จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,277
ครืด… ครืด…
เหล่าอันเดดกำลังกรีฑาทัพอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเหน็ดเหนื่อย
แม้ร่างกายจะเต็มไปด้วยบาดแผล แต่พวกมันยังคงมุ่งหน้าตรงไปยังวังหลวง
“บ้าจริง… ลูกธนูหมดแล้วรึไง?”
“สงครามยืดเยื้อยาวนานเช่นนี้ หากยังไม่หมดคงจะแปลกมากกว่า”
“นั่นสินะ… เป็นเพราะพวกช่างตีเหล็กหนีไปหมดแล้ว ไม่เหลือแม้แต่พวกปลายแถว!”
ตึง! ตึง!! ตึง!!!
แม้นมีเสียงกลองศึกดังระรัว แต่ทหารเมืองหลวงกลับมิได้นึกคึกคักฮึกเหิมแต่อย่างใด
ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พวกมันต้องเผชิญกับภาวะอดนอนต่อเนื่อง ตอนกลางคืนต้องทำสงคราม ตอนกลางวันต้องแยกย้ายกันไปค้นหานักพรตมาร
โครม!!
หลังจากมั่นใจว่ากองทัพซอมบี้วางแผนมุ่งหน้าล้อมวังหลวงคาราสึ กับดักจำนวนมากถูกติดตั้งล่วงหน้าเพื่อเตรียมการรับมือ
อันเดดสติปัญญาต่ำย่อมมิอาจจำแนกแยกแยะกับดัก หลายตนจึงเสียท่าตกลงไปในหลุมพราง หน่วยทหารที่ถูกฝึกมาอย่างดีเห็นดังนั้นจึงรีบราดน้ำมัน ตามด้วยการจุดไฟเผาจนเกิดเป็นควันดำพวยพุ่งพร้อมกับกลิ่นเหม็นเน่าชวนสะอิดสะเอียน
หลังจากได้กลิ่นเศษเนื้อและเสื้อผ้าของกองทัพไร้ชีวิตเริ่มมอดไหม้ บรรดาทหารองครักษ์ต่างมองเห็นแสงแห่งความหวัง
“ไอซ์·เวฟ” (Ice Wave)
ทันใดนั้น พวกมันได้ยินเด็กหนุ่มร่างเล็กที่กำลังลอยตัวกลางอากาศ เปล่งชื่อเรียกของคาถาประหลาดบางชนิด
เพียงพริบตา พายุน้ำแข็งแผ่กระจายไปรอบทิศทางจนเปลวไฟดับสนิท หลุมกับดักทั้งหมดถูกน้ำแข็งเติมเต็มจนฝูงซอมบี้ไม่ตกลงไป
“ร…ร่ายมนต์โดยไม่ใช่ยันต์…!”
“นักพรตจากทวีปตะวันตก!!”
บรรดาทหารเลวต่างพากันแตกตื่นกับพลังอันแปลกตา แต่ไม่ใช่กับแม่ทัพระดับบน พวกมันทราบอยู่ก่อนแล้วตั้งแต่ได้เห็นฝูงซอมบี้ที่ไม่ควรมีในทวีปตะวันออก
“อย่าได้ปรานีพวกผู้บุกุรกที่บังอาจทำลายเกียรติยศของอาณาจักรเราเด็ดขาด!!”
“เฮ—!!”
กองทัคาราสึและกองทัพอันเดดต่างเข้าตะลุมบอนกันด้วยทุกสิ่งที่พวกตนมี
แม้นจำนวนของกองทัพคาราสึจะมากกว่าถึงสามเท่า แต่ผลลัพธ์ก็น่าจะออกมาสูสี เพราะฝ่ายมนุษย์ถูกตัดกำลังด้วยปัจจัยด้านความอ่อนเพลีย
ทว่า สิ่งนี้เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม
กองทัพคาราสึทั้งแข็งแกร่งและห้าวหาญจนสามารถถล่มกองทัพอันเดดได้อย่างราบคาบ แม้แต่การดวลหนึ่งต่อหนึ่งก็ยังพ่ายแพ้ ส่งผลให้สถานการณ์สนามรบกลายเป็นสงครามฝ่ายเดียวหลังจากเริ่มขึ้นได้เพียงไม่นาน
“…?”
หางตาของแอ็กนัสที่ยืนบงการกองทัพอันเดดจากด้านหลังห่างออกไป เริ่มกระตุกแผ่วเบา
แอ็กนัส ผู้ลอบก่อกวนกรุงคาราสึนานหลายสัปดาห์ก่อนจะเปิดศึกเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก พลันลิ้มรสความจริงที่ว่า ตนประเมินฝีมือกองทัพเมืองหลวงของชาวตะวันออกต่ำไป
“คึคึคึึิิก…! น่าสนใจดีนี่… ไม่น่าเบื่อเหมือนพวกทวีปตะวันตก”
ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลมีพลังในการปลุกศพคนตายให้กลายเป็นบริวาร
หรืออีกนัยหนึ่ง ยิ่งมีศพในสนามรบมากเท่าใด มันก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น
แต่เมื่อสงครามดำเนินไปถึงจุดหนึ่ง จำนวนคนตายจะเริ่มลดลง และนั่นถือเป็นจุดเสื่อมถอยของพลัง
“ฆ่าพวกมันให้หมด!!”
กองทัพคาราสึบุกเข่นฆ่ากองทัพอันเดดอย่างไร้ความปรานี
ทุกครั้งที่อัศวินบนหลังม้าแกว่งดาบ จักต้องมีเศียรของอันเดดขาดกระเด็นไม่ต่ำกว่าสิบ
“ตัวการอยู่ทางนั้น!!”
แม่ทัพคนหนึ่งตะโกนเสียงดังพลางใช้ดวงตาอันดุดันจ้องถมึงไปทางแอ็กนัส อาศัยความเร็วของม้าศึก ดาบยาวในมือที่กำลังสะท้อนแสงสลัวรอบตัว ดูคล้ายกับเส้นสายฟ้าที่พุ่งผ่าใส่แอ็กนัสจากระยะทางไกล
แต่ทันใดนั้น
เป๊าะ!
แอ็กนัสปรบมือ
แกร่ก!!
อันเดดหลายพันตนที่กำลังต่อสู้กับกองทัพเมืองหลวง พลันล้มลงไปกองกับพื้นอย่างพร้อมเพรียงประหนึ่งหุ่นกระบอกถูกตัดสาย
แม่ทัพคนดังกล่าวยกโค้งมุมปาก ในใจคิดว่าคนชั่วตรงหน้าคงยอมถอยทัพแต่โดยดี
อย่างไรก็ตาม แม่ทัพมิได้ยกเลิกการควบม้าโจมตีของตน ดาบยาวคมในมือตวัดผ่าอากาศหมายทะลวงคอหอยศัตรูให้เป็นรูโหว่
ฉึก!!
“…!?”
ทัศนีภาพของแม่ทัพพลันหมุนเคว้ง จากพื้นถนนกลายเป็นดวงจันทร์บนฟากฟ้า แซมด้วยจุดสีแดงเล็ก ๆ นับพันแห่ง
‘…อะไร?’
ชะตากรรมของมันยังคงไม่จบ
ภาพการมองเห็นของแม่ทัพหมุนกลับลงไปยังพื้นถนนอีกครั้ง จากนั้นก็ดับสนิทตลอดกาล
“แม่ทัพคัง!!”
“พ…พระเจ้า! นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น!!”
กองทัพคาราสึที่ฮึกเหิมมาได้พักใหญ่ เริ่มสูญเสียขวัญกำลังใจ
จากนั้น อัศวินความตายที่ถูกปลุกขึ้นจากศพไร้เศียรของแม่ทัพ กำลังหันหน้ามาทางพวกมันประหนึ่งด้วยจิตสังหารเต็มเปี่ยม
เสียงตะโกนแฝงความบ้าคลั่งของแอ็กนัส ก้องกังกวานไปทั่วเขตวังหลวงอย่างน่าขนลุก
“ฆ่าทุกคนให้หมด!! คึฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!! คิคิก…!”
ครืน—!
แอ็กนัสที่ยอมสละค่า ‘ปกครอง’ สำหรับควบคุมอันเดดนับพัน ทำการปลุกอัศวินความตายขึ้นมาสามตน รวมถึงลิชมูมัด ส่งผลให้มันเริ่มแย่งชิงความได้เปรียบกลับมาจากองทัพคาราสึที่กำลังอ่อนเพลีย ทีละเล็กทีละน้อย
อาศัยมูมัดยืนเคียงข้างเป็นบอดี้การ์ด แอ็กนัสควบคุมอัศวินความตายสามตนไปพร้อมกับใช้เวทมนตร์ของตนสังหารแม่ทัพศัตรูจากระยะไกล ระบบสั่งการของทัพคาราสึจึงเป็นอัมพาตภายในเวลาไม่นาน
อย่างไรก็ตาม ฝีมือของทหารและอัศวินล้วนอยู่เหนือมาตรฐาน การต่อต้านจึงเป็นไปอย่างแข็งขันดุดัน
แม้จะสูญเสียแม่ทัพและนายกอง แต่จิตสำนึกความรักชาติได้ผลักดันให้พวกมันมีแรงฮึดมากพอที่จะตัดแขนขาของอัศวินความตาย
ในที่สุด อัศวินความตายทั้งสาม แปรสภาพกลายเป็นละอองแสงสีเทาหม่น
แต่นี่ยังมิใช่จุดจบของสงคราม หากแต่เป็นจุดเริ่มต้นของความสิ้นหวังครั้งใหม่
หลังจากได้รับค่า ‘ปกครอง’ คืนจากการสูญเสียสามอัศวินความตาย แอ็กนัสปลุกกองทัพอันเดดนับพันกลับขึ้นมาใหม่
โดยหนนี้เพิ่มจำนวนจากตอนแรกหลายเท่า
เป็นเพราะมีศพทหารคาราสึที่เพิ่งเสียชีวิตด้วยฝีมืออัศวินความตายกับลิชมูมัดเพิ่มเข้ามา
“ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด…”
ชายคนนี้มีพลังไร้ขีดจำกัดรึไง…
ขณะทหารคาราสึกำลังเผชิญความสิ้นหวัง
พรึบ!
กรี๊~
เสียงวิหคขันขานดังก้องพร้อมกับท้องฟ้าที่สว่างไสวราวกับยามกลางวัน
ดวงตานับร้อยของจันทร์ขุมนรกที่แอบสังเกตการณ์สนามรบอย่างเงียบงัน พลันปิดตาลงด้วยอากัปกิริยาแฝงความเจ็บปวด
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!
สายฝนอัคคีร่วงหล่นโปรยปราย
กองทัพอันเดดนับพันที่แอ็กนัสเพิ่งปลุกขึ้นมาเมื่อครู่ มลายกลายเป็นแสงสีเทาอย่างง่ายดายโดยแทบไม่ต้องออกแรง
ชะตากรรมของคนรักแอ็กนัสก็ไม่ต่างกัน
[ ‘คนตาย’ ที่ท่านสร้างขึ้น ‘ลูน่า·แคโรไลน์’ ได้รับความเสียหายสถานหนักและเสียชีวิต ]
เฉกเช่นผู้สืบทอดแพ็กม่าที่มีทักษะ ‘ออกแบบไอเท็ม’ และอริยดาบที่มีทักษะ ‘สร้างวิชาดาบ’ ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลเองก็มีทักษะที่คล้ายคลึงกันอย่าง ‘สร้างคนตาย’
แตกต่างจากอัศวินความตายและลิชที่ต้องสิ้นเปลืองค่า ‘ปกครอง’ ในการอัญเชิญ ‘คนตาย’ ไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรดังกล่าว
หมายความว่า คนตายสามารถเคียงข้างคนเป็นได้ทุกที่ทุกเวลาโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
ไม่ต้องเผชิญข้อจำกัดเหมือนกับบริวารและสัตว์อัญเชิญประเภทอื่นของคลาสหมอผี
ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า นี่คือทักษะอัญเชิญในอุดมคติของหมอผีหลายคนทั่วโลก
ทว่า
“ลูน่า!!”
แต่สำหรับแอ็กนัส ทักษะแสนโกงดังกล่าวกลับถูกใช้ในแง่มุมที่ต่างออกไป
มันสร้างคนตายเพียงเพื่อสนองความปรารถนาในใจ หาใช่เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง
เพียงเพื่อความสุขจอมปลอมเพียงอย่างเดียว หาได้มีประโยชน์อื่นใดไม่
“กรี๊ด—!!”
เนื่องจาก ‘คนตาย’ ลูน่า·แคโรไลน์มีเกรดเพียงแรร์ ร่างกายจึงเปราะบางและมีสติปัญญาต่ำกว่ามาตรฐานมาก
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะขั้นตอนการสร้างไม่สมบูรณ์เนื่องจากถูกก่อกวนกลางคัน และอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะแอ็กนัสมิได้แยแสในด้านความแข็งแกร่ง เลือกที่จะมุ่งเน้นเพียงรูปลักษณ์ทางภายนอก
“ลูน่า!!”
ลูน่า·แคโรไลน์ที่มิอาจทนต่อการแผดเผาของฝนเพลิงจากฟากฟ้า ค่อย ๆ กลายเป็นละอองแสงสีเทาด้วยท่าทางทุรนทุราย
สำหรับกองทัพคาราสึ พวกมันรู้สึกขยะแขยงเมื่อได้เห็นสัตว์ประหลาดตนหนึ่งกลับคืนร่างจริงและเสียชีวิตอย่างน่าสมเพช
แต่สำหรับแอ็กนัส มันคิดตรงกันข้าม
ขณะโอบกอดร่างที่ใกล้เลือนหายของลูน่า ภาพความทรงจำในอดีตพลันพรั่งพรูหลั่งไหล
ฉากในปัจจุบันกำลังซ้อนทับเหตุการณ์ที่ลูน่าตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเอง หลังจากเธอถูกกลุ่มสัตว์นรกย่ำยีจนจิตใจแตกสลาย
ปึด!
คล้ายกับบางสิ่งในตัวแอ็กนัสขาดผึ่ง
มันรีบหันไปยังต้นตอของวิหคเพลิงด้วยสีหน้าที่ไม่มีใครเชื่อว่า นี่คือคนเดียวกับชายผู้เคยต่อสู้กับกองทัพคาราสึอย่างสุขุมลุ่มลึก
เหนือสุดของหอคอยสูงที่เป็นโรงเตี๊ยมค้างคืน หยิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ในท่าง้างคันศรอย่างสง่างาม
ใบหน้าของเธอเผยออกมาเล็กน้อยท่ามกลางแสงสว่างอันริบหรี่
สำหรับแอ็กนัส หล่อนคือคนที่สมควรตายนับพันหมื่นหน
“ฆ่ามัน…! ฆ่านังนั่นเดี๋ยวนี้!!”
ไม่ว่าแอ็กนัสจะแหกปากตะโกนสักเท่าไร แต่ตอนนี้มันเหลือเพียงกองทัพอันเดดจำนวนหนึ่งหยิบมือ
อันเดดที่เคยมีกว่าสามพันตนลดจำนวนเหลือแค่ไม่กี่ร้อย และเกือบทั้งหมดก็ถูกตรึงไว้โดยกองทัพคาราสึ
ทางด้านลิชมูมัดก็เคลื่อนไหวได้ไม่สะดวกนัก เนื่องจากถูกหน่วยนักพรตของกษัตริย์ใช้ยันต์ผนึกการร่ายเวทมนตร์ไว้บางส่วน
หากอัญเชิญอัศวินความตายสามตนที่เพิ่งตายไปกลับมา ความสมบูรณ์จะไม่เท่ากับร่างปรกติ ส่งผลให้ไม่มีประโยชน์สักเท่าไร
แอ็กนัสจึงเหลือเพียงตัวเลือกเดียว
“ไสหัวไปซะ! ไอ้พวกขยะ!!”
มันแหกปากพลางสังเวยลิชมูมัดไปพร้อมกับกองทัพอันเดดหลายร้อย
จากนั้นก็อัญเชิญ ‘ลันเทียร์’ นักลอบสังหารในตำนานที่ต้องใช้ค่าปกครองสูงกว่ามูมัด
ซู่ว—!
เพียงพริบตาที่ปรากฏตัว ลันเทียร์ได้สลายไปกับเงาและโผล่อีกครั้งบนยอดหอคอยโรงเตี๊ยม
แต่ศรของจิสึกะเร็วกว่าครึ่งก้าว
ต้องไม่ลืมว่า หญิงสาวโก่งง้างคันศรเตรียมโจมตีมาตั้งแต่แรกแล้ว
ศรเก้าดอกรวดพุ่งใส่หว่างคิ้วของแอ็กนัสอย่างแม่นยำ แต่ละดอกทะลวงเจาะกะโหลกหนแล้วหนเล่าจนผิวหนังเริ่มละลาย พร้อมกับทำให้พลังของชีวิตแอ็กนัสกลายเป็นค่าต่ำสุด
แตกต่างจากตำนานคลาสอื่นเล็กน้อย ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลมี ‘ประกันชีวิต’ ในลักษณะที่ต่างออกไป
“นังแพศยา!!”
แอ็กนัสซึ่งถูกเปลี่ยนเผ่าเป็นอันเดด เริ่มแสดงอากัปกิริยาคลุ้มคลั่งเหมือนหมาบ้า
แกร่ก แกร่ก แกร่ก แกร่ก!
มันสร้างสะพานกระดูกโดยอาศัยเศษชิ้นส่วนจากศพคนตายจำนวนมาก และใช้สิ่งนั้นตรงดิ่งขึ้นไปหาหญิงสาว
เมื่อขยับเข้าไปใกล้จิสึกะที่กำลังดวลกับลันเทียร์อย่างตึงมือ แอ็กนัสทำการกระหน่ำเวทมนตร์เข้าใส่โดยไม่เสียเวลาตรึกตรอง
หากเป็นในยามปรกติ มันคงเลือกบัฟเสริมพลังให้ลันเทียร์และคอยสนับสนุนจากด้านหลัง นั่นจะทำให้จิสึกะพ่ายแพ้อย่างราบคาบ แต่ด้วยสภาวะอารมณ์อันไม่ปรกติ การวางแผนอย่างเยือกเย็นจึงไม่เกิดขึ้น
มันลืมกระทั่งการใช้ม่านบาเรีย—หนึ่งในเวทมนตร์ป้องกันการโจมตีแบบโพรเจกไทล์ที่โกงที่สุดในซาทิสฟาย เพื่อสลายศรจำนวนเก้าดอกของจิสึกะในตอนแรก
เหตุการณ์สูญเสียคนรัก ได้ทำลายความสุขุมและสตินึกคิดของชายคนหนึ่งจนแหลกละเอียด
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!
จิสึกะและลันเทียร์ต่างถูกถล่มด้วยเวทมนตร์ทรงพลังของแอ็กนัส
แน่นอน เหล่าอันเดดจะแพ้ทางการโจมตีประเภทระเบิดเป็นอย่างมาก ส่งผลกระดูกให้มือขวาลันเทียร์ที่กำลังถือมีดสั้น เกิดการแตกหักในทันที
จิสึกะไม่ปล่อยโอกาสหลุดมือ
ขณะแอ็กนัสกำลังถูกถ่วงเวลาด้วยกับดักที่เธอวางเตรียมไว้ล่วง หญิงสาวฉวยโอกาสพุ่งใส่จุดอ่อนของลันเทียร์พร้อมกับชักมีดปาดคออย่างเฉียบคม จากนั้นก็ดีดตัวออกและควักธนูยิงซ้ำ
พรืด! ฉึก!!
จิสึกะอยู่ภายใต้การคุ้มครองของฟินิกซ์แดง
การโจมตีที่แฝงพลังศักดิ์สิทธิ์เข้มข้นของเธอ จะสร้างความเสียหายหนักหน่วงแก่ลันเทียร์ที่กำลังสับสนเนื่องจากถูกรุมโจมตีจากสองฝ่าย
ฉัวะ!!
“นังสารเลว!”
เมื่อเห็นลันเทียร์ใกล้เสียท่า ความกังวลเริ่มทำให้แอ็กนัสร้อนใจ มันรีบตัดข้อเท้าตัวเองพร้อมกับใช้ดาบแทงใส่หญิงสาว
จิสึกะย่อมหลบไม่พ้น เนื่องจากสมาธิเกือบทั้งหมดกำลังหวาดระแวงกับลันเทียร์ตรงหน้า ส่งผลให้ถูกปลายดาบแหลมคมเสียบหัวไหล่จนเกิดบาดแผลเน่าเปื่อย
“ตาย!! แกต้องตายเพื่อชดใช้!!”
แอ็กนัสมิได้หัวเราะคิกคักเหมือนทุกที
ด้วยใบหน้าอันบิดเบี้ยวดุจดัจปีศาจ มันไล่กระหน่ำแทงหญิงสาวอย่างบ้าคลั่ง
อย่างไรก็ตาม จิสึกะยังคงสนใจเพียงการจำกัดลันเทียร์
โดยไม่หันไปเพ่งสมาธิกับด้านหลัง เธอยอมละทิ้งอัตราการหลบหลีกทั้งหมดเพื่อรัวยิงศรมิธริลที่กริดสร้าง ใส่ร่างโครงกระดูกของลันเทียร์ในระยะประชิด
ฉึก! ฉึกฉึก!!
โฮก…!
ลันเทียร์
แม้ปัจจุบันจะอยู่ในร่างอัศวินความตาย แต่ฝีมือก็ยังเป็นระดับตำนาน
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมแพ็กม่า อดีตผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล และแอ็กนัส ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลคนปัจจุบัน ถึงปรารถนาที่จะครอบครองศพของลันเทียร์
“…ฉันขอเดิมพันทุกสิ่งกับการโจมตีครั้งนี้”
ฉึก!
ดาบของแอ็กนัสเสียบเข้าที่หัวใจจิสึกะ
พรืด…!
หญิงสาวที่ฝืนยกมุมปากยิ้มอย่างเต็มกลืน ปล่อยสายธนูไปพร้อมกับลูกศรศักดิ์สิทธิ์
เปรี้ยง!!
กะโหลกศีรษะของลันเทียร์ถูกบดขยี้ราบคาบ
[ ท่านได้รับชัยชนะในการต่อสู้กับตำนาน! ]
“…!”
แอ็กนัสที่ออกแรงแทงดาบเสียบหัวใจหญิงสาวจนมิดด้าม พลันชะงักร่างกายกะทันหัน
สัญญาณชีพจากปลายดาบที่เกือบจะเลือนหายไปในวินาทีเมื่อครู่ กลับฟื้นคืนชีวิตชีวากลับมาอย่างน่าพิศวง
[ นักธนูในตำนานถือกำเนิดขึ้นแล้ว! ]
ข้อความโลกเพียงหนึ่งบรรทัด ได้นำพาความยินดีปรีดาสู่จิสึกะ และนำพาความเดือดดาลมายังแอ็กนัสอย่างท่วมท้น
***
ย้อนกลับไปราวสองนาทีก่อนที่นักธนูในตำนานจะถือกำเนิด
“กริดซามา! กริดซาม๊าาาา!!”
หลังเสร็จคาบเรียนของลอร์ด ดาเมี่ยนที่ยังอยู่ในกรุงไรนฮาร์ทได้แวะมาหากริดยังโรงตีเหล็ก
มันยังไม่ลืมคำสัญญาที่กริดให้ไว้ก่อนจะออกเดินทางไปยังทาลิม่า
“ไอเท็ม! นายสัญญาว่าจะสร้างไอเท็ม—”
แต่เมื่อได้เห็นอย่างแจ่มชัด
ใบหน้าอันยิ้มแย้มแจ่มใสของสันตะปาปาองค์ปัจจุบัน พลันแปรเปลี่ยนเป็นความตกตะลึงสุดขีด
ดาเมี่ยนเริ่มเกิดลางร้ายเมื่อเห็นดาบสีใสคล้ายแก้ว กำลังลอยวนเวียนรอบตัวกริด
กริดฉีกยิ้มกว้างอย่างมีความสุข
“มาได้จังหวะพอดี ฉันขอทดสอบพลังของดาบเล่มนี้หน่อย”
“…”
ตนทำกรรมอะไรไว้ในชาติที่แล้ว…?
ดาเมี่ยนเริ่มบัฟตัวเองด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า
บัฟศักดิ์สิทธิ์คุณภาพสูงทุกชนิดถูกสวมใส่จนเต็มพิกัด สันตะปาปาเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็น <ราชาอสูรซอมบี้> แห่งงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติ ตัวตนที่เคยทำให้ผู้ชมทั้งโลกตกตะลึงในความถึกทน
“กริด ฉันไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว หากนายต้องการเอาชนะ ต้องแสดงฝีมือที่แท้จริงเท่านั้น”
1 นาทีถัดมา
ดาเมี่ยนที่นอนแผ่บนพื้นหินอย่างหมดสภาพยิ่งกว่าหมาข้างถนน บังเอิญเหลือบเห็นข้อความโลกแจ้งเตือนการถือกำเนิดของนักธนูในตำนาน
______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 2 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,692
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
ชุบขึ้นมาอีก . . . แล้วก็ ตาย ไป ซะ ไอ้ลูกหมา
ReplyDelete