จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,264
หลายคนอาจได้ทราบไปแล้วว่า เอกลักษณ์สำคัญของเผ่าคนแคระมิใช่พละกำลังหรือค่าความชำนาญมืออันสูงลิบ
แต่เป็นการเอาชนะความตายด้วยจิตใจจดจ่อเกิดขีดกำจัดของธรรมชาติ
อีกทั้ง ความทุ่มเทและหลงใหลยังเป็นปัจจัยที่สอดคล้องกับคุณภาพของผลงาน
ความปรารถนาที่จะทำให้ผลงานชิ้นเอกของตนยอดเยี่ยมที่สุดและคงอยู่ไปตลอดกาล ได้กระตุ้นให้อีโก้ภายในไอเท็มลืมตาตื่นขึ้น
เป็นเหตุผลว่าทำไม ยุทธภัณฑ์แฝงอีโก้ถึงมีส่วนเกี่ยวข้องกับอารมณ์ความรู้สึกเป็นหลัก
คุณภาพของอีโก้จะแปรผันตามความจริงใจและความซื่อตรงของผู้สร้าง จนถึงขั้นที่ผลงานชิ้นบางชิ้นสามารถนำพาผู้ใช้งานเดินไปบนเส้นทางอันยิ่งใหญ่บนโลกมนุษย์
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ยุทธภัณฑ์อีโก้และผู้ครอบครองเคยสร้างชื่อเสียงจนโลกกึ่งกลางทั้งใบต้องยอมศิโรราบ
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา โลกได้ตระหนักถึงการมีอยู่ของอีกหนึ่งสิ่งที่คล้ายคลึงกัน
ยุทธภัณฑ์ชั่วร้ายบางชิ้น เช่น <ดาบมาร> ถือเป็นสิ่งที่ถือกำเนิดมาพร้อมกับอีโก้ชั่วร้าย
โฮกกกกกก!
“…!”
กริดผงะเล็กน้อย
ขณะยืนอยู่หน้าทางเข้าหอหมื่นมาร มันได้ยินเสียงโหยหวนดังจากทางเดินอันมืดมิดด้านใน เป็นสุ้มเสียงแฝงความชั่วร้ายอย่างเต็มเปี่ยม มากพอจะทำให้เส้นทั่วร่างลุกตั้งชัน ทำเอาเสียงคำรามของจอมอสูรฟังดูไพเราะไปในทันที
‘เป็นเสียง… ลม?’
ฟ้าว. ฟ้าว.
กริดยืนฟังเสียงสะท้อนที่เหลือจนมั่นใจว่าเมื่อครู่เป็นเพียงเสียงลม
“อีโก้ก็เหมือนกับมนุษย์ แต่ละดวงย่อมมีนิสัยแตกต่างกันออกไป”
หลังจากเพ่งมองกริดอย่างสนอกสนใจสักพัก อันทริโน่เริ่มเปิดปากอธิบาย
มือของมันกำลังลูบคลำเคราซึ่งถูกถักทออย่างประณีตและซับซ้อน ลักษณะของเคราไม่ต่างจากแคระช่างฝีมือรายอื่นสักเท่าไร
บางที ในมุมมองของเผ่าคนแคระ เครายาวทรงข้าวโพดคงเป็นสัญลักษณ์ของชายรูปงาม
“ผู้สร้างมีความรู้สึกนึกคิดเช่นไรขณะหลอมเนื้อโลหะ ต้องการให้เกิดผลงานประเภทใด ทั้งหมดจะถูกถ่ายทอดออกมาเป็นอีโก้ในลักษณะดังกล่าว หากผลลัพธ์เกิดเป็นอีโก้ที่ดี ผลงานชิ้นเอกก็จะถือกำเนิดขึ้นพร้อมกัน แต่ถ้าเป็นอีโก้ชั่วร้ายและแฝงความพยาบาท พวกเราจะเรียกมันว่ายุทธภัณฑ์มาร และนำไปผนึกไว้ในหอหมื่นมารหลังจากนั้น”
“…”
กริดหวนนึกถึง <หนามแห่งความเคียดแค้น>
เดิมที มันควรจะเป็น ‘แฟลมเบิร์จ’ ธรรมดา
แต่ก้อนแร่ที่ถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวในมุมหนึ่งของร้านตีเหล็ก เริ่มทวีความเกลียดชังต่อกริดมากขึ้นทีละนิดเมื่อเวลาผ่านไป จนกระทั่งอีโก้ถือกำเนิดขึ้นโดยมีเลือดของไอเบลลินเป็นสื่อกลาง
น่าเสียดาย ผลงานการสร้างอีโก้โดยไม่ตั้งใจของกริด กลับออกมาเป็นไอเท็มแฝงความเคียดแค้นและชิงชัง
ความแค้นที่มีต่อกริดรุนแรงจนส่งผลออกมาในเชิงรูปธรรมจับต้องได้
< หนามแห่งความเคียดแค้น >
เกรด: เลเจนดารี
…
* ได้รับทักษะ 'สายเลือดต้องสาป'
...
แฟลมเบิร์จที่สร้างขึ้นโดยช่างฝีมือทักษะเยี่ยม เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ แต่ยังต้องสั่งสมประสบการณ์และชื่อเสียงอีกสักหน่อย
ระหว่างขั้นตอนการผลิต โลหะถูกผู้สร้างทอดทิ้งเนื่องจากปนเปื้อนสิ่งแปลกปลอม ส่งผลให้มันเกิดความรู้สึกเคียดแค้นอย่างมากต่อผู้สร้าง แต่จะรู้สึกผูกพันกับเจ้าของเลือดที่เป็นส่วนผสม
...
เงื่อนไขการสวมใส่ :
…
- เจ้าของเลือดที่เป็นส่วนผสม
* หากมีใครพยายามสวมใส่มัน คนผู้นั้นจะถูกสาปแช่งในอัตราความสำเร็จ 100%
‘ปีศาจตนอื่นในหอหมื่นมารก็คงมีเรื่องราวแตกต่างกันออกไป…’
กึก. กึก.
นักรบคนแคระเริ่มเดินเข้ามาล้อมกริด
สีหน้าพวกมันเปี่ยมไปด้วยความลังเล เนื่องจากหอหมื่นมารซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์ ถูกเปิดออกอย่างง่ายดายโดยบุคคลภายนอก สิ่งนี้ถือเป็นการทำให้เกียรติยศของราชวงศ์ต้องมัวหมอง
แต่ผิดไปจากความคาดหมาย กษัตริย์ชาร์ลส์ตะโกนห้ามปรามเหล่านักรบเสียงดังฟังชัด
“พวกเจ้าถอยไป!”
ดวงตาของชาร์ลส์กำลังแดงก่ำดุจดังเปลวเพลิงโชติช่วง ประหนึ่งกำลังแผดเผาหนวดเคราสีขาวหิมะทีละนิด
“ข้าตรัสแล้วไม่คืนคำ! ชายคนนี้สามารถเปิดประตูหอหมื่นมารได้ด้วยตัวเอง!”
ชาร์ลส์มิได้ทำไปเพราะเริ่มชื่นชอบกริด
แต่มันพยายามพลิกสถานการณ์
“อย่างไรก็ตาม ผู้สืบทอดแพ็กม่าเอ๋ย”
“ว่าไง?”
“ข้าอนุญาตให้เข้าไปในหอหมื่นมารเพราะเจ้าสัญญาว่าจะปลดปล่อยดวงวิญญาณของอดีตราชินีให้เป็นอิสระ หากเล่นตุกติกและไม่รักษาคำพูด เจ้าจะถูกลงโทษตามกฎหมายอันศักดิ์สิทธิ์ของทาลิม่าทันที! ข้าไม่สนใจว่า ผลลัพธ์ของพิธีกรรมปลดปล่อยดวงวิญญาณจะออกมาเป็นเช่นไร สำเร็จหรือล้มเหลว แต่วันนี้ข้าต้องได้ดวงวิญญาณของพระมารดาคืน!”
หรือก็คือ ในเมื่อข้ารักษาสัญญาแล้ว เจ้าก็ต้องทำด้วยเช่นกัน
กริดตีความจากคำพูดดังกล่าว
หากตนปลดปล่อยดวงวิญญาณของอดีตราชินีไม่สำเร็จ นอกจากชีวิตจะเป็นอันตราย ความสัมพันธ์กับเหล่าคนแคระอื่น ๆ ในทาลิม่าก็คงจบลงด้วยเช่นกัน
‘ฉลาดไม่เลว…’
เฉกเช่นคนแคระทั่วไป แม้จะมีจิตใจคับแคบและไม่แยแสผู้อื่นสักเท่าไร แต่เมื่อถึงคราวจำเป็น สติปัญญาของชาร์ลส์ได้ถูกใช้ออกมาอย่างแยบยล
หากต้องเป็นศัตรูกับคนเช่นนี้ ชีวิตตนคงต้องเผชิญความยากลำบากไม่น้อย
‘แต่ถ้าอยู่ฝ่ายเดียวกัน… เขาจะเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง’
กริดเผยรอยยิ้ม
ย้อนกลับไปในตอนแรก สถานการณ์ของกริดคล้ายกับแก้วน้ำที่ถูกใครบางคนทำหก
ในวินาทีที่ทราบว่าอีโก้ภายในพาเฟรเนี่ยมคืออีโก้ของคนแคระ สถานการณ์ก็เริ่มยุ่งเหยิงทันที
แต่สำหรับตอนนี้ มันได้โอกาสรินน้ำกลับเข้าไปในแก้วจนเต็มอีกครั้ง
ดังนั้น หากไม่มีความจำเป็น ตนไม่ควรนำพาเหตุการณ์ไปในเชิงลบ
“ตกลง แต่คุณต้องสัญญากับผมหนึ่งเรื่อง”
“เรื่อง?”
“หากดวงวิญญาณของอดีตราชินีถูกปลดปล่อยเป็นอิสระ คุณต้องขอโทษทุกเรื่องที่เคยเสียมารยาทกับผม”
“…ไม่มีปัญหา”
กษัตริย์ชาร์ลส์ตอบโดยไม่ลังเล
มันเองก็ทราบถึงตัวตนของกริด
ช่างตีเหล็กที่แม้แต่เทพตีเหล็ก เฮ็กเซเทีย ก็ยังให้การยอมรับในฝีมือ
แม้จะถูกกีดกันโดยอิทธิพลของมังกรเพลิงทราวก้า แต่กษัตริย์ชาร์ลส์ก็ยังได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับกริดมากมาย
หากชายหนุ่มพิสูจน์ตัวเองได้โดยการปลดปล่อยดวงวิญญาณราชินีให้เป็นอิสระ ชาร์ลส์ย่อมต้องปฏิบัติต่อกริดในฐานะแขกคนสำคัญของทาลิม่า รวมไปถึงการมอบความเคารพในฐานะช่างตีเหล็กในตำนาน
‘แต่เจ้าจะฝ่าด่านบรรดานักล่าภายในหอหมื่นมารได้จริงหรือ…’
สุดปลายทางเดินของหอหมื่นมารมีสัตว์ประหลาดแสนน่าสะพรึงกลัวรออยู่
ไม่เพียงเท่านั้น ระหว่างทางยังเต็มไปด้วยอีโก้ของเหล่านักล่า ที่หวังกลืนกินอีโก้อื่น ๆ เพื่อพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่ง
อีโก้เหล่านี้ฉลาดพอที่จะไม่แตะต้องดวงวิญญาณของราชินี เพราะพวกมันทราบดีว่า ราชวงศ์คนแคระสามารถสกัดดวงวิญญาณของมาริเบลออกจากอีโก้อื่น ๆ ได้ไม่ยากเย็น
‘น่าเสียดาย… เจ้าต้องแบกรับบาปทั้งหมดแทนแพ็กม่า การเสียสละของเจ้าจะช่วยให้พวกเราทุกคนบรรเทาความเคียดแค้นลง’
ฉึบ.
เมื่อเห็นกษัตริย์ชาร์ลส์ชำเลืองให้สัญญาณ เพลล็อตหัวสิงโตเริ่มอธิบายกับกริด
“การเดินเข้าไปในหอหมื่นมารจะต้องผ่านห้องทั้งสิบ ทุกห้องล้วนมียุทธภัณฑ์มารหลายพันชิ้นถูกผนึกอยู่ พวกมันจะพยายามโน้มน้าวเจ้าต่าง ๆ นานาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ อย่าได้หันไปสนใจโดยเด็ดขาด เพียงมองตรงและก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่ ส่วนลึกสุดของหอหมื่นมารคือสถานที่ปลดปล่อยดวงวิญญาณของอดีตราชินี”
ฟังดูเหมือนง่าย
แต่ปัญหาคือ มนุษย์ส่วนใหญ่มักทำไม่สำเร็จ
คนแคระอาจมีธรรมชาติเย่อหยิ่งและไม่แยแสผู้อื่นสักเท่าไร แต่ไม่ใช่กับมนุษย์หัวอ่อน จนมีคำกล่าวที่ว่า แม้แต่มนุษย์ผู้ใจแข็งที่สุด ก็ยากจะต้านทานการเย้ายวนของวิญญาณมารนับหมื่นดวงด้านใน
‘…ขอให้เจอตัวที่ชั่วร้ายน้อยหน่อยก็แล้วกัน’
เพลล็อต ผู้มีค่าความสัมพันธ์กับกริดในปริมาณมาก ย่อมเชื่อใจว่าชายหนุ่มจะปลดปล่อยดวงวิญญาณของอดีตราชินีให้เป็นอิสระโดยไม่เล่นตุกติก แต่ถึงอย่างนั้น มันก็มิได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะทำสำเร็จ
เมื่อได้เห็นสีหน้าห่อเหี่ยวของเพลล็อต กริดเดาได้ทันว่า ด้านในหอหมื่นมารเป็นสถานที่อันน่าสิ้นหวังมากเพียงใด
ชายหนุ่มสูดลมหายใจยาวเข้าปอด ตามด้วยการย่างกรายเข้าไปด้านในอย่างองอาจ ต่อหน้าสายตาจำนวนมากของคนแคระทั่วทั้งเมืองที่กำลังจ้องมอง
***
[ท่านคือผู้เล่นคนแรกที่มาเยือน ‘หอหมื่นมาร’]
[รางวัลตอบแทนของผู้สำรวจคนแรก : ได้รับค่าต้านทานธาตุไฟ 50% ขณะอยู่ภายในหอหมื่นมาร]
[รางวัลตอบแทนของผู้สำรวจคนแรก : ได้รับค่าต้านทานพลังจิต 50% ขณะอยู่ภายในหอหมื่นมาร]
[รางวัลตอบแทนของผู้สำรวจคนแรก : ได้รับไอเท็ม <บัตรลบน้ำหนักไอเท็ม (1 ชั่วโมง) >]
รางวัลค่อนข้างพิสดารทีเดียว
และนับว่าห่วยเมื่อเทียบกับการสำรวจที่อื่น
อย่างไรก็ตาม กริดมิได้หัวเสีย
‘ต้องมีเหตุผลแน่’
จากนั้น
[ความร้อนของลาวาเดือดใต้ดินเริ่มแผดเผาผิวหนังของท่าน]
หลังจากเดินเข้าไปประมาณครึ่งชั่วโมง
กริดสัมผัสถึงความร้อนกะทันหันทั้งที่ไม่มีสายลมพัดผ่าน
แต่สำหรับช่างตีเหล็กในตำนาน ความร้อนปริมาณเท่านี้ไม่ต่างอะไรกับซาวน่ามือใหม่
ทันใดนั้น
> เฮ้! เจ้าตรงนั้น! สนใจลายแทงขุมสมบัติของโจรสลัดบนเกาะแรมส์ไหม?
“ฉันรวยอยู่แล้ว”
> ถ่ายพลังเวทมาทางนี้! ข้าจะสอนสุดยอดเวทมนตร์ที่ดีที่สุดให้เจ้า!
“คิดว่าเวทมนตร์ของแกเจ๋งกว่าบราฮัมรึไง”
> เพียงสวมข้าไว้รอบคอ เพศตรงข้ามก็จะหลงรักเจ้าหัวปักหัวปำ!
“ฉันแต่งงานแล้ว”
กริดมิได้แยแสสิ่งยั่วยุจากอีโก้นับพันจากภายในแต่ละห้อง สำหรับชายหนุ่ม ระดับการชักจูงเพียงเท่านี้นับว่ายังค่อนข้างต่ำ
ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น กริดแทบไม่มีสิ่งใดบกพร่องหรือต้องการเป็นพิเศษ หรือถ้ามี ก็ไม่ใช่สิ่งที่อีโก้ภายในยุทธภัณฑ์มารจะมอบให้ได้
‘บัฟเพิ่มค่าต้านทานการโจมตีทางจิตไม่จำเป็นเลยสักนิด’
ว่ากันตามตรง ก่อนจะเข้ามา มันค่อนข้างประหม่าและกังวล แต่พอเอาเข้าจริง ภัยคุกคามจากหอหมื่นมารกลับน้อยจนผิดคาด
ชายหนุ่มย่างกรายอย่างสุขุมตลอดทาง จนกระทั่งผ่านหน้าห้องที่สิบ
และที่นี่ ปัญหาได้เริ่มต้นขึ้น
จากบรรดาหลายพันสุ้มเสียง มีหนึ่งเสียงทำให้กริดชะงักร่างกายโดยสมบูรณ์
> @$) )*&#!~@!
เป็นภาษาที่มิอาจถอดความ
แต่ฟังแล้วเกิดความคุ้นเคยขึ้นมาจับใจ
‘แปลว่าอะไร…’
กริดเพ่งสมาธิ
มันมองข้ามเสียงโน้มน้าวไม่สำคัญทั้งหมด และพยายามเน้นเสียงประหลาดที่ฟังไม่ออกให้ดังชัดเจนภายในหัว
จนกระทั่งเริ่มจำได้ว่า ตนเคยได้ยินภาษาพิสดารดังกล่าวมาจากที่ใด
ชายหนุ่มลืมตาขึ้น
มันไม่มีวันลืม
ไดอารีของใครบางคนที่กลายเป็นบ้าเพราะถูกกักขังตามลำพังนานนับร้อยปี
ไดอารีของราชาไร้พ่าย
ถูกต้อง
ภาษาที่ฟังดูไม่ได้ศัพท์ภายในห้องสุดท้ายของหอหมื่นมาร คล้ายคลึงกับสิ่งที่มาดราพ่นออกมาหลังจากเริ่มสูญเสียความสามารถในการพูดภาษามนุษย์
‘หรือเราจะเข้าใจผิดมาตลอด…?’
ครั้งหนึ่ง กริดเคยคิดว่าเสียงที่ไม่ได้ศัพท์นั่น คือคำพูดมั่ว ๆ อันเกิดจากความคับแค้นและสับสนของมาดราในร่างอัศวินความตาย
แต่เมื่อมีใครบางคนกล่าวในสิ่งที่คล้ายคลึงกัน นั่นย่อมหมายความว่า ชุดประโยคดังกล่าวคือภาษาซึ่งมีกฎและหลักเกณฑ์ของมันอยู่
เป็นภาษาอื่น ที่ไม่ใช่ภาษามนุษย์
กึก.
บานประตูเหล็ก สนิมเกาะหนา
กริดพยายามเปิดมันออกด้วยความตื่นเต้น
เรื่องนี้เข้าใจได้ เพราะไดอารีของมาดราที่มันเคยคิดว่าคงไม่มีวันถอดความหมายได้ กลับมีเบาะแสปรากฏขึ้นตรงหน้าอย่างไม่คาดฝัน
อย่างไรก็ตาม บานประตูถูกลงกลอนแน่นหนาจนชายหนุ่มมิอาจใช้พละกำลังฝืนเปิดออก
เสียงถากถางดังแว่วตามมา
> ไม่ใช่คนเดียวกับที่เปิดประตูด้านหน้าสุดเข้ามาหรอกหรือ?
> เห็นไหม ข้าบอกแล้ว คนแคระมีหลายประเภท
> คนที่เข้ามาคราวนี้กลับเป็นพวกไม่ได้เรื่อง
การเหยียดหยันยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
ฉึบ.
ชายหนุ่มควักกุญแจ
มาสเตอร์คีย์
กริ๊ก.
รูกุญแจที่เก่าและขึ้นสนิม
แม้จะมีสภาพทรุดโทรม แต่กลับส่งเสียงกลไกออกมาอย่างร่าเริงและไพเราะ
> เฮ้! ทางนี้!
> เคี๊ยก~ มนุษย์! รีบปล่อยข้าเป็นอิสระเร็วเข้า! ข้าจะมอบพลังที่สามารถหนีออกจากที่นี่ให้!
เหล่าอีโก้นับพันซึ่งถูกกักขังภายในห้องหมายเลขสิบ พวกมันต่างส่งเสียงตื่นเต้นยินดีอย่างพร้อมเพรียง
ทุกตนล้วนดีใจกับการมาเยือนของบุคคลปริศนา โดยต่างกำลังวาดฝันว่าตนจะได้สิงร่างของเหยื่อและหลบหนีออกจากหอหมื่นมารได้อย่างราบรื่น
“…”
กริดยังคงเพ่งสมาธิอยู่กับการฟัง
เพียงไม่นานหลังจากเข้ามาในห้อง มันเริ่มพบต้นตอของเสียงที่ฟังไม่ได้ศัพท์
ลูกแก้วเวทมนตร์ สีขาวบริสุทธิ์
> (%!#$@~!
“…”
ยิ่งเข้าไปฟังในระยะใกล้ เสียงก็ยิ่งชัดเจน
เสียงของลูกแก้ว คล้ายคลึงกับเสียงโหยหวนของราชาในพ่ายที่ปรากฏในไดอารีอย่างมาก
คงเป็นภาษาบางชนิด…
กริดเหยียดแขนออกไปคว้าลูกแก้วโดยปราศจากความลังเล
[ท่านเลือก <ลูกแก้วกระดูกกัลกุนอส>]
> @$#@$!!
[<ลูกแก้วกระดูกกัลกุนอส> ส่งเสียงหัวเราะพร้อมกับเหยียดหยันว่า มีเพียงกัลกุนอสเท่านั้นที่มีสิทธิ์ควบคุมตน]
[<ลูกแก้วกระดูกกัลกุนอส> พยายามสาปท่าน]
[ท่านต้านทาน]
[ท่านสามารถสวมใส่ <ลูกแก้วกระดูกกัลกุนอส> ได้ด้วยเอฟเฟคพิเศษของคลาส <ผู้สืบทอดแพ็กม่า>]
[ท่านกลายเป็นเจ้าของ <ลูกแก้วกระดูกกัลกุนอส>]
> @#$$?!
[<ตราประทับของคนแคระ> ซึ่งถูกสลักลงบน <ลูกแก้วกระดูกกัลกุนอส> ส่งผลให้น้ำหนักของไอเท็มกลายเป็นค่าสูงสุด พร้อมกับลดความเร็วทุกชนิดลงหลายระดับ]
[ท่านไม่สามารถพกพาสิ่งนี้ได้อีกต่อไป]
“มีไว้เพื่อแบบนี้เองหรือ”
จากทั้งสิบห้องที่เดินผ่านมา กริดมิได้สะดุดตากับสมบัติชิ้นใดเป็นพิเศษนอกจากลูกแก้วใบนี้
ชายหนุ่มจึงใช้งาน <บัตรลบน้ำหนักไอเท็ม> กับลูกแก้วกระดูกกัลกุนอสทันทีโดยปราศจากความลังเล
‘ต้องเอากลับไปให้สติกส์ตรวจสอบ’
สติกส์คือจอมปราชญ์ คงมีทางถอดรหัสและวิเคราะห์ความหมายของภาษาพิสดารจากเจ้านี่
กริดเดินตัวเบาจนผิดธรรมชาติออกจากห้องที่ 10 โดยหลังจากผ่านทางเดินซึ่งค่อนข้างยาวมาสักระยะ ในที่สุดก็ถึงจุดลึกสุดของหอหมื่นมาร
ตรงหน้าคือผาซึ่งมีน้ำตกลาวาร้อนไหลผ่าน
ใต้หน้าผามีหมวกเหล็กหนึ่งใบ ถูกโซ่จำนวนมากตรึงไว้อย่างแน่นหนาทุกทิศทาง
เป็นหมวกเหล็กใบใหญ่ ปกคลุมทั้งศีรษะรวมไปถึงใบหน้า เชื่อมติดกับหน้ากากที่บริเวณมุมปากโค้งขึ้นคล้ายกับกำลังยิ้ม
แม้จะถูกแช่อยู่ในลาวาโดยสมบูรณ์ แต่หมวกกลับไม่ละลายหรือเผยร่องรอยผุกร่อน
> ฮะฮะ! คึฮ่าฮ่าฮ่า! มนุษย์มาหาข้าพร้อมกับดวงวิญญาณอดีตราชินีเนี่ยนะ? พวกเจ้ากำลังเล่นตลกอะไรกัน!!
ขอบคุณครับ สำหรับงานแปลนะครับ
ReplyDeleteสนุกมากกก