จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,266
“บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า...”
“…!?”
เพลล็อตและอันทริโน่ที่รีบวิ่งมาช่วยพยุงกริด พลันเผยสีหน้าตกตะลึงพร้อมกัน
ตั้งแต่หัวจรดเท้า
อุปกรณ์สวมใส่ของกริดเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ทั้งสองเพิ่งตระหนักได้ เนื่องจากสมาธิมัวแต่พะวงอยู่กับอาการบาดเจ็บของชายหนุ่ม
“นี่มัน…”
เหล่า ‘มาร’ ภายในหอหมื่นมาร
บรรดาผลงานอันล้มเหลว
เป็นความอับอายที่ราชวงศ์คนแคระไม่ต้องการให้คนภายนอกรับรู้
ใบหน้าของเพลล็อตพลันแดงก่ำตามสัญชาตญาณ แต่ทางด้านอันทริโน่กลับมีท่าทีตอบสนองแตกต่างออกไป เพียงจ้องเข้าไปในดวงตากริดที่ปรากฏบนช่องว่างหน้ากาก ก่อนจะซักถามในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด
“เก้าคูณเก้าได้เท่าไร?”
“อ…เอ๋? อะไรนะ?”
“นึกแล้วเชียว ถูกมารควบคุมอยู่สินะ”
ขณะที่กริดกำลังยืนมึนงงต่อหน้าขวานของอันทริโน่ สุ้มเสียงหนึ่งซึ่งไม่ใช่ของกริดพลันตะโกนโหวกเหวก
> พวกคนแคระดูถูกข้าเกินไปแล้ว! คิดว่าคนอย่างข้าโง่ถึงขนาดตอบคำถามสูตรคูณพื้นฐานเช่นนี้ไม่ได้รึไง!
“ถ…ถูกถามกะทันหัน ก็เลยคิดไม่ทัน…”
ถามอะไรแปลก ๆ ในตอนที่คนกำลังเหนื่อยแทบขาดใจ… ใครจะไปตอบถูก…
อันทริโน่จ้องกริดผู้พยายามอธิบาย
ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างจนปัญญา
แต่ในทางกลับกัน ความอัปยศของทาลิม่ากลับส่งเสียงหัวเราะถากถางอย่างชอบใจ
และเพื่อเป็นการดัดสันดาน
ก๊อง!
กริดขว้างความอัปยศของทาลิม่ากระแทกพื้นเต็มแรง เผยให้เห็นใบหน้าชุ่มเหงื่อของตน
จากนั้น มันก้มหน้าสะบัดผมใส่หมวกเหล็ก
ซ่า.
หยดเหงื่อเค็ม ๆ จำนวนมากกระเซ็นลงบนหมวกเหล็กจนเปียกเป็นคราบ
ความอัปยศของทาลิม่าถึงกับผงะไปพักหนึ่ง ตามด้วยการแหกปากอย่างเดือดดาล
> ไอ้มนุษย์โสโครก!!
จริงอยู่ มันอาจตกอยู่ภายใต้ความควบคุมของกริดเนื่องจากหมวกเหล็กกำลังถูกสวม แต่ <ความอัปยศของทาลิม่า> ก็เชื่อโดยไม่เคลือบแคลงเช่นกันว่า ตนคงได้เป็นอิสระในอีกไม่ช้า
คงไม่มีมนุษย์หน้าไหนสวมใส่หมวกเหล็กไปตลอดชีวิตโดยไม่คิดถอดออก…
แต่คาดไม่ถึงว่าโอกาสจะมาเร็วเช่นนี้
ความอัปยศของทาลิม่า ผู้ชื่อว่าตนได้รับอิสระกลับคืนมา พลันเปล่งเสียงดูแคลนกริดอย่างไม่แยแสอิทธิพลของอีกฝ่าย
> คึฮ่าฮ่าฮ่า! สมกับเป็นมนุษย์หน้าโง่ที่แม้แต่เก้าคูณเก้าก็ยังตอบไม่ถูก! ในเมื่อปล่อยข้าเป็นอิสระด้วยตัวเองเช่นนี้ ได้เวลาที่เจ้าต้องชดใช้ในสิ่งที่เคยล่วงเกินข้า! จากนั้นก็กราบไหว้ข้าในฐานะทวยเทพผู้สูงส่ง!
‘อีโก้เกรดมิธช่างแตกต่าง…’
อุปนิสัยหยิ่งผยองและปากดีจนยากจะหาผู้ใดเทียบเคียง หากเป็นมนุษย์ก็คงไม่ได้แก่ตาย สามารถพบได้บ่อยในบรรดา NPC พิเศษ
ความอัปยศของทาลิม่า ไอเท็มประเภทเติบโตที่มีระดับสูงสุดคือเกรดมิธ มันอาศัยสารอาหารภายในหอหมื่นมารตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา ค่อย ๆ พัฒนาตัวเองจนกลายเป็นระดับสูงสุด
กริดชื่นชอบผู้ปกครองหอหมื่นมารตนนี้ด้วยหลากหลายเหตุผล
ไม่เพียงเป็นไอเท็มอีโก้ที่มีระดับสูงกว่ายารุกต์ แต่ลำพังคุณสมบัติพื้นฐานของไอเท็มก็ยากจะหาหมวกเหล็กใดในโลกมาเทียบเคียง
ชายหนุ่มไม่เคลือบแคลงเลยสักนิดว่า ความอับอายของทาลิม่า คือไอเท็มที่สามารถสนองอุดมคติของอดีตราชินีได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ถ้าไม่ชั่วร้ายล่ะนะ…
> จงรับการลงทัณฑ์จากข้าซะ!!
“ยังไม่รู้สถานะของตัวเองสินะ”
ผู้เล่นทุกคนจะมีระบบ ‘ความเป็นเจ้าของ’ คอยอำนวยความสะดวก
นับตั้งแต่วินาทีที่ความอัปยศของทาลิม่าถูกกริดสวมใส่ มันก็กลายเป็นไอเท็ม ‘ของกริด’ อย่างถูกต้องตามระบบ
นอกจากการสมัครใจมอบให้ผู้อื่น การสมัครใจทิ้งไอเท็มด้วยตัวเอง และจากการสุ่มดรอปหลังจากเสียชีวิต ก็ไม่มีทางใดที่กริดจะสูญเสีย <ความอัปยศของทาลิม่า> ไปได้เลย
“กลับเข้าไป”
กริดใช้ชีวิตอยู่กับหัตถ์เทวะมานานกว่าสิบปี
จึงไม่ผิดนักถ้าจะกล่าวว่า ชายหนุ่มคือหนึ่งในผู้ที่รับมือกับไอเท็มอีโก้ได้ดีที่สุด
> …!?
ความอัปยศของทาลิม่า ผู้ดีดตัวลอยขึ้นไปในอากาศและเตรียมใช้เขาแพะขวิดกริด พลันถูกดูดหายเข้าไปในคลังสัมภาระอย่างรวดเร็ว
หลังจากกำราบหมวกเหล็กเสียงดังโดยแทบไม่ต้องออกแรง ชายหนุ่มเริ่มครุ่นคิดถึงอนาคต
‘คงต้องสั่งสอนมารยาทกันสักหน่อย…’
เมื่อเทียบดูแล้ว ความอัปยศของทาลิม่ามีนิสัยก้าวร้าวกว่ายารุกต์ในตอนแรกมาก
ทุบด้วยค้อน.
ถลุงในเตาหลอม.
แยกส่วน.
ประกอบกลับเข้าไปใหม่.
วิธีดัดนิสัยจิตใจอันก้าวร้าวและชั่วร้าย คงมีแต่ต้องสนทนากันทางกายภาพอย่างถึงลูกถึงคนเท่านั้น
‘แต่ก่อนอื่น เราต้องเปลี่ยนชื่อมัน’
ความอัปยศของทาลิม่า…
ยาวชะมัด แถมยังเรียกยาก
เพื่อความสะดวก หลังจากนี้ขอเรียกมันว่า ‘ขาดน้ำ’ ไปก่อนก็แล้วกัน
(*เป็นการย่อโดยเขียนเฉพาะตัวอักษรแรกสุดและท้ายสุด ในภาษาเกาหลีอ่านว่า 'ทาลชา' ความหมายดันไปตรงกับคำว่าขาดน้ำ)
ขณะกริดกำลังวางแผนในใจ กษัตริย์ชาร์ลส์เดินมาหยุดตรงหน้า
ความอัปยศของทาลิม่าถือเป็นสมบัติชิ้นสำคัญของราชวงศ์คนแคระ และชาร์ลส์ย่อมต้องการปกปิดมลทินของตระกูลให้เป็นความลับไปตลอดกาล หน้าที่หลักของมันจึงเป็นการป้องกันมิให้ <ความอัปยศของทาลิม่า> รั่วไหลออกมาสู่โลกภายนอก
แต่ในวินาทีนี้ กษัตริย์แห่งทาลิม่ากลับมิได้แยแสหมวกเหล็กชิ้นสำคัญเลยสักนิด
สิ่งเดียวที่มันสนใจก็คือ สภาพความเป็นอยู่ในปัจจุบันของมารดา
“พระมารดา… เป็นยังไงบ้าง”
“ไปสู่สุคติแล้ว”
“งั้นหรือ…”
ชาร์ลส์เกิดความตื้นตันเหนือคำบรรยาย ดวงตาเริ่มเผยความอ่อนโยนเมื่อจินตนาการภาพของมารดาตน ค่อย ๆ เป็นอิสระจากความทุกข์ทรมานที่คอยกัดกินดวงวิญญาณมานานหลายปี
“ใบหน้าของพระมารดา… เป็นอย่างไร”
“งดงามมาก เธอยังดูสาว…”
“…ข้าหมายถึง ….สีหน้า”
“ก…ก็ค่อนข้างดี มีความสุข”
“หล่อนทิ้งคำสั่งเสียเอาไว้บ้างไหม”
“ก็มี… เธอบอกว่า… เสียดายที่ไม่มีโอกาสได้สัมผัสใบหน้าของบราฮัมเลยสักครั้ง”
“…”
บรรยากาศรอบตัวชาร์ลส์พลันอึมครึม
มันมิได้คาดหวังว่ามารดาจะถามถึงสารทุกข์สุกดิบของตน เพียงแต่ไม่เข้าใจว่า เหตุใดถึงมีชื่อที่ไม่คุ้นหูโผล่ขึ้นมา
จนกระทั่งผ่านไปสักพัก เมื่อเริ่มนึกได้ขึ้นว่า ‘บราฮัม’ ที่ถูกกล่าวถึง คงหมายถึง ‘บราฮัมนั่น’ ชาร์ลส์เลื่อนสองมือขึ้นมาลูบคลำใบหน้าตัวเอง
“ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด…”
เหตุใดอุปนิสัยของเธอถึงยังเหมือนเดิม ทั้งที่ได้ประจักษ์ความชั่วร้ายของแพ็กม่าเต็มสองตา
จริงอยู่ เผ่าพันธุ์คนแคระอาจหลงใหลในความงดงามเป็นชีวิตจิตใจ แต่สำหรับมาริเบล พฤติกรรมของเธอนับว่าสุดโต่งเกินพอดีไปมาก
เมื่อครั้งยังเด็ก ชาร์ลส์เกลียดชังมารดาที่มีนิสัยเช่นนี้เข้ากระดูกดำ และเกลียดชังแพ็กม่าที่ทำให้เธอหน้ามืดตามัว ถึงขั้นเคยพยายามลอบวางยาพิษแพ็กม่าอยู่หลายหน
แต่ปัจจุบัน ความคิดนั้นไม่เหลืออยู่แล้ว
บางที มารดาของตนอาจเป็นคนแคระที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา
เป็นคนแคระที่คนแคระควรจะเป็น
‘แต่เรามิอาจฝืนใจเคารพเธอได้…’
ชาร์ลส์เผยรอยยิ้มเศร้าหมอง ก่อนจะเงยหน้าจ้องกริดพร้อมกับกล่าว
“ข้ามองเจ้าผิดไป”
ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนัก ที่ชาร์ลส์จะตั้งตัวเป็นศัตรูกับกริดตั้งแต่แรกเห็น
อีกฝ่ายคือผู้สืบทอดแพ็กม่า บุคคลผู้นอกจากจะสังหารมารดาตน ยังนำดวงวิญญาณของหล่อนไปกักขังนานหลายปี
เป็นธรรมดาที่จะเกลียดชังและหวาดระแวง
ชาร์ลส์เคยคิดว่ากริดคงมีเจตนาแอบแฝง เช่นการอ้างตัวว่าจะช่วยปลดปล่อยดวงวิญญาณของอดีตราชินีให้เป็นอิสระ แต่ความจริงหวังแอบเข้าไปขโมยของล้ำค่าด้านใน
นี่คืออคติที่ชาวคนแคระมีต่อแพ็กม่า
อย่างไรก็ตาม ชาร์ลส์กล้าอนุญาตให้กริดเข้าไปในหอหมื่นมาร เพราะมันเชื่อว่าอีกฝ่ายคงไม่มีปัญญากลับออกมาแบบมีชีวิต
แต่ผลลัพธ์กลับเหนือความคาดหมาย กริดรอดออกมาแบบยังมีชีวิต แถมยังปลดปล่อยดวงวิญญาณของอดีตราชินีให้เป็นอิสระ
นอกจากจะรักษาคำพูด ชายคนนี้ยังมีฝีมือ
“ราชาโอเวอร์เกียร์กริด”
มันไม่สนว่าผ้าคลุมของตนจะลากไปกับพื้นจนเปื้อนเปรอะสักเพียงใด
“ข้าขอโทษในสิ่งที่เคยเสียมารยาท”
“…”
“และขอบคุณมากที่ช่วยพระมารดา”
ขณะชาวทาลิม่ากำลังยืนจ้องเป็นตาเดียว
ฉึบ.
กษัตริย์ชาร์ลส์โค้งศีรษะคำนับกริด
“ได้โปรดอภัยในสิ่งที่ข้าเคยล่วงเกินด้วย”
กษัตริย์พูดแล้วไม่คืนคำ
ริมฝีปากกริดขยับเล็กน้อย คล้ายกับต้องการกล่าวบางสิ่ง แต่สุดท้าย ชายหนุ่มทำเพียงยืนมองเงียบงัน ก่อนจะถอนหายใจและพยักหน้ารับอย่างอ่อนโยน
“ผมยกโทษให้… และหลังจากนี้ พวกเรามาเป็นมิตรสหายที่ดีต่อกันเถอะ”
***
เรื่องที่ดวงวิญญาณของอดีตราชินียังคงถูกกักขังอยู่ที่ใดสักแห่ง ถือเป็นความคับแค้นในใจชาวทาลิม่ามานานกว่าร้อยปี
ดังนั้น เมื่อถึงวันที่ดวงวิญญาณของเธอได้รับอิสรภาพคืนมา เมืองทาลิม่าจึงถึงคราวเฉลิมฉลองครั้งใหญ่
หลังแต่นี้ไป ชื่อของกริดจะถูกพูดถึงภายในทาลิม่าไปอีกแสนนาน
“ตามที่ได้ให้สัญญาไว้ ข้าจะถ่ายทอดเทคนิคการสื่อสารกับไอเท็มให้เจ้า”
เพลล็อตหัวสิงโตเชื้อเชิญกริดไปยังร้านตีเหล็กของตน แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ อันทริโน่กับชาร์ลส์ได้ตามมาด้วย
[ภารกิจ <ทางเดินที่ต่างจากแพ็กม่า> สำเร็จ!]
[ท่านได้รับทักษะ <เทคนิคการสร้างไอเท็มอีโก้ขั้นสูง> เป็นรางวัลตอบแทน!]
[★ท่านได้รับเทคนิคการตีเหล็กที่แพ็กม่าก็ไม่เคยครอบครอง★]
[หลังจากเลือกทางเดินที่แตกต่างจากแพ็กม่า ทักษะ <บรรจุอีโก้> ของท่านได้รับผลกระทบจากเนื้อหาภารกิจ]
[ในอนาคต หากท่านผนึกการใช้งานทักษะ <บรรจุอีโก้> โดยสมบูรณ์ คำอธิบายของทักษะอาจมีการเปลี่ยนแปลง]
[ทักษะการตีเหล็กของท่านเหนือกว่า <ช่างตีเหล็กในตำนาน·แพ็กม่า> ไปมากแล้ว!]
หืม… สาเหตุที่เน้นย้ำว่า ‘ช่างตีเหล็กในตำนาน·แพ็กม่า’ เพราะฝีมือของเรายังด้อยกว่า ‘ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล·แพ็กม่า’ สินะ…
‘ต้องใช่แน่’
ก่อนจะกลายเป็นผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล แพ็กม่าแข็งแกร่งถึงขั้นที่สามารถรับมือกับ ‘เหนือมนุษย์’ เครย์เชอร์ได้หลายกระบวนท่า
เราไม่มีข้อมูลเลยว่า หลังจากทำพันธสัญญากับบาเอล แพ็กม่าพัฒนาฝีมือด้านใดบ้าง และแต่ละด้านเพิ่มขึ้นมากแค่ไหน
‘อาจแข็งแกร่งยิ่งกว่ามุลเลอร์…’
สูงกว่าบราฮัมและมาดราหนึ่งขั้น
บราฮัมยอมรับว่า ตนยังเป็นรองมุลเลอร์อยู่เล็กน้อย ส่วนมาดราเสียชีวิตก่อนที่พรสวรรค์จะเบ่งบานถึงขีดสุด
“อา…”
กริดสลัดจินตนาการฟุ้งซ่านพร้อมกับรีบตรวจสอบรายละเอียดของทักษะใหม่
<เทคนิคการสร้างไอเท็มอีโก้ขั้นสูง> Lv.1
ประเภท : ติดตัว
เมื่อสร้างไอเท็ม มีโอกาสปานกลางที่จะปลุกวิญญาณภายในไอเท็มให้ตื่นขึ้น
หือ… แตกต่างจากทักษะของแพนเมียร์…
แพนเมียร์สามารถบรรจุอีโก้ลงบนไอเท็มได้เป็นบางครั้ง เนื่องจากมันครอบครองทักษะ ‘เทคนิคการตีเหล็กคนแคระ’ หรือก็คือ ทักษะการตีเหล็กของตัวละครถูก ‘เปลี่ยน’ ให้เป็นเทคนิคการตีเหล็กของเผ่าคนแคระแทน ส่งผลให้ไอเท็มมีโอกาสเกิดอีโก้จากทักษะดังกล่าว
แต่ในทางกลับกัน กริดสามารถบรรจุอีโก้ลงในไอเท็มได้โดยไม่ต้องสูญเสียทักษะการตีเหล็กของตัวเองไป
จากมุมมองผู้เล่นทั่วไป คงเป็นการยากที่จะระบุได้ว่าแบบไหนดีกว่ากัน
แต่สำหรับกริด อย่างหลังดีกว่าหลายเท่าตัว
ทักษะการตีเหล็กพื้นฐานของมัน ก้าวข้ามคนแคระไปไกลมากแล้ว
ไม่ต้องหาหลักฐานใดให้วุ่นวาย เครื่องพิสูจน์ที่ชัดเจนที่สุดก็คือ การถูกยอมรับจากเทพตีเหล็กเฮ็กเซเทียโดยตรง
“เกี่ยวกับยุทธภัณฑ์ที่เจ้านำติดตัวออกมาจากหอหมื่นมาร…”
กริด ผู้กำลังคันไม้คันมือเนื่องจากต้องการทดสอบทักษะชนิดใหม่โดยเร็ว พลันชะงักหลังจากได้ยินคำเกริ่นของชาร์ลส์
“เจ้าควรนำพวกมันติดตัวกลับไปด้วย”
สาเหตุที่ราชวงศ์คนแคระทำการผนึกยุทธภัณฑ์มารไว้ในหอหมื่นมาร เพราะพวกมันไม่ต้องการให้ยุทธภัณฑ์มารออกไปสร้างความวุ่นวายแก่โลกภายนอก
แต่กริดแสดงให้ประจักษ์แล้วว่า เขาสามารถควบคุมมารทุกตนได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีปัญหาใดตามมาในภายหลังแน่นอน
“ถือเป็นของขวัญแทนคำขอโทษที่ข้าเคยล่วงเกินเจ้า อีกทั้งยังเป็นตัวแทนความสัมพันธ์อันดีระหว่างทาลิม่าและโอเวอร์เกียร์”
แม้จะไม่เคยพูดออกมา แต่กริดเชื่อว่า ตนสามารถนำยุทธภัณฑ์มารเหล่านี้ติดตัวกลับไปได้โดยไม่มีใครคัดค้าน
เพียงแต่ มันกังวลว่าตนอาจต้องจ่ายบางสิ่งเพื่อแลกเปลี่ยนอย่างเหมาะสม
ชายหนุ่มเผยสีหน้าลังเล
“จะดีแน่หรือ พวกมันค่อนข้างพิเศษ…”
“แน่นอน ถ้าเป็นเจ้า ข้ายินดีเป็นอย่างยิ่ง”
กริดมีอำนาจปกครองยุทธภัณฑ์มารได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่เว้นแม้แต่ตัวอันตรายอย่าง <ความอัปยศของทาลิม่า>
และเหนือสิ่งอื่นใด หากกริดสามารถแก้ไขให้หมวกชั่วร้ายใบนี้กลายเป็นอีโก้ด้านสว่าง บางที ชื่อของมันอาจถูกเปลี่ยนเป็น <ความภูมิใจของทาลิม่า> ในอนาคต
ต้องขอบคุณคำพูดดังกล่าวของชาร์ลส์ ความกังวลและรู้สึกผิดในใจกริดได้สลายเป็นปลิดทิ้ง
ข้อความโลกแสดงขึ้นตรงมุมหน้าจอของผู้เล่นทุกคนที่กำลังออนไลน์
[โอเวอร์เกียร์และทาลิม่าจับมือเป็นพันธมิตร]
“ในอนาคตคงมีช่างตีเหล็กของเราเดินทางมาเรียนเทคนิคจากชาวทาลิม่าไม่น้อย ถึงวันนั้นคงต้องขอรบกวนด้วย”
“ไม่ต้องห่วง ทางเราก็จะได้เรียนรู้วิทยาการแปลกใหม่เช่นกัน”
เดิมที การจับมือเป็นพันธมิตรกับชาวคนแคระไม่ควรจะยุ่งยากและซับซ้อนถึงเพียงนี้
มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นมากมาย แต่กริดก็ภูมิใจที่ตนฝ่าฟันมาได้อย่างราบรื่น
หลังจากรอยยิ้มอันชื่นมื่นจบลง ชายหนุ่มกล่าวคำอำลากับชาร์ลส์และอันทริโน่ ก่อนจะขอยืมใช้ร้านตีเหล็กของเพลล็อตเพื่อทดสอบเทคนิคการปลุกอีโก้
อันดับแรก หัตถ์เทวะชุดใหม่
‘…มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้’
ฝ่ามือลอยได้ จะมิได้มีเพียง 4 ข้างอีกต่อไป
Comments
Post a Comment