จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,637
<ศีรษะมังกรพรางตาครานเบล>
เกรด: เทวตำนาน
ไอเท็มเซต
ความคงทน: 24,600/24,600
พลังป้องกัน: 3,510
*ความอดทนและความน่าหลงใหล เพิ่มขึ้นอย่างละ 300 หน่วย
*โอกาสป้องกันการโจมตีจุดอ่อนเพิ่มขึ้น 50%
*ค่าต้านทานการโจมตีคริติคอลเพิ่มขึ้น 30%
★ ต้านทานอาการผิดปรกติ ‘ตาบอด’ ‘ใบ้’ และ ‘บั่นเศียร’
★ ขณะต่อสู้กับจอมอสูร อัครเทวทูต เทพ และมังกร ค่าความคงทนส่วนหนึ่งจะถูกแทนที่ด้วยพลังป้องกันและโอกาสต้านทานคริติคอล
★ เพิ่มพลังและโอกาสใช้งานของทักษะที่ต้องปลดปล่อยผ่านดวงตา จมูก และปาก อีกทั้งยังลดเวลาร่าย
★ เมื่อถูกโจมตีศีรษะ มีโอกาส 20% ที่จะเปิดใช้งาน <พรางตัว>
★ เมื่อถูกโจมตี มีโอกาส 10% ที่จะเปิดใช้งาน <การป้องกันสัมบูรณ์>
★ เมื่อถูกโจมตีหรือเป็นฝ่ายโจมตี มีโอกาส 25% ที่จะเปิดใช้งาน <พรมังกร>
★ ได้รับทักษะ <ลมหายใจ (ลดระดับเล็กน้อย) >
★ คุณสมบัติชุดเกราะมังกร
ได้รับโบนัสพลังป้องกันตามจำนวนชุดเกราะที่ผลิตจากเกล็ดมังกร และเพิ่มโอกาสแสดงผลการป้องกันสมบูรณ์อย่างมาก
เงื่อนไขการสวมใส่: กริด, นักล่ามังกร, ดรากอนไนท์
น้ำหนัก: 520
<พรมังกร>
ทักษะติดตัว
เขาของเผ่าพันธุ์สัมบูรณ์แฝงไว้ด้วยความหมายที่ยิ่งใหญ่
เมื่อทักษะแสดงผล จะสุ่มใช้คุณสมบัติ <สัญลักษณ์แห่งพลัง> <สัญลักษณ์แห่งอำนาจ> <สัญลักษณ์แห่งชีวิต> และ <สัญลักษณ์แห่งนิรันดร์> อย่างใดอย่างหนึ่ง คุณสมบัติ ‘สัญลักษณ์’ สามารถแสดงผลพร้อมกันได้
ระยะหน่วง: สัญลักษณ์ละ 5 นาที
<สัญลักษณ์แห่งพลัง>
เขาทั้งสองข้างจะถูกย้อมกลายเป็นสีแดง การโจมตีของท่านจะสร้างผล ‘บดขยี้’
<สัญลักษณ์แห่งอำนาจ>
ไม่สามารถเปิดใช้งานได้ เนื่องจากขาดคุณสมบัติ
ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูล
<สัญลักษณ์แห่งชีวิต>
ไม่สามารถเข้าถึงได้ เนื่องจากขาดคุณสมบัติ
ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูล
<สัญลักษณ์แห่งนิรันดร์>
ไม่สามารถเข้าถึงได้ เนื่องจากขาดคุณสมบัติ
ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูล
สุดยอดผลงานที่กริดไม่ได้คาดหวังให้ยอดเยี่ยมถึงขนาดนี้
ชายหนุ่มดีใจจนอยากกระโดดโลดเต้น อยากแหกปากตะโกน แต่ก็ทำไม่ได้
มันตระหนักถึงสายตาของเหล่าเทพ ที่กำลังจ้องมองจากด้านข้างพลางกระซิบกระซาบ
ต่อหน้าทวยเทพผู้ยิ่งใหญ่ เทวราชาอย่างตนจะทำตัวเสื่อมเสียเกียรติได้อย่างไร
‘ไม่สิ…’
พวกเขาเป็นพวกพ้องที่จะอยู่กับเราตลอดไป
มันดีแล้วหรือที่จะปกปิดความรู้สึกแท้จริง?
บางที การแสดงตัวตนที่แท้จริง อาจสื่อถึงความเป็นครอบครัวได้ดีกว่า…
“…วู้วววว!! เยส! เยส! เยส!!”
หลังจากไตร่ตรองสักพัก กริดตัดสินใจแสดงออกอย่างซื่อตรง
ชายหนุ่มกำหมัดแน่น แหกปากตะโกน กระทั่งตีลังกากลับหลัง
เดบีเรียนยืนอึ้ง ส่วนลาร์สส่งเสียงเชียร์พร้อมกับปรบมือ
กริดยิ้มอย่างอบอุ่น
เทพแต่ละตนตอบสนองแตกต่างกันไปตามนิสัย แต่เทพทั้งสามล้วนยอมรับในตัวกริด และร่วมแสดงความยินดีโดยไม่ตัดสินถูกผิด
ศักดิ์ศรีของเทวราชา?
นั่นไม่มีประโยชน์ต่อคนรอบข้างเลยสักนิด
กริดเชื่อว่าการหัวเราะและแผ่ความสุขไปรอบตัว มีประโยชน์ต่อโลกใบนี้มากกว่า
พลังเทพสีส้มเปล่งประกายราวกับแสงขั้วโลก ฉาบลงบนทุกซอกมุมของทะเลสาบใสสะอาด
เหล่าเทพแห่งโลกโอเวอร์เกียร์ กำลังพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ประหนึ่งเพื่อนและครอบครัวที่รู้จักกันมานาน
พวกมันล้วนปรารถนาสันติภาพให้โลกกึ่งกลางและมวลมนุษย์ จึงไม่เคยหวาดระแวงซึ่งกันและกัน
แต่ทุกคนกลับยิ่งมีความสุข เมื่อได้เผชิญหน้ากันด้วยความจริงใจ และได้เห็นความจริงใจของอีกฝ่าย
สันติภาพ
ความสบายใจที่ได้รับหลังจากได้พบกริด รวมถึงอนาคตอันสดใสหลังจากได้เห็นผลงานของกริด ช่วยคลายความกังวลอันน้อยนิดที่ยังหลงเหลือในใจเหล่าทวยเทพบนโลกกึ่งกลาง
***
‘หวังว่าผู้คนคงไม่เข้าใจผิดหรอกนะ’
สี่วันถัดมา
กริดที่ลงทุนนำเกล็ดที่เหลือไปผลิต <ไหล่มังกรเพลิงอิฟริต> จนสำเร็จ เริ่มผุดความกังวล
กริดมีลมหายใจมังกรทั้งสิ้นสามชนิด
ชนิดแรก ลมหายใจมังกรเพลิงที่ติดมากับดาบมังกรเพลิง
จากมุมมองของกริดที่พึ่งพาทักษะผสานไอเท็มเป็นหลัก ดาบมังกรเพลิงคือหนึ่งในสิ่งที่ยังทิ้งไปไม่ได้ ทุกครั้งที่โจมตีมีโอกาส 5% ที่จะปลดปล่อยลมหายใจ
ชนิดที่สอง ลมหายใจลดระดับจากแขนของอิฟริต
ด้วยคุณสมบัติของเกรด พลังทำลายจึงรุนแรงกว่าลมหายใจจากดาบมังกรเพลิง
กริดจำเป็นต้องใช้มันเพราะท่ารำดาบ ‘สละ’ มีอรรถประโยชน์หลากหลาย
ชนิดที่สาม ลมหายใจจากศีรษะครานเบล
ลมหายใจที่ทรงพลังที่สุด
สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าความรุนแรง คือตำแหน่งในการยิงลมหายใจ
ในเมื่อเป็นพลังที่ยิงออกจากปากกริดหรือหมวก จึงกล่าวได้ว่าศัตรูที่เผชิญหน้ากับกริดในระดับสายตา จะรับมือการโจมตีนี้ได้ยากมาก
หากเหม่อแม้เพียงเล็กน้อย หน้าผากอีกฝ่ายจะมีรูโหว่ทันที
ทุกสิ่งล้วนเป็นไปด้วยดี
ใช่แล้ว ทุกลมหายใจยอดเยี่ยมมาก…
‘แต่ทำไมถึงดูเหมือนว่า… เรากลายเป็นไอ้พวกบ้ายิง’
ในทุกลมหายใจที่ยิ่งออกไป มีบางสิ่งได้รับความสนใจมากกว่าพลังทำนาย
ลำแสงที่พุ่งออกไปเป็นเส้นตรง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่คือเอฟเฟกต์สุดอลังการชนิดที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มาก
ไม่ใช่แค่ดาบหรือถุงมือที่ยิงลำแสง แต่ยังรวมไปถึงหมวก…
กริดเริ่มกังวลว่าผู้คนจะเรียกตนว่า ‘บีมแมน’ (Beam-man)
เพราะสาธารณชนชื่นชอบการตั้งฉายา
‘…เป็นความกังวลที่ไร้สาระฉิบ’
จะดีจะร้าย กริดคือบุคคลที่โด่งดังที่สุดในโลก
ต่อให้ยืนหายใจเฉยๆ แต่ก็จะมีคนคอยตั้งฉายาให้
ไม่มีเหตุผลให้ต้องเครียดในเรื่องที่ถูกตั้งฉายาใหม่
‘จะว่าไป… บีมแมนก็เท่ดีเหมือนกัน’
ขณะกริดพยายามมองโลกในแง่บวก
ไหล่ของอิฟริตเคลื่อนไหวเป็นระลอกคลื่น ตามการขยับตัวของชายหนุ่ม
เกราะไหล่สีแดง
ประหนึ่งรวมเป็นเนื้อเดียวกับ <แขนของอิฟริต>
เฉกเช่นเกราะไหล่เสือขาวที่เป็นทรงกลมครอบหัวไหล่ กริดสามารถเคลื่อนไหวได้โดยไม่อึดอัด
ส่วนประสิทธิภาพ…
แน่นอนว่าเหนือกว่า <เกราะไหล่เสือขาวที่ถูกฟินิกซ์แดงโอบกอด>
แม้พลังป้องกันจะต่ำกว่า แต่ก็ยังมากถึง 2,100 หน่วย และพลังป้องกันจะเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ถูกโจมตีร่างกายท่อนบน นอกจากนั้นยังมีคุณสมบัติต้านทานอาการผิดปรกติที่หัวไหล่
เป็นชุดเกราะที่สมบูรณ์แบบ
เฉกเช่นที่เกราะแขนอิฟริตมี <มังกรข่มขวัญ> เชิงกรานครานเบลมี <มังกรพิโรธ> และศีรษะครานเบลมี <พรมังกร> พลังมังกรบางชนิดได้ถูกบรรจุลงมาในเกราะไหล่อิฟริต
<มังกรกระแทก>
อำนาจแห่งพลังสัมบูรณ์
กระแทกเป้าหมายอย่างรุนแรงในตำแหน่งที่กำหนด จนเป้าหมายสั่นสะเทือน
สร้างอาการบาดเจ็บภายในที่หนักหน่วง
ทรัพยากร: 20,000
*จะไม่ได้รับความเสียหายบริเวณหัวไหล่
ระยะหน่วง: 1 นาที
*จะไม่ได้รับความเสียหายบริเวณหัวไหล่
ทรงพลังอย่างมาก
สืบเนื่องจากคุณสมบัติของเซตมังกร โบนัสพลังป้องกันจึงเพิ่มขึ้นมากจนมิอาจมองข้าม
อย่างไรก็ดี กริดยังคงต้องใช้สลับกับเกราะไหล่เสือขาว
เป็นเรื่องยากที่จะทิ้งเกราะไหล่เสือขาว เพราะชายหนุ่มยังต้องการพลัง <เทพธรณี> เพื่อเปลี่ยนภูมิประเทศ
จริงอยู่ การสลับไอเท็มในจังหวะพอดิบพอดี เพื่อให้เงื่อนไขการใช้ทักษะครบถ้วน ถือเป็นงานที่ยากมากชนิดต้องพึ่งดวง แต่สำหรับกริดที่ช่ำชองการสลับไอเท็มในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน เรื่องแบบนี้ไม่เป็นปัญหา
กริดสวมใส่ <เกราะไหล่เสือขาวที่ถูกฟีนิกซ์แดงโอบกอด> มานานหลายปีจนราวกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายไปแล้ว
ชายหนุ่มมั่นใจว่า ตนสามารถสลับเกราะไหล่และเปิดใช้งานทักษะได้ในจังหวะเหมาะสม
เหนือสิ่งอื่นใด กริดคือเจ้าแห่งการสลับไอเท็ม
หากเป็นในแง่นี้ ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดปัญหา
“ท่านว่างนักหรือไง?”
ผ่านไปเกือบสิบวัน ในที่สุดกริดได้ก็ออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์
เมอร์เซเดสเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับตั้งคำถาม
สีหน้าเป็นไปอย่างเย็นชา
ชายหนุ่มพลันขนลุกราวกับมีอากาศเย็นๆ แผ่ซ่านมาปกคลุมผิวหนัง
กริดเหลือบมองกลับไปข้างหลัง
นั่นคือทิศทางที่สายตาเมอร์เซเดสกำลังจดจ่อ
คาริออนกำลังยืนแสยะยิ้ม
เธอปฏิบัติต่อเมอร์เซเดสที่จ้องตนด้วยสายตาเย็นชา ราวกับอีกฝ่ายเป็นเพียงเด็กน้อยน่าเอ็นดู
“เหตุใดถึงคิดว่าข้าว่าง? ข้าต้องคอยดูแลผืนดินตลอดเวลา”
“นั่นสินะ”
เมอร์เซเดสผงกศีรษะรับเงียบงัน
ถ้าไม่ว่างแล้วทำไมถึงเอาแต่ตามก้นฝ่าบาทต้อยๆ ?
แค่มองไปบนหน้าเมอร์เซเดส ถ้อยคำดังกล่าวราวกับจะพรั่งพรูออกมา
แต่กลับต้องผิดคาด เมอร์เซเดสทำเพียงปิดปากเงียบ
ดูเหมือนจะเป็นอำนาจของเนตรมองทะลุ
คล้ายกับเธอมองเห็นอนาคต ที่ตนจะพ่ายแพ้หากพูดคำเหล่านั้นออกมา
กริดผู้มองสลับไปมาระหว่างสองสาวที่กำลังทำสงครามประสาท ฉุกคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน
เมื่อครั้งเผชิญหน้ากับโดมิเนี่ยน
กริดเห็นภาพเดจาวู ซึ่งเป็นการทำนายอนาคตว่าตนจะร่างระเบิดและตายด้วยหอกของโดมิเนี่ยน
นั่นคือความสามารถแบบเดียวกับเนตรมองทะลุที่ถูกยกระดับ?
หรือเนตรมารเกิดการเปลี่ยนแปลงในทิศทางแปลกประหลาด?
กริดครุ่นคิดอย่างจริงจัง แต่ก็เพียงไม่นาน
‘เท่าที่ดู ไม่น่าจะเป็นพลังพิเศษ’
คงเป็นการทำนายอนาคตล่วงหน้า จากประสบการณ์และข้อมูลที่สั่งสมมากกว่า
หากใครเล่นเกมเดิมซ้ำไปมาซักพันชั่วโมง ก็น่าจะไปถึงระดับเดียวกันได้
อ่านจังหวะและวิถีของทักษะศัตรู จากนั้นก็ชิงจังหวะหลบหลีก
ปรากฏการณ์แสนธรรมดาเช่นนี้ สามารถเกิดขึ้นได้หากเงื่อนไขและสภาพแวดล้อมสอดคล้อง
กริดยังไม่ทราบเหตุผลที่ตนเห็นเดจาวู
แค่เรื่องบังเอิญ หรือเป็นอิทธิพลจากบางปัจจัยในเกมเสมือนจริง?
‘…ช่างเถอะ คิดไปก็ปวดหัว’
หากทุ่มเทให้กับสิ่งที่ไร้ประโยชน์ มีแต่จะเสียพลังสมองไปโดยเปล่าประโยชน์
อาศัยสัญชาตญาณ กริดคว้ามือเมอร์เซเดส
จากนั้นก็โอบกอดหญิงสาวไว้ใต้อ้อมแขนอย่างอ่อนโยน
ชายหนุ่มรู้สึกว่าเมอร์เซเดสเจ้าของใบหูสีแดงก่ำ ดูน่ารักผิดปรกติ
“การฝึกเป็นไปด้วยดีไหม”
ระหว่างกริดกำลังสร้างเกราะมังกรชิ้นใหม่ เมอร์เซเดสทุ่มเทเวลาให้กับการฝึก
หากคำนึงจากเสียงอึกทึกที่ดังแผ่วเบาเป็นระยะ ดูเหมือนเธอจะฝึกกับอัครสาวกด้วยกัน
“ค่ะ ดิฉันได้รับประสบการณ์ที่ล้ำค่า”
เธอตอบกลับด้วยสีหน้าขึงขัง
คล้ายกับมีอัตราการชนะสูง
ขณะกริดลูบไล้ศีรษะเมอร์เซเดสอย่างทะนุถนอม
> สิ่งมีชีวิตบนโลกกึ่งกลางทั้งหลาย จงฟังให้ดี
ทุกคนบนลานกว้าง ไม่สิ ทุกคนบนพื้นดินต่างได้ยินเสียงเดียวกันอย่างชัดเจน
เสียงที่ทะลวงเข้าไปในโสตประสาทโดยตรง
ราวกับสมองกำลังสั่นสะเทือน
“อึก…!”
อัศวินที่คอยคุ้มกันกริด ส่งเสียงคร่ำครวญ
ทหารใช้สองมือกุมศีรษะด้วยใบหน้าเจ็บปวด ผู้คนบนถนนทยอยล้มฟุบด้วยใบหน้าม่วงคล้ำ
กริดกล้ำกลืนอาการวิงเวียน
[ท่านต้านทานปราณอสูรที่แทรกซึมเข้ามายังโลก]
ชายหนุ่มมิได้รู้สึกเจ็บปวด
แต่เป็นความรังเกียจอย่างแรงกล้า
พลังงานอันชั่วร้ายและน่าสะอิดสะเอียน ชนิดที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน
รู้สึกประหนึ่งกำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่ควรพบเจอชั่วชีวิต ย่อมเป็นธรรมดาที่จะขยะแขยง
> ข้าคืออาโมแรค ผู้ปกครองลำดับสองแห่งขุมนรก
“เป็นไปได้ยังไง… ข้าไม่พบร่องรอยของอาโมแรคบนโลกกึ่งกลาง”
คาริออนเอียงคอสงสัย
จากนั้นก็รีบช่วยเหลือผู้คนร่วมเทพตนอื่น
สิ่งสำคัญอันดับแรกในตอนนี้คือ การนำพลังเทพไปใช้ฟื้นฟูเหล่ามนุษย์ที่กำลังทุกข์ทรมาน
“หล่อน… อยู่ในนรก”
เนตรมองทะลุเปล่งแสงสีใสคล้ายน้ำแข็ง
สายตาของหญิงสาว กำลังเพ่งมองไปยังมิติที่อยู่ใต้พื้นดิน
คู่ดวงตาที่แม้แต่เทพยังยำเกรง ประสานเข้ากับดวงตาอาโมแรคในนรก
ชิ้ง!
มันถูกย้อมกลายเป็นสีแดง
ดาบที่เมอร์เซเดสชักออกมาเพื่อฟันคอคาริออน ถูกกริดหยุดไว้ได้ทัน
จอมอสูรแห่งความขัดแย้ง
อำนาจของอาโมแรคทั้งทรงพลังและชั่วร้าย
กริดไม่มัวลังเล
เขตแดนทองคำศักดิ์สิทธิ์ถูกกางปกคลุมโดยรอบทันที
โล่ของเมอร์เซเดสที่พยายามแทรกระหว่างคมดาบ ถูกปลดหลุดจากมือ
จากนั้น กริดปลดดาบและดึงเมอร์เซเดสที่กำลังคลุ้มคลั่งมาไว้ในอ้อมแขน
> ข้าจะช่วยเหลือพวกเจ้า จงลงมาเถิด พวกเจ้าคือความปรารถนาของข้า
ถ้อยคำไร้สาระของอาโมแรคยังคงดำเนินต่อไป
ขณะกริดกำลังขบกรามแน่น
“ดิฉัน… ขออภัย”
เมอร์เซเดสได้สติกลับมา
เนตรมองทะลุถูกเปิดใช้งานอีกครั้ง
ทิศทางการมองยังคงเป็นขุมนรก
“โง่เขลา! อำนาจของอาโมแรคแข็งแกร่งชนิดที่ทำลายโลกนี้ได้! ไม่มีทางที่เจ้าคนเดียวจะรับมือไหว…!”
คาริออนถอนหายใจ คล้ายกับไม่เข้าใจเมอร์เซเดสที่ทำผิดพลาดซ้ำสอง
เช่นเดียวกับอาโมแรคในนรกที่พ่นลมหายใจเย้ยหยัน
หล่อนหัวเราะเยาะมนุษย์ผู้โง่เขลา ที่กล้าสบตากับตนอีกครั้งโดยไม่เข็ดหลาบ
ชิ้ง-
ดวงตาสีใสของเมอร์เซเดสกลายเป็นแดงอีกครั้ง
คาริออนและเหล่าเทพต่างพากันสะดุ้งและผงะถอยหลัง
ในทางกลับกัน กริดวางตัวสงบนิ่ง
เพราะมันเชื่อใจเมอร์เซเดส
ราวกับตอบสนองต่อความเชื่อดังกล่าว ข้อความแจ้งเตือนแสดงขึ้นตรงมุมสายตาทันที
[อัครสาวกของท่าน ‘เมอร์เซเดส’ ประสบความสำเร็จในการถอดรหัสต้นกำเนิดความขัดแย้ง]
[อัครสาวกของท่าน ‘เมอร์เซเดส’ ต้านทานอำนาจแห่งความขัดแย้ง!]
> อะไรกัน…!
อาโมแรครีบชะงักคำพูด แต่ก็สายเกินไป
ถ้อยคำเจือความตกตะลึงและอับอาย ดังกระจายไปทั่วทุกมุมโลก
ความมืดที่เคยปกคลุมโลกเริ่มแตกสลาย
ท้องฟ้าที่ดูคล้ายค่ำคืนฤดูหนาว กลับมาเป็นสีฟ้าครามสดใสอีกครั้ง
ฤดูใบไม้ผลิ
ณ ใจกลางทุ่งกลีบดอกไม้ที่ปลิวว่อน ราชันแห่งอัศวินกำลังยืนเด่นสง่า
“…ฤดูใบไม้ผลิของเรา สมเหตุสมผลเสมอ”
ลอเอลที่เพิ่งมาถึงจุดเกิดเหตุ พึมพำบทกวีของปอล·เอลวร์ดด้วยสีหน้าเหม่อลอย
ชายผู้ไม่ถูกย้อมด้วยความมืด ไม่สั่นไหวท่ามกลางความหนาวเหน็บ
ฤดูใบไม้ผลิของเมอร์เซเดสเกิดขึ้นอย่างสมเหตุสมผล
Comments
Post a Comment