูดาห์ที่พวกอสูรมี… ก็เป็นบททดสอบเหมือนกัน?”
“ถูกต้อง ยิ่งบททดสอบเข้มข้นเพียงใด มนุษย์ก็ยิ่งพัฒนาตัวเองมากเท่านั้น และโอกาสในการขึ้นสู่แอสการ์ดก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น นั่นคือเหตุผลที่ราชาโอเวอร์เกียร์ยื่นมือช่วยเหลือมนุษย์โดยไม่เรียกร้องสิ่งใด เพราะยิ่งสร้างภาพลวงตาว่าเทพชั่วร้ายเพียงใด เจ้านั่นก็ยิ่งได้ประโยชน์ มันคิดจะช่วยให้มนุษย์ผ่านบททดสอบได้ง่ายดาย มนุษย์จะได้เกียจคร้านและขาดคุณสมบัติในการขึ้นสู่แอสการ์ด”
“เทวทูตบุกโจมตีเทพโอเวอร์เกียร์ก็เพราะสวรรค์มองว่าเขาเป็นอสูร?”
“ถูกต้อง นั่นคือหลักฐานที่ชัดเจนที่สุด”
“แล้วเหตุใด เทพโอเวอร์เกียร์ซึ่งช่วยชีวิตผู้คนไว้มากมาย ถึงถูกสวรรค์มองว่าเป็นอสูร?”
“เพราะเจ้านั่นดูหมิ่นเทพ”
“…”
การเอาแต่ยืนกรานกระต่ายขาเดียวของประมุขศาสนาทำให้เหล่าอาวุโสเกิดความผิดหวัง
ผู้เล่นจำนวนหนึ่งซึ่งปะปนอยู่ในกลุ่ม เผยสีหน้าดำมืด
พวกมันกำลังเป็นสักขีพยานว่ายุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้ว
ปัจจุบัน ผู้เล่นจำนวนมากกำลังแฝงตัวอยู่ในทุกองค์กรสำคัญ
เกือบทุกคนร่วมมือกับกิลด์โอเวอร์เกียร์
พวกมันเชื่อว่าเส้นทางของกริดนั้นถูกต้อง
นี่มิใช่ความศรัทธาในตัวผู้ที่ยืนบนจุดสูงสุดอย่างหน้ามืดตามัว
ไม่มีใครถูกคุกคามด้วยพลังหรืออำนาจ
แต่เป็นผลมาจากสิ่งที่กริดสร้างขึ้นและสั่งสมจวบจนปัจจุบัน
กริดประสบความสำเร็จมากมาย และข้อมูลซึ่งแฝงมากับความสำเร็จเหล่านั้น ย่อมมีความน่าเชื่อถือสูง
จึงเป็นธรรมดาที่ผู้เล่นจะสนับสนุนและไว้ใจกริด ผู้ถือครองข้อมูลมหาศาลและใช้มันเลือกเส้นทางที่ดีที่สุด
“พวกเขาทั้งสองเกินเยียวยาแล้ว”
ขณะกล่าว นักบวชอาวุโสมองดูสองประมุขด้วยสายตาสมเพช จากนั้นก็ถอนสายตาไปยังทิศทางหนึ่ง
เมื่อมองตามไป ใบหน้าของสองประมุขพลันแข็งทื่อ
เพราะที่นั่นมีคนซึ่งไม่ควรจะอยู่
ชายผู้สวมชุดเกราะเต็มอัตราศึกสีสันสอดคล้องกับผมสีม่วง
“ถึงเวลาผนวกรวมเป็นหนึ่งแล้ว”
อดีตสันตะปาปา ดาเมี่ยน
คนทรยศซึ่งครั้งหนึ่งเคยสรรเสริญเทพธิดา แต่กลับเปลี่ยนใจไปเทิดทูนเทพองค์ใหม่
“แม้จะค่อนข้างหนักใจ แต่ฉันก็ตัดสินใจได้แล้วว่า จะต้องขจัดอุปสรรคทุกชนิดที่ขัดขวางการผนวกรวมเป็นหนึ่ง… โลกในปัจจุบันไม่อ่อนโยนมากพอที่จะโอบกอดทุกคนไว้”
“สามหาว…! นี่แก….! ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นอดีตสันตะปาปา กลับเอาแต่อาละวาดประหนึ่งสุนัขรับใช้ของเทพจอมปลอม! ไม่ละอายใจบ้างรึไง!!”
สองประมุขถากถางด้วยถ้อยคำรุนแรง
แต่สีหน้าท่าทีของดาเมี่ยนไม่แปรเปลี่ยนแม้แต่น้อย
ความยุติธรรมกำลังเปล่งประกายออกจากดวงตา
ดาเมี่ยนทำตัวราวกับเป็นผู้ผดุงคุณธรรม
นั่นเพราะตัวมันมิใช่คนทรยศ หากแต่เป็นเทพสวรรค์
ไม่สิ คำว่าทรยศนั้นไม่เหมาะสมสักเท่าไร
เทพมิได้อยู่ฝ่ายมนุษย์มาตั้งแต่ต้น
มีหลักฐานมากมายสนับสนุนข้อเท็จจริงดังกล่าว คนที่เพิกเฉยต่อหลักฐานต่างหากที่จิตใจไม่ปรกติ พวกมันทั้งบิดเบี้ยวและไร้เหตุผลราวกับสัตว์ประหลาด แม้จะถูกความจริงกรอกหูซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ยังเอาแต่ตั้งคำถามไม่หยุดหย่อน
“หลังจากลงนรก แม้จะสายเกินไปแล้ว แต่ฉันก็หวังให้พวกแกตระหนักได้ว่า เทพโอเวอร์เกียร์คือเทพเพียงองค์เดียวที่จริงใจกับมนุษย์”
ดาเมี่ยนชักดาบ
เป็นสัญญาณของการชำระล้าง
เสาหลักของสามโบสถ์หลักซึ่งคอยก่อกวนอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ในทุกช่วงเวลาสำคัญ
เพื่อถอนรากถอนโคนให้สิ้นซาก ดาเมี่ยนลอบวางแผนเป็นเวลานาน
มันพยายามติดต่อเหล่าอาวุโสด้วยหลักคุณธรรม ผ่านสายสัมพันธ์ซึ่งเคยสร้างไว้สมัยยังดำรงตำแหน่งสันตะปาปา
แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย มันถูกตรวจสอบและต้องเผชิญความเสี่ยงหลายครั้ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ดาเมี่ยนต้องคุยกับบุคคลซึ่งทำตัวไม่ต่างจากประตูหรือกำแพงที่ไม่มีวันสื่อสารกันเข้าใจ
แต่ในท้ายที่สุด มันทำสำเร็จและได้มายืนอยู่ตรงนี้
ดาเมี่ยนเคยเป็นสันตะปาปาของโบสถ์รีเบคก้า ศาสนาซึ่งเคร่งครัดที่สุดจากบรรดาทั้งหมด
ความอดทนและพากเพียรของมันเทียบได้กับกริด จึงเป็นธรรมดาที่จะบรรลุผลลัพธ์
นอกจากนั้นยังต้องขอบคุณเทวทูตกับเทพที่เอาแต่สร้างเรื่อง รวมถึงกริดซึ่งเปิดโปงความจริงของนรก
“ฉันรู้มานานแล้วว่าแกบ้า แต่ไม่คิดว่าจะบ้าขนาดนี้”
สองประมุขไม่อดทนอีกต่อไป พวกมันแผ่จิตสังหารอย่างท่วมท้น
ค้อนแห่งแสงลอยขึ้นเหนือศีรษะพวกมันทั้งสอง สายตาจดจ้องดาเมี่ยนปานจะกินเลือดเนื้อ
ทางฝั่งซ้ายและขวาของพวกมัน อัศวินในชุดดำปรากฏตัวอย่างเป็นระเบียบ
นี่คือความลับซึ่งทำให้สองประมุขยังคงเยือกเย็น
อัศวินเท็มพลา
สองประมุขถูกคุ้มครองโดยกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของโบสถ์รีเบคก้า ซึ่งก่อนหน้านี้หายหน้าหายตาไปสักพัก
แม้จะไม่เห็นร่างโคลนของซาลิเอล แต่เพียงเท่านี้ก็มากพอจะทำให้ความเหิมเกริมของสองประมุขทะลุฟ้า
“เหล่าอาวุโสทั้งหลาย จงเพ่งมองให้ดี คนทรยศรายนี้คือหลักฐานที่พิสูจน์ว่าเทพโอเวอร์เกียร์เป็นเทพจอมปลอม”
ปราศจากพลังแห่งเทพ
ดาเมี่ยนไม่มีพลังซึ่งนักบวชควรจะมี
และไม่ใช่แค่ดาเมี่ยน แต่ยังรวมถึงสมาชิกของโบสถ์เทพโอเวอร์เกียร์ทุกคน
นี่คือหนึ่งในสาเหตุที่สาวกของสามโบสถ์หลักไม่นับถือกริดเป็นเทพ
หากกริดเป็นเทพจริง แล้วเหตุใดเหล่าสาวกถึงปราศจากพลังเทพ?
ขณะอาวุโสบางคนกำลังคิดตามข้อสงสัย สองประมุขแผดเสียงตะโกน
“ดาเมี่ยน! แกมันคนทรยศ! ลืมไปแล้วหรือว่าคนอย่างแกเป็นสันตะปาปาได้ด้วยความช่วยเหลือจากเทพธิดา ไม่สำนึกบุญคุณบ้างรึไง!”
ชิ้ง!
ค้อนแห่งแสงที่ลอยเหนือศีรษะสองประมุขได้ผสานกันเป็นหนึ่งเดียว
แสงอันเจิดจ้าและศักดิ์สิทธิ์ระเบิดไปทุกทิศทางอย่างท่วมท้น ฉาบทุกซอกมุมภายในวิหารให้สว่างไสว
นี่คือเครื่องพิสูจน์ถึงการมีตัวตนของเทพ
ความกังวลเริ่มก่อตัวภายในใจเหล่าอาวุโส พวกมันหวาดกลัวทัณฑ์สวรรค์ซึ่งอาจตามมาเล่นงานภายหลังโทษฐานที่หันหลังให้แสงสว่าง ไม่มีใครกล้าจ้องมองแสงเหล่านี้โดยตรง
แต่ดาเมี่ยนแตกต่าง มันยังคงจดจ้องแสงสว่างด้วยสายตาอันมุ่งมั่น
“ไม่มีกฎเกณฑ์ใดที่ระบุว่า พลังเทพต้องเป็นแสงสว่างเสมอไป”
ปึด!
เส้นเลือดดำบนหลังมือดาเมี่ยนสั่นกระตุกขณะกำดาบแน่น
“กายภาพ”
ดาเมี่ยนยังคงไม่ลืม
พลังทำลายล้างซึ่งกริดนำมาใช้ฆ่าคามิคิน จอมอสูรที่แม้แต่เวทมนตร์ของบราฮัมก็ทำอะไรไม่ได้
“พลังเทพของเทพโอเวอร์เกียร์คือพลังทางกายภาพ”
ก็แค่การเล่นลิ้น
สองประมุขต่างพ่นลมหายใจเย้ยหยัน
พลังเทพของพวกมันผสานเป็นหนึ่งเดียวก่อนจะยิงออกมาประหนึ่งศรแห่งแสง
ศรแห่งแสงทะลวงเข้าไปในหน้าอกของดาเมี่ยน
ไม่สิ มันไม่สามารถ
“…!?”
ศรแห่งแสงถูกดาบดาเมี่ยนฟันทิ้งจนแตกละเอียด
พรคุ้มครองและพลังเทพของเทพโอเวอร์เกียร์
หนึ่งในคุณสมบัติของดาบซึ่งกริดสร้างให้ดาเมี่ยน คือการตัดเวทมนตร์ เป็นพลังที่ยอดเยี่ยมกว่าพลังเทพใดทั้งหมด
กึก!
ย่างก้าวของดาเมี่ยนเปรียบดังการบรรยายเทวตำนานของเทพโอเวอร์เกียร์
ยิ่งกริดเขียนเทวตำนานเพิ่ม ท่ารำดาบของดาเมี่ยนก็ยิ่งทรงพลัง
“ทำลายล้างร่ายรำสังหาร”
กริดพิสูจน์มานักต่อนักแล้ว
ศัตรูทุกชนิดที่ขวางทาง สามารถฟาดฟันได้ด้วยพละกำลังและไอเท็ม
ดาเมี่ยนผู้คอยรับใช้และเป็นตัวแทนกริด มีหน้าที่พิสูจน์สัจธรรมดังกล่าว
“อ๊ากกก…!”
การโจมตีด้วยพลังแห่งไอเท็มทะลวงผ่านแนวป้องกันของเท็มพลา พร้อมกับสร้างบาดแผลฉกรรจ์ให้สองประมุข
สองประมุขต่างแหกปากกรีดร้องพลางร่ายเวทฮีลใส่กันและกัน แต่นั่นก็เปล่าประโยชน์
สำหรับภารกิจต่อต้านสามโบสถ์หลัก ดาเมี่ยนคือผู้มีอำนาจสูงสุดในอาณาจักรโอเวอร์เกียร์
ในเมื่อศัตรูหลักเป็นนักบวชและพาลาดิน จึงเป็นธรรมดาที่ดาบของมันจะแฝงคุณสมบัติ <ลดทอนผลการรักษา>
เรียกได้ว่าชนะทางเต็มประตู
จริงอยู่ ดีบัฟลดทอนการรักษาสามารถขจัดได้ด้วยเวทชำระล้าง
ทว่า
ฉัวะ!
ต่อให้ชำระล้างไป ดาเมี่ยนก็แต่ฟันใส่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หลังจากการต่อสู้อันดุเดือด
[ประมุขของศาสนาโดมิเนี่ยนและยูดาห์เสียชีวิต]
การกวาดล้างประสบความสำเร็จ
คุณธรรม สายสัมพันธ์ส่วนตัว ความจริงใจ ไอเท็ม และฝีมือของดาเมี่ยน ปัจจัยเหล่านี้ผนึกกำลังกันจนเกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
เหล่าอาวุโสเลือกประมุขคนใหม่ทันที แน่นอนว่าคราวนี้ผูกมิตรกับดาเมี่ยนและอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ พวกมันจะนำทางศาสนาโดมิเนี่ยนและยูดาห์ซึ่งสับสนอยู่พักหนึ่ง ให้กลับไปเดินบนเส้นทางที่ถูกต้อง
“ไม่มีเท็มพลาระดับสูงแม้แต่คนเดียว…”
หลังจากดาเมี่ยนทำสัญญาเบื้องต้นกับเหล่าอาวุโสหลายฉบับ มันเริ่มขบคิดถึงข้อกังวล
อิสซาเบลซึ่งกำลังรออยู่นอกวิหาร พยักหน้ารับ
“ฉันสัมผัสถึงตัวตนของผู้นำไม่ได้เลย ดูเหมือนว่าพวกเขามิได้ใส่ใจจะฟื้นฟูศาสนารีเบคก้าสักเท่าไร… น่าแปลกมาก พวกเราควรสืบสวนหาความจริง”
หลังจากย้ายมาเป็นชาวโอเวอร์เกียร์เต็มตัว อิสซาเบลเปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้น
เธอคิดและตัดสินใจในหลายสิ่งด้วยตัวเองราวกับว่านั่นคืองาน แต่ต่างจากสมัยที่เป็นบุตรีแห่งรีเบคก้าซึ่งเอาแต่รับคำสั่ง
ดาเมี่ยนกุมมือหญิงสาวแนบแน่น จากนั้นก็จ้องมองบริเวณท้องซึ่งป่องออกมา
“ใช่… แต่งานนี้อิสซาเบลจังไม่ต้องทำด้วยตัวเอง”
ด้านหลังดาเมี่ยนเต็มไปด้วยขบวนผู้คนยาวเหยียด
ทั้งหมดเป็นหัวกะทิของโบสถ์เทพโอเวอร์เกียร์ แม้ดาเมี่ยนจะคัดเลือกมาเป็นพิเศษ แต่ก็ยังมีจำนวนมากกว่าพันคน
ดาเมี่ยนในปัจจุบันถือครองพลังและอำนาจทัดเทียมสมัยเป็นสันตะปาปาของโบสถ์รีเบคก้า และจะยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต
สองสัปดาห์ถัดมา
ทั่วโลกเผชิญความโกลาหลอีกครั้ง
มหาจักรพรรดินีบาซาร่าประกาศว่า จักรวรรดิซาฮารันจะอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์
______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059 ★ ★ จบบริบูรณ์ ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ
อิสซาเบลท้องป่องเฉยยยยย เอาหว่ะดาเมี่ยน
ReplyDelete