จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,589



ความอิจฉาและปรารถนา ก่อกำเนิดเป็นแรงผลักดันไปยังทิศทางดังกล่าว


เหตุผลที่กรุงไรน์ฮาร์ทมีช่างตีเหล็กมากมายเหลือคณานับ มิใช่เพียงเพราะสิทธิประโยชน์แสนพิเศษ แต่ยังรวมถึงการดำรงอยู่ของกริด


ใครหลายคนอยากเป็นกริดคนที่สอง


“ในบางครั้ง ช่างตีเหล็กต้องเปลี่ยนสูตรการผลิตเนื่องจากสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย”


ช่างตีเหล็กแรงค์หนึ่งของโลก แพนเมียร์


มันกำลังอธิบายภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ‘กริดไม่มีความรู้เกี่ยวกับระบบการผลิต’ เพราะแพนเมียร์คือหนึ่งในคนที่ทราบว่า กริดในตอนแรกไม่รู้ถึงการมีตัวตนของระบบพื้นฐานอย่าง ‘ปุ่มผลิตไอเท็มอัตโนมัติ’


ผู้สืบทอดแพ็กม่ามิใช่ช่างตีเหล็กครอบจักรวาล แพนเมียร์สังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายเติบโตภายใต้กรอบการดูแลของระบบเป็นส่วนใหญ่


“ไม่ว่าจะเป็น… ในสถานการณ์ที่มิอาจจัดหาวัสดุได้ทันเวลา หรือเทคนิคที่ใช้ในสูตรนั้นผิด หรือสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมกะทันหัน ทั้งหมดล้วนเป็นเหตุไม่คาดฝัน”


ในซาทิสฟาย การเปลี่ยนแปลงอย่างฉุกละหุกของสภาพแวดล้อม คือเหตุการณ์ที่พบได้เป็นปรกติ


ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ: ขณะช่างตีเหล็กกำลังทำงาน ใครบางคนเผลอใช้เวทความเย็นหรือเวทไฟอยู่ใกล้ๆ


อาจดูเป็นการยกตัวอย่างที่เหลวไหล แต่อุบัติเหตุเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยในซาทิสฟายที่มีจำนวนประชากรมหาศาล


“ข้อบกพร่อง… การเปลี่ยนสูตรมีโอกาส 99.99 เปอร์เซ็นต์ที่จะทำให้ผลผลิตเกิดข้อบกพร่อง”


สิ่งนี้คือสามัญสำนึกทั่วไป


แม้แต่กริดก็มิอาจฝ่าฝืน


แต่ต้องเน้นย้ำว่า โอกาสเกิดข้อบกพร่องคือ 99.99 ไม่ใช่หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์


“โอกาส 0.01 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือคือพื้นที่สำหรับปาฏิหาริย์”


กริดซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกิลด์เป็นอย่างดีมาตลอด ทุกไอเท็มที่สร้างจึงยังอยู่ภายใต้เงื่อนไขของสูตร


ตัวแปรเดียวที่แตกต่างออกไปในแต่ละชิ้นงานคือ ‘ระดับของเกรด’


แน่นอนว่ากริดสามารถสร้างสูตรใหม่ได้โดยแลกมากับความยากลำบาก


แต่ตอนนี้ เรากำลังกล่าวถึงกรณีที่ ‘ผลิตตามสูตรเดิม’


“นายกำลังจะบอกว่า นี่คือหนึ่งในปาฏิหาริย์?”


ใบหน้าของกริดขณะพิจารณาดาบโค้งรูปทรงประหลาด เปี่ยมไปด้วยความชื่นชม


ดาบเกรดเลเจนดารีที่สร้างขึ้นจาก <สูตรการผลิต: ลมบ้าหมู>


เกรดสูงสุดของสูตรผลิตลมบ้าหมูคือ ‘ยูนีค’ แต่ผลลัพธ์กลับออกมาเป็นเกรดเลเจนดารี


ยิ่งไปกว่านั้น นี่คือผลงานของช่างตีเหล็กธรรมดา ไม่ใช่ของกริด


“ถูกต้อง มันเกิดขึ้นมาสักพักแล้ว ช่างตีเหล็กจำนวนหนึ่งรวมถึงฉัน เคยสร้างผลลัพธ์ที่เกินกว่าขีดจำกัดของสูตรอย่างน้อยคนละครั้ง”


นั่นคือเหตุผลที่แพนเมียร์สั่งให้ช่างตีเหล็กบางส่วนผลิตไอเท็มโดยการ ‘เปลี่ยนสูตร’


ในไรน์ฮาร์ทมีช่างตีเหล็กอยู่นับไม่ถ้วน


แม้วัสดุจะมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ แต่กำลังคนนั้นล้นเหลือ


จริงอยู่ เมื่อไม่นานมานี้ไมเนอร์เพิ่งค้นพบเหมืองแร่จำนวนมากในเขตจักรวรรดิ แต่กำลังคนก็ยังล้นเกินความต้องการอยู่ดี


แพนเมียร์จึงคิดแผนใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้อย่างชาญฉลาด


ช่างตีเหล็กส่วนเกินถูกสั่งให้ผลิตไอเท็มโดยใช้วัสดุของเหลือ หรือไม่ก็วัสดุที่ไม่ถูกต้องตามสูตร


เกิดเป็นผลผลิตบกพร่องนับพันนับหมื่นชิ้น แต่บางส่วนก็กลายเป็นปาฏิหาริย์


“ฉันเองก็คิดไม่ถึงว่า อาวุธเกรดเลเจนดารีจะถือกำเนิดจากวิธีนี้”


เดิมที มีเพียงกริดเท่านั้นที่สามารถผลิตอาวุธและชุดเกราะเกรดเลเจนดารี


อย่างไรก็ดี โลกได้ดำเนินมาถึงจุดที่มี ‘สูตร’ ผลิตไอเท็มเกรดเลเจนดารี ส่งผลให้ช่างตีเหล็ก ‘ช่างฝีมือ’ เริ่มทยอยผลิตไอเท็มเกรดเลเจนดารีเข้าสู่ระบบ หรือแม้แต่ดาบ ‘ลมบ้าหมู’ ที่กลายเป็นเกรดเลเจนดารี ก็ยังเกิดจากฝีมือช่างตีเหล็กทั่วไปที่ไม่ใช่ช่างฝีมือด้วยซ้ำ


“ดูเหมือนว่า หลังจากนายกลายเป็นเทวตำนาน มาตรฐานของโลกได้ถูกยกระดับขึ้น”


ปัจจุบัน ช่างตีเหล็กที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกคือเทวตำนาน มิใช่ตำนาน


จึงสามารถกล่าวได้ว่า ค่าเฉลี่ยของช่างตีเหล็กทั่วโลกได้ทยอยพัฒนาขึ้นไปตามลำดับ


บางทีอาจเป็นเรื่องของเวลา หรือไม่ก็เกิดจาก ‘สมดุล’ ที่ SA กรุปโหยหา


“…เยี่ยมเลย”


กริดวาดรอยยิ้มเปี่ยมสุข


เป็นแสดงความเคารพต่อเหล่าช่างตีเหล็กที่พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง


ขณะเดียวกันก็เป็นการแสดงความเคารพต่อแพนเมียร์ ผู้พยายามทำในสิ่งที่แตกต่าง โดยการบริหารวัสดุและทรัพยากรมนุษย์ส่วนเกิน


แพนเมียร์เป็นอาจารย์ที่แตกต่างจากข่าน


ข่านมักมอบไอเดียแปลกใหม่ที่ ‘ระบบ’ ไม่สามารถสั่งสอน


ถ้ายังมีข่านคอยช่วยแพนเมียร์สอนสั่งช่างตีเหล็กคนอื่นก็คงจะดี…


กริดคิดถึงข่านเป็นพิเศษในวันนี้


แต่ทันใดนั้นเอง ข่าวด่วนถูกส่งมาถึงขณะกริดรำลึกความหลังภายในโรงตีเหล็ก


> มังกรโจมตีเรย์ดัน โนลล์กับแวมไพร์ที่คอยสู้ยื้อเวลา รอดชีวิตกลับมาได้ด้วยความช่วยเหลือจากแบล็กเท็ดดี้ ตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราวการรอดชีวิตของกลุ่มอื่น ความเสียหายที่คาดการณ์คือระดับสูงสุด


***


“…ทำไมถึงทำร้ายคนบริสุทธิ์”


กริดรุดหน้ามายังจุดเกิดเหตุด้วยความเร็วสูงสุด


คอมโบชุนโปและเนตรบาร์บาทอสถูกใช้ทุกครั้งที่ระยะหน่วงวนมาถึง


ระหว่างทาง มีหลายต่อหลายครั้งที่ต้องเผชิญความเจ็บปวดเจียนตายจากอาการอ่อนเพลีย


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปริมาณพลังเวทอันเข้มข้นเมื่อยิ่งเข้าใกล้เรย์ดัน สิ่งนี้สร้างแรงกดทับจนร่างกายชายหนุ่มรู้สึกหนักอึ้ง


แต่สุดท้ายก็ฝ่าฟันมาได้ด้วยความอดทนในระดับเหนือค่ามาตรฐาน


วาร์ปเกตใช้การไม่ได้


เพราะอุปกรณ์ปลายทางฝั่งเรย์ดันถูกทำลาย


เมื่อมาถึง ชายหนุ่มก็เข้าใจแจ่มแจ้ง


ทุกสิ่งในเรย์ดันกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว


ปราสาท วาร์ปเกต คฤหาสน์ นิคมอุตสาหกรรม หรือแม้แต่โรงแปรธาตุ


ไอ้เวรนั่น


มังกรที่มีเกล็ดสีเงิน กล่าวในสิ่งที่พอจะจับใจความได้ว่า ทั้งหมดเป็นฝีมือของมัน


‘โอหัง… แต่ก็เป็นหลักฐานยืนยันถึงความแข็งแกร่ง’


มังกรอีกสี่ตัวสร้างเกล็ดเทียมปกคลุมร่างกายด้วยวิธีการบางอย่าง


แต่ไม่ใช่กับครานเบล


คล้ายกับอิฟริตที่เปิดเผยเกล็ดสีแดงด้วยความภาคภูมิใจ


ราวกับมิได้เกรงกลัวว่า การเปิดเผยธาตุและคุณสมบัติของตนจะกลายเป็นจุดอ่อน


กริดมีลางสังหรณ์


อีกฝ่ายไม่ใช่ศัตรูที่จะถูกครอบงำโดยสมญานาม <ดราก้อนไนท์>


ต้องเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากแน่


ความรู้สึกอึดอัดเพิ่มขึ้นในทุกขณะ จนใกล้จะเกินขีดจำกัดที่ร่างกายรับไหว


แม้แต่ความอดทนและพลังใจที่เหนือกว่าคนปรกติ ก็ยากที่จะรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้า


มองไม่เห็นโอกาสชนะเลยสักนิด


ด้วยความสัตย์จริง มันกำลังกลัว


ทว่า


“ช่างเถอะ ถึงจะฟังเหตุผลไป ก็ใช่ว่าฉันจะเข้าใจแก”


กริดไม่คิดหนี


ดินแดนที่เป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญของจักรวรรดิ


เหนือสิ่งอื่นใด เรย์ดันคือจุดเริ่มต้นของกริด


เป็นฐานที่มั่นสำคัญหลังจากก่อตั้งกิลด์โอเวอร์เกียร์ได้ไม่นาน เป็นศูนย์บัญชาการในสงครามล้มล้างอาณาจักรอีเทอร์นัล


ความสัมพันธ์ ความทรงจำ และรากฐานต่างๆ ของกริด เกิดขึ้นที่นี่มากมาย


แต่ปัจจุบัน ทุกสิ่งถูกลบหายไปจากแผนที่


จะให้หันหลังหนีต้นเหตุที่ส่งชาวเมืองนับหมื่นลงนรกเพียงเพราะความกลัว?


เป็นไปไม่ได้แน่นอน


ไม่เกี่ยวกับความภาคภูมิใจหรือศักดิ์ศรี แต่เกี่ยวกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น


เป็นการต่อสู้ที่มิอาจเลี่ยง


และไม่จำเป็นต้องกลัวการแก้แค้นจากลูกหลานมังกร


เพราะยังไงก็คงไม่ชนะอยู่ดี


ฉึบ


กริดโบกมือแผ่วเบา


ดาบสองเล่มถูกด้ายเงินที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ดึงเข้ามาอยู่บนฝ่ามือ


เล่มแรกคือดาบอัสนีแห่งการบรรจุสัจธรรมจนก่อเกิดความปรารถนาแรงกล้า


ดวงตาแสนเย็นชาของครานเบลไม่มีความเคลื่อนไหว


> เทพโอเวอร์เกียร์กริดผู้ก้าวข้ามขีดจำกัดของกระแสเวลา ข้ารู้จักเจ้า


เล่มที่สองคือดาบมังกรเพลิง


ดวงตาครานเบลยังคงเฉยเมย


แม้จะได้เห็นตำนานของกริดและอิฟริตที่ฉายบนม่านแสงไปแล้ว


> ถึงจะไม่เห็นด้วยกับคำยกย่องของอิฟริต แต่ข้าเคารพในตัวเจ้า


ปึด!


เส้นเลือดบนมือซ้ายกริดเริ่มพองตัว


ดาบอัสนีฯ และดาบมังกรเพลิงผสานเข้าด้วยกัน


ดาบสองเล่มที่กริดสร้างขึ้นเพื่อตัวเอง หลอมรวมกลายเป็นรูปทรงในอุดมคติ


ม่านแสงสนธยาที่เป็นสัญลักษณ์แทนพลังเทพของกริด เริ่มหมุนวนด้วยความเร็วสูง


ดาบที่ถูกผสานเข้าด้วยกัน กลายเป็นสื่อกลางในการแผ่ขยายพลังงานดังกล่าว


แต่ถึงอย่างนั้น


> กลับไปเสีย ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า


ครานเบลไม่สะทกสะท้าน


มันเผชิญหน้ากับแสงสนธยาที่ซ้อนทับกับแสงแดดอันเจิดจ้าท่ามกลางทะเลทราย


ชิ้งชิ้ง!


ดาบเล่มที่สามและสี่ถูกดึงมายังมือขวากริดและผสานเข้าด้วยกัน


ดาบไร้รูปและดาบหนักกูเซล


> …


สีหน้าครานเบลแปรเปลี่ยนเป็นครั้งแรก


ไม่ใช่เพราะถูกคุกคาม หากแต่เป็นความรู้สึกถูกดูแคลน


อาวุธที่สร้างจากซากของพี่น้องร่วมเผ่าพันธุ์ ปัจจุบันถูกถืออยู่ในมือเทพ


เผ่าพันธุ์มังกรทั้งหมดรู้สึกราวกับถูกตบหน้า


“ก่อนจะแสดงความเมตตา ควรเอ่ยคำขอโทษออกมาก่อนไม่ใช่หรือ”


กล้าดียังไงถึงนำตัวเองไปเปรียบกับดวงอาทิตย์?


กริดที่รายล้อมด้วยแสงแดดและแสงสนธยา ดูราวกับเป็นดวงอาทิตย์ที่แผดเผารุ่มร้อน พลังเทพของชายหนุ่มเกรี้ยวกราดถึงเพียงนั้น


หากมองผิวเผินอาจดูเหมือนมีคุณสมบัติธาตุไฟ แต่ครานเบลมองลึกลงไปกว่านั้น


มันคือความว่างเปล่า


ความว่างเปล่าที่สามารถเป็นได้ทั้งค้อนศึกทำลายเกล็ดมังกร หรือดาบที่สามารถฟันผ่านเกล็ด


‘หรืออาจเป็นบาเรียป้องกันลมหายใจ’


การไม่ถูกผูกมัดด้วยธาตุ หมายถึงศักยภาพอันไร้สิ้นสุด


‘แต่แน่นอน นั่นเป็นศักยภาพที่ไม่มีวันเบ่งบาน’


ในตอนที่รีเบคก้าสร้างเซราทุล เธอใช้ต้นแบบจากซือโหยว


ธาตุของเซราทุลก็คือความว่างเปล่าเช่นกัน


เมื่อคำนึงจากนิสัยของเซราทุล มีโอกาสที่มันจะเกลียดชังเทพโอเวอร์เกียร์ยิ่งกว่าใคร


ครานเบลมั่นใจ


เทพโอเวอร์เกียร์อายุไม่ยืนแน่นอน


การดำรงอยู่ที่แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนบนโลก คอยจับตามองการเติบโตของชายคนนี้ทุกฝีก้าว


มังกรเป็นเพียงเผ่าพันธุ์เดียวที่ไม่แยแสโลกอย่างแท้จริง


“นั่นสินะ คงไม่มีประโยชน์ที่จะเรียกร้องสิ่งใดจากมังกร…”


> ข้าขอโทษ


“…?”


> ข้าขอโทษในทุกเรื่องที่ทำให้เจ้าไม่สบายใจ อภัยให้ข้าด้วย


ครานเบลขอโทษอีกครั้งต่อหน้ากริดที่กำลังฉงนหนัก


> ในเมื่อข้าขอโทษแล้ว ช่วยกลับไปจะได้ไหม?


“…”


> ดูจากสีหน้า คำขอโทษของข้าคงไม่ทำให้รู้สึกดีขึ้นสินะ นี่คือเหตุผลที่ศีลธรรมของพวกมนุษย์เป็นเรื่องน่าขบขัน มนุษย์ไม่ได้ตีกรอบศีลธรรมเพราะต้องการความสงบสุข แต่เป็นข้ออ้างมักง่ายที่พวกอ่อนแอใช้ป้องกันตัวเองจากผู้ที่แข็งแกร่ง


“…ถ้าทุกคนมีศีลธรรม โลกก็จะไม่มีคนชั่ว”


> แล้วมันเป็นไปได้หรือ โลกที่ไม่มีคนชั่ว? ในสายตาข้า เจ้าก็แค่คนบ้าที่เอาแต่อาศัยอยู่ในจินตนาการเพ้อฝัน


สีหน้าครานเบลเปลี่ยนไปเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว


หว่างคิ้วแคบลง หางตาขนาดมหึมาทั้งสองถูกยกขึ้นจนดูน่ากลัว


ดวงตาที่คล้ายกับภาพตัดขวางของจักรวาล เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง


ดูเหมือนว่ามันกำลังโมโห


การให้เกียรติจบลงที่ตรงนี้


> เทพโอเวอร์เกียร์เอ๋ย ผู้ไม่รู้จักความพ่ายแพ้เช่นเจ้า เป็นแค่คนเขลาที่ไม่ทราบว่าความตายของเทพนั้นร้ายแรงเพียงใด ข้าไม่ชอบใจที่เจ้าเอาแต่ทำตัวโอหังจนไม่แยแสความกรุณาของข้า… จงตายเสีย และเก็บความสิ้นหวังครั้งนี้ไว้เป็นบทเรียน


ผู้ไม่รู้จักความพ่ายแพ้


คำพูดดังกล่าวคือเครื่องพิสูจน์


หรืออย่างน้อยก็ยืนยันได้ว่า ครานเบลก็ไม่รู้จักกริดสมัยยังเป็นมนุษย์


แม้กระทั่งหลังจากกลายเป็นเทพ มันก็แทบไม่ได้สนใจกริดมากนัก


นั่นเพราะครานเบลไม่ทราบเรื่องที่กริดเคยผ่านความพ่ายแพ้มานับไม่ถ้วน


นับตั้งแต่กลายเป็นเทพ อัตราการชนะของกริดลดลงจนน่าใจหาย


แต่ด้วยความช่วยเหลือจากวาสนา ชายหนุ่มสามารถเอาตัวรอดมาได้ทุกครั้ง


คำสอนของครานเบลที่ยังไม่รู้จักกริดดีพอ ตรงข้ามกับสิ่งที่กริดเป็นโดยสิ้นเชิง


“แกได้เจ็บตัวแน่ เตรียมใจไว้ได้เลย”


ความเยือกเย็นไม่มีอยู่ตั้งแต่ต้น


หลังจากเห็นสภาพของเรย์ดัน ใครจะมัวเยือกเย็นอยู่ได้?


กริดที่แสร้งทำเป็นสุขุมภายนอก ในหัวมีเพียงความเดือดดาลและเกรี้ยวกราด


นั่นคือสาเหตุที่มันคิดสู้จนตัวตาย


เพื่อแลกกับการทำให้อีกฝ่ายสำนึก


ใครก็ตามที่บังอาจทำร้ายประชาชนและเมืองของตน มันก็ต้องสูญเสียบางสิ่งแลกเปลี่ยน


> พลังของเทพโอเวอร์เกียร์กริดจะถูกผนึก


“…!”


กริดที่เตรียมรำดาบ สัมผัสถึงความอ่อนแอของตัวเองได้ทันที


มิอาจต้านทานโดยสิ้นเชิง หน้าต่างข้อความระบบแจ้งเตือนว่าค่าสถานะทุกชนิดของชายหนุ่มลดลงครึ่งหนึ่ง


> เทพโอเวอร์เกียร์จะไม่มีระยะห่างกับข้า


“…!”


ร่างกายกริดเคลื่อนไหวไปเองโดยที่มิอาจขัดขืน ลอยไปหาครานเบลประหนึ่งถูกแม่เหล็กดึงดูด หัตถ์เทวะพยายามเข้ามาดึงชายหนุ่มออกไป แต่นอกจากจะไม่ได้ผล มันยังถูกดูดเข้าหาครานเบลไปพร้อมกัน


นี่คืออำนาจของวาจามังกร


สิ่งมีชีวิตที่ผู้เล่นมิอาจต่อกร


สายพันธุ์อันยิ่งใหญ่ที่อยู่เหนือสรรพสิ่ง การโจมตีของมันไม่เคยแยแสระดับตัวตนของศัตรู


“แค่ก…!”


เลือดไหลออกจากจมูกและปากกริด


ชายหนุ่มเสียเลือดไปมาก จนรู้สึกเหมือนกับมีใครใช้ถังน้ำตักเลือดออกไปจากตัว


[ท่านได้รับความเสียหายรุนแรง]


แค่ครั้งเดียว


จริงอยู่ที่ค่าสถานะทั้งหมดลดลงครึ่งหนึ่ง แต่นั่นก็แปลว่าการโจมตีเพียงครั้งเดียวของครานเบล ทำให้พลังชีวิตของกริดหายไปเกินครึ่งหลอด


ทัศนวิสัยของชายหนุ่มพร่ามัวไปชั่วขณะ


แต่ก็แค่ครู่เดียว


กริดเคยชินกับความเจ็บปวดเช่นนี้


เมื่อสายตากลับเป็นปรกติ สิ่งแรกในการมองเห็นคือหน้าผากของครานเบล


เป็นตำแหน่งที่มีเขางอกขึ้นมา


ในเวลาเดียวกัน


ซู่ว!


ลมหายใจมังกรถูกพ่นซ้ำตามที่คาด


ครานเบลซึ่งทะลวงหัวใจกริดด้วยหางและจับยกให้ลอยสูง พยายามจบการต่อสู้ ไม่สิ การฆ่าฝ่ายเดียว ให้เรียบร้อยและรวดเร็ว


แต่นี่คือสิ่งที่กริดเล็งไว้


ประสาทสัมผัสเทียมตอบสนองทันที


“วังวนมังกรทำลายล้างสยบสังหาร”


กริดปลดปล่อยท่ารำดาบผสานที่เหมาะกับสถานการณ์


เป็นท่ารำดาบผสานที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อใช้สวนกลับลมหายใจครานเบลโดยเฉพาะ


เปี่ยมไปด้วยจิตสังหารในการเข่นฆ่ามังกร


เฉกเช่นความรู้สึกของเจ้าตัวในวินาทีนี้


พลังทั้งหมดที่สั่งสมมาตลอดหลายปีโดยไม่ย่อท้อ กำลังถูกปลดปล่อยด้วยโทสะ


—!


เสียงระเบิดและเสียงอึกทึกทั้งหมดพลันมลายสิ้น


พวกมันถูกกลืนกินเข้าไปในวังวนซึ่งเกิดจากดาบผสานสองเล่ม


ลำแสงลมหายใจสีเงินถูกหักเห


พวกมันแทรกซึมเข้าไปในดาบทั้งสองเล่มของกริด จนความรุนแรงของท่ารำดาบผสานทวีคูณเป็นหลายเท่าตัว


ท่าสวนกลับถูกสลักลงกึ่งกลางหน้าผากครานเบลอย่างหมดจด


การป้องกันสัมบูรณ์ถูกมองข้าม


อำนาจสมญานาม <ราชาวีรบุรุษ> และ <นักล่ามังกร? > ทำให้พวกมันสลายตัวไปชั่วคราว


‘เตือนแล้วนะว่ามันจะเจ็บ’


ขณะจดจ้องดวงตาที่พองออกเล็กน้อยของครานเบล รอยยิ้มฉาบไปทั่วใบหน้ากริด


ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือสะท้อนช่วงชีวิตที่ผ่านมาของชายหนุ่ม ช่วงชีวิตที่มักทำเรื่องเป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้


ครืน—!!


ทะเลทรายถูกผ่าครึ่ง


ณ ด้านหลังของเทพผู้สามารถทำให้มังกรจมดิน ดวงตาของสี่มังกรกำลังเผยความตกตะลึง


พวกมันปรารถนา


ปรารถนาที่จะเป็นตัวละครหลักในตำนาน <เทพบ้ามังกรบ้า>

______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059   ★ ★ จบบริบูรณ์  ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00