จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,587
“กลับไปอีกครั้งเถอะ”
ขณะถือเรดาร์มังกรซึ่งกำลังส่งสัญญาณกะพริบ บีบันที่จดจ้องหน้าปัดด้วยสีหน้าเหม่อลอย ลุกพรวดจากที่นั่งพร้อมกับกล่าว
ทุกครั้งที่มันหายใจเข้าออก มวลอากาศที่กระจัดกระจายจะก่อตัวเป็นคมดาบ เกิดเป็นปราณไร้รูปจำนวนมหาศาลโดยไม่รู้ตัว
ในวินาทีนี้ หากมีความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย มันสามารถฉีกทำลายทุกสิ่งโดยรอบ
“ก็ไม่ใช่เรื่องน่าอวดหรอกนะ แต่อันที่จริง ข้ารู้จักบราฮัม เจ้านั่นต้องจำหน้าข้าได้แน่”
“ไม่ต้องสารภาพก็รู้อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเจ้าคงไม่ได้ผูกขาดการทำความสะอาดหอคอยไว้แต่เพียงผู้เดียว”
“…บางที บราฮัมคงตระหนักถึงการดำรงอยู่ของหอคอยได้เลือนราง แต่เขาฉลาดและปากหนักเหมือนพวกสุภาพบุรุษ จึงไม่ได้พูดออกมา”
“บราฮัมไม่ใช่สุภาพบุรุษแน่นอน”
“นั่นสินะ มหาจอมเวทระดับนั้นน่าจะเป็นคนบ้ามากกว่า”
“เชื้อสายของเขาไม่ดีเท่าไร… แม้ว่าแวมไพร์จะเปลี่ยนนิสัยไปมากภายใต้อิทธิพลของกริด แต่คิดว่าสันดานเก่าจะเปลี่ยนกันง่ายๆ หรือ?”
“…”
มังกรสี่ตัว
อาจเป็นเพราะสถานการณ์ปัจจุบันกำลังฉุกเฉินถึงขีดสุด บรรยากาศการสนทนาของเหล่าสภาจึงสับสนวุ่นวาย หัวใจเต้นเบากว่าหนุ่มโสดในฤดูใบไม้ผลิเพียงเล็กน้อย เกือบจะอยู่ในระดับที่แตกตื่น
บีบันที่ถูกขัดคอ ขมวดคิ้วเนื่องจากเริ่มสัมผัสถึงขีดจำกัดความอดทน
“เชื่อฉันสักครั้ง… ไม่สิ เชื่อในตัวกริด แม้บราฮัมจะเห็นพวกเราและรับรู้การมีอยู่ของหอคอย แต่กริดจะทำให้อีกฝ่ายปิดปากเงียบได้”
“ไม่มีเหตุผลรองรับเลยสักนิด”
ลาร์ดวูล์ฟปัดตกแนวคิดของบีบันทันที
“เรื่องนี้ไม่คุ้มเสี่ยง”
เจสสิก้าช่วยเสริม
“ปัญหาในตอนนี้ก็คือ ต่อให้พวกเราออกไปกันทุกคน ก็ใช่ว่าจะช่วยเซนอนกลับมาได้”
มังกรสามตัวรุดหน้ามายังจุดเกิดเหตุ ปัจจุบันคงล้อมเซนอนไว้หมดแล้ว
อาจไม่มีมังกรระดับสูง แต่ก็แข็งแกร่งพอที่จะจัดการกับเซนอน ซึ่งสูญเสียปีกทั้งสองข้างไปกับการต่อสู้อันเปล่าประโยชน์กับราชินีโลหิต
ก่อนที่สภาหอคอยจะได้ลงมือ เซนอนคงถูกกินเรียบร้อยแล้ว
“ที่นั่นอาจให้กำเนิดมังกรระดับสูงตัวใหม่ ไม่มีทางที่มังกรอื่นจะนิ่งเฉย”
“คงมีมังกรหลายตัวกำลังจับตามองจุดเกิดเหตุ หากพวกมันเห็นว่าเรามีเทคโนโลยีสำหรับตรวจจับ หลังจากนี้มังกรจะซ่อนร่องรอยและตรวจจับได้ยากขึ้น”
คำอธิบายเพิ่มเติมถาโถมอย่างต่อเนื่อง
เหล่าสภาหอคอยพยายามอย่างหนักในการโน้มน้าวให้บีบันยอมเข้าใจ
อาจเป็นการเสียเวลาเปล่า แต่ก็เป็นขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อเตือนสติบีบัน
“แล้วทำไมถึงมีมังกรโผล่ออกมาสามตัว? เป็นไปได้ด้วยหรือ? ไหนว่ามังกรระแวงกันเอง ทำไมพวกมันถึงร่วมมือกัน?”
“ปัญหาอยู่ที่ สถานที่และสิ่งเร้า”
การอธิบายกินเวลานานกว่าที่สภาหอคอยคาดคิด
“เรย์ดันเป็นดินแดนที่เบริอาเช่เคยเป็นถิ่นของเบริอาเช่ในอดีต ใต้ดินรอบๆ เต็มไปด้วยเมืองแวมไพร์ หลายฝ่ายจึงมองว่าอาจเป็นดินแดนที่มีคุณค่าทางภูมิศาสตร์สูง อย่างเช่น อาจเป็นดินแดนที่ติดต่อกับมิติต่างๆ โดยตรง”
มิติ
คำศัพท์ที่สภาหอคอยมักใช้เอ่ยถึง ‘สถานที่ที่มิอาจระบุตัวตน’ หรือรังมังกร
“ยิ่งไปกว่านั้น ราชินีโลหิตยังสร้างผลงานที่ตราตรึง แม้อีกฝ่ายจะเป็นมังกรระดับต่ำ แต่ชัยชนะก็เกิดขึ้นในพริบตา จึงเป็นเหตุการณ์ที่หลายฝ่ายให้ความสนใจ”
แมรีโรสใช้เวลาไม่ถึงสามนาทีในการเด็ดปีกทั้งสองข้างของเซนอน
กล่าวคือ พลังของเธอเหนือกว่าสิ่งที่ประวัติศาสตร์กล่าวขานไว้มาก จนทำให้อดคิดไม่ได้ว่า คำสาปที่เธอได้รับ คือสิ่งจำเป็นเพื่อให้โลกนี้ยังรักษาความสมดุลไว้ได้
“ปัจจุบัน เรย์ดันกำลังได้รับความสนใจในระดับที่พวกเราคาดไม่ถึง”
“ที่นั่นกำลังจะกลายเป็นงานเลี้ยงของมังกร หากพวกเราย้อนกลับไป ก็ไม่ต่างอะไรกับการนำตัวเองไปเสิร์ฟถึงที่ หอคอยซึ่งมีประวัติศาสตร์กว่าหนึ่งพันปีจะดำเนินมาถึงจุดจบ”
“บัดซบ! ทำไมถึงเพิ่งมาบอกเอาป่านนี้!? ถ้าข้ารู้ตั้งแต่แรก คงใช้กำลังพาเซนอนกลับมาแล้ว”
เซนอนเป็นมังกรระดับต่ำ
ไม่เพียงจะได้รับผลกระทบจากการใช้วาจามังกรอย่างต่อเนื่อง มันยังสูญเสียปีกทั้งสองข้าง อยู่ในระดับที่สภาหอคอยสามารถทำให้สลบและใช้กำลังพากลับ
หากนำกลับมาได้แบบยังมีชีวิต นั่นจะเป็นประโยชน์กับสภาหอคอยมาก แต่ท้ายที่สุด ภารกิจกลับล้มเหลว และนั่นทำให้บีบันเจ็บปวดหัวใจ
“แล้วพวกเราจะยืนดูอยู่เฉยๆ หรือ?”
เค็นที่ยืนกอดอกและปิดปากเงียบมาตลอด พูดแทรกขึ้นมา
มันคือหนึ่งในสามสุดยอดอัจฉริยะแห่งสภาหอคอย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในฐานะ ‘เจ้าแห่งการทะลวง’ เค็นสามารถโจมตีทะลุการป้องกันสัมบูรณ์และเกล็ดหนาของมังกรได้ง่ายดาย สร้างแรงปะทะภายในที่หนักหน่วง หากเล็งโจมตีใส่หัวใจมังกรในมุมและองศาที่ถูกต้อง ต่อให้เป็นมังกรระดับสูงก็ยังต้องชะงักไปชั่วครู่
มันไม่ชอบสถานการณ์ที่ทำได้เพียงเฝ้ามองโดยไม่สามารถลงมือ
ฮายาเตะทำให้บรรยากาศสงบลง
“เรายังมีโอกาส”
บีบันและเค็นกระดิกหูพร้อมกัน
ในทางกลับกัน สีหน้าของสภาหอคอยคนอื่นไม่สู้ดีนัก
เพราะพวกมันทราบดี โอกาสที่ว่าของฮายาเตะหมายถึงสิ่งใด
***
“ติดกับจนได้”
บราฮัมเผยสีหน้าแข็งทื่อสักอยู่สักพักก่อนจะเปิดปากพูด ความหงุดหงิดทำให้ใบหน้าอันสง่างามดูคมชัดและลงตัว
“ก่อความวุ่นวายเพื่อล่อให้ข้าคนนี้ตกอยู่ในดงมังกร… สมกับที่เป็นแมรีโรส สมแล้วที่สืบทอดพลังมาจากท่านแม่”
โฮกกกก!!
เสียงคำรามดังกังวาน
เมื่อตรวจจับด้วยสัมผัสเวทมนตร์ บราฮัมพบว่านั่นเป็นเสียงที่ดังมาจากชั้นบรรยากาศ
กล่าวคือ เจ้าของเสียงมีพลังในระดับที่ใกล้เคียงปาฏิหาริย์
เป็นอีกครั้งที่มันได้ตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของสิ่งมีชีวิตนามว่ามังกร
แต่กลอุบายอันชั่วร้ายของแมรีโรส ที่วางกับดักล่อให้ตนมาอยู่ในดงมังกรนั้นยอดเยี่ยมยิ่งกว่า
> นึกว่าใครที่ไหน ที่แท้ก็บุตรแห่งเบริอาเช่
เซนอนกล่าวเสียงเรียบด้วยความสิ้นหวัง
นั่นเพราะบริเวณโดยรอบ ถูกเหล่าพี่น้องของมันล้อมไว้ด้วยกระแสพลังเวทจำนวนมาก จนเกิดเป็นห้วงมิติเวทมนตร์หนาสองสามชั้น
หมดสิทธิ์หลบหนีโดยสิ้นเชิง
ทำได้เพียงรอคอยความตาย
จากในสามตัวนั้น ใครจะได้กินเรา?
นั่นคือความสงสัยสุดท้ายของเซนอน
“อย่าเอ่ยชื่อท่านแม่ด้วยปากสวะของเจ้า”
> พยายามยั่วยุข้าเพื่อให้ตายคาที่โดยไม่ต้องทรมาน? ไม่ได้ผลหรอก ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้า ความสุขครั้งสุดท้ายในชีวิตข้าคือการได้เฝ้ามองจุดจบอันน่าสมเพชของเจ้า จากนั้น ตัวข้าจะเกิดความกลัวจากก้นบึ้งเมื่อสัมผัสถึงความตายที่มิอาจเลี่ยง
บราฮัมโด่งดังกว่าที่ตัวเองคิด
มังกรเกือบทุกตัวรู้จักมัน
ผู้ที่หารังของทราวก้าพบ ลอบเข้าไป และขโมยสมบัติออกมา
การตรวจพบรังทราวก้า การซ่อนตัวอยู่ในรัง และการขโมยสมบัติออกมา
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ล้วนบ้าบิ่นสิ้นดี
เนื่องจากยังมีชีวิตรอดหลังจากปล้นรังทราวก้าสำเร็จ เซนอนจึงมองว่าบราฮัมคงแข็งแกร่งเป็นรองเพียงแมรีโรส แต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตนไม่ว่าจะมีพลังแบบใด
“อย่าคิดอะไรเพ้อฝันจะดีกว่า”
ท่าทีของบราฮัมแปลกประหลาดเกินกว่าที่เซนอนจะเข้าใจ
อีกฝ่ายดูเป็นคนหวงแหนชีวิต แต่กลับด่าทอตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าอย่างเทียบไม่ติดด้วยถ้อยคำหยาบคาย
มันมิอาจทำความเข้าใจสามัญสำนึกของอีกฝ่ายได้เลย
‘ช่างเถอะ เลิกโต้เถียงดีกว่า’
เซนอนตัดสินใจปล่อยให้คำสบถของบราฮัมเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
ใช่แล้ว คำสบถ
ทุกคำที่บราฮัมพ่นออกมาคือคำสบถ
แน่นอน
คนที่กระโดดเข้าหาความตายด้วยตัวเอง
ราวกับถูกบางสิ่งสิงสู่ บราฮัมทำเรื่องโง่ๆ อย่างการส่งตัวเองมาตกอยู่ในวงล้อมมังกรสามตัว
เป็นความซวยในระดับที่ใกล้เคียงกับการถูกฟ้าผ่านับร้อยครั้งในยามแดดออก
คนที่ซวยขนาดนั้น จะทำอะไรได้นอกจากสบถ?
‘เขียว ฟ้า เทา…’
เซนอนที่เพิกเฉยคำสบถของบราฮัม กะเกณฑ์ตัวตนของผู้ไล่ล่าที่ใกล้เข้ามา
ทุกตัวอยู่ในระดับเดียวกับมัน
ทายาทของมังกรระดับสูง
สองตัวเพิ่งโตเต็มวัย หนึ่งตัวมีชีวิตมานานกว่าสามพันปี
และข้อเท็จจริงที่ว่า ตัวที่แก่ที่สุดมีสีเทา ทำให้ความหวังอันริบหรี่ของเซนอนพังทลาย
สีเทา
เป็นลูกครึ่งที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์
เฉกเช่นเซนอน หากเทียบกับสายพันธุ์บริสุทธิ์ มังกรพันธุ์ผสมจะมีลมหายใจเบากว่า เนื่องจากขาดความเด่นชัดของธาตุ
การตระหนักถึงจุดอ่อนของตัวเอง คือพื้นฐานสำคัญในการเอาชีวิตรอด
มังกรสีเทาที่มีอายุกว่าสามพันปี?
หมายความว่า ท่ามกลางศึกกลางเวหาที่ยากลำบากนับไม่ถ้วน อีกฝ่ายสามารถสั่งสมภูมิปัญญาได้มากมาย หรือไม่ก็โชคดีได้กินพ่อแม่ตัวเอง
หลังจากกินเซนอนเข้าไป มีโอกาสสูงมากที่คุณสมบัติธาตุของมันจะถูกปรับปรุงจนกลายเป็นมังกรระดับสูง บางทีอาจกลายเป็นมังกรศิลาตัวที่สองในอนาคตอันใกล้
‘มังกรแบบนั้นไม่มีทางประมาท’
ราวกับต้องการจะพิสูจน์ว่าคำพูดเซนอนถูกต้อง
วาบ!
ดวงดาวขนาดมหึมาสว่างขึ้นที่ปลายขอบฟ้า
ประหนึ่งอุกกาบาตก็มิปาน
โฮกกกกกก!!
ตัวตนของสิ่งที่พุ่งเข้ามาใกล้พร้อมกับร้องคำราม คือลำแสงสีเทา
ลมหายใจมังกรเทา
มันคิดจะจบทุกสิ่งโดยเร็ว เพราะทราบว่าที่นี่กำลังดึงดูดความสนใจจากทุกฝ่าย
คล้ายกับอีกสองตัวก็คิดแบบเดียวกัน พวกมันลงมือในอีกหนึ่งจังหวะถัดมา
ลมหายใจสองเส้นพุ่งลงมาจากด้านหลัง
‘การขัดขืนรังแต่จะสร้างความเจ็บปวด’
เซนอนไม่มีความหวังมาตั้งแต่ต้น มันไม่คิดต่อต้าน ทำเพียงหลับตาลงและรอรับความตายแต่โดยดี
จนกระทั่งมันได้ยินเสียง
“จะมัวแต่สวดวิงวอนไปถึงไหน?”
เสียงที่ปราศจากความกลัวของบราฮัม
ตรงกันข้าม เสียงดังกล่าวเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
> …!!
ดวงตาของเซนอนที่ลืมขึ้นอีกครั้ง พลันเบิกกว้างทันที
นั่นเพราะมันพบว่า ส่วนหนึ่งของห้วงมิติเวทมนตร์สามชั้นเริ่มพังถล่ม
พูดว่า ‘ทำลาย’ คงไม่ถูกต้องนัก
ใกล้เคียงกับการลงมือรื้อถอน หลังจากทำความเข้าใจโครงสร้างเชิงเวทมนตร์อย่างทะลุปรุโปร่ง
นี่มิใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
หากเซนอนไม่ยอมถอดใจ และหากมีเวลามากพอ มันเองก็สามารถผ่าห้วงมิติเวทมนตร์สามชั้นได้เช่นกัน
เพราะมังกรคือเจ้าแห่งเวทมนตร์
สิ่งที่น่าตกตะลึงคือความเร็ว
ความเร็วที่บราฮัมซึ่งเป็นแค่แวมไพร์ ไม่ใช่มังกร ใช้ในการสลายห้วงมิติเวทมนตร์ สูงกว่าที่เซนอนคำนวณไว้ถึงสามเท่า
> องค์ความรู้ที่แมรีโรสสืบทอดมา… เป็นเพียงบางส่วน?
สามอสูรต้นกำเนิด
ความรู้ของพวกมัน ซึ่งถือกำเนิดช้ากว่าเทพต้นกำเนิดและมังกรโบราณเพียงเล็กน้อย กว้างขวางยิ่งกว่ามหาสมุทรทั้งโลกรวมกัน
การนำมาใช้ประโยชน์นั้นเป็นอีกเรื่อง แต่ในแง่ศักยภาพทางปัญญา สามอสูรต้นกำเนิดย่อมมีมากกว่ามังกรส่วนใหญ่
และทายาทของตัวตนดังกล่าวกำลังอยู่เบื้องหน้าตน
แววตาของเซนอนที่จ้องมองบราฮัมเปลี่ยนไปเล็กน้อย ความไม่เชื่อใจมลายหาย เกิดเป็นความหวังอย่างเลือนราง
บึ้มมมมมมม!!
ลมหายใจสามเส้นปะทะเข้ากับห้วงมิติเวทมนตร์เข้าอย่างจังจนแหลกเป็นเถ้าถ่าน
บราฮัมและเซนอนปรากฏตัวอีกครั้งในตำแหน่งที่ไกลจากจุดเกิดเหตุมาก
แม้จะไม่มีเวลาเปิดประตูมิติ แต่ก็ยังพอจะเทเลพอร์ตระยะสั้นได้
อย่างไรก็ดี พวกมันมิอาจรอดพ้นจากการโจมตีโดยสมบูรณ์ ทำได้เพียงหลีกเลี่ยงจุดตาย
“ส่งมาให้ข้า”
บราฮัมที่ซ่อมแซมบาเรียคุ้มกายที่แตกกระจายของตน เหยียดแขนมาหาเซนอน
สายเลือดของเจ้านี่ไม่ขี้โกงไปหน่อยหรือ? ทั้งที่เปื้อนเลือดและพังยับเยิน แต่มือของมันกลับช่างงดงาม
“หัวใจของเจ้า”
บราฮัมตระหนักได้ชัดเจนว่าเซนอนโคจรพลังเวทได้ช้ากว่าตน จึงมั่นใจว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บหนักมากกว่าแค่ถูกเด็ดปีก
“ข้าอยู่ในสภาพดีกว่าเจ้า”
แต่ไหนแต่ไร บราฮัมไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกับเซนอน
“แทนที่จะตายอย่างเปล่าประโยชน์ สู้ลากศัตรูที่บีบคั้นให้เจ้าต้องจนตรอก ลงนรกไปพร้อมกันไม่ดีกว่าหรือ?”
บราฮัมไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกและชีวิตของเซนอน สนใจเพียงประสิทธิภาพสูงสุด
> ความโอหังช่างสูงเสียดฟ้า เจ้าคิดว่าตัวเองจะเอาชนะมังกร เพียงเพราะได้หัวใจของข้าไปอย่างนั้นหรือ?
ในเวลาเดียวกัน มังกรสามตัวที่บินมาถึงจุดเกิดเหตุต่างพากันพ่นลมหายใจ
พวกมันอาจเป็นคู่แข่งที่คอยระแวดระวังกันเองตลอดเวลา แต่อย่างน้อยในวินาทีนี้ ทั้งสามล้วนสามัคคีกันเย้ยหยันบราฮัม
บราฮัมเอียงคอสงสัย
“ข้าไม่เคยบอกว่าจะสู้กับเจ้าพวกนี้”
> …?
เซนอนหมดคำจะกล่าวทันที
เมื่อครู่ อีกฝ่ายเพิ่งโน้มน้าวให้ตนมอบหัวใจเพื่อจะลากมังกรที่เหลือลงนรกไปพร้อมกัน แต่ยามนี้กลับพลิกลิ้นอย่างหน้าไม่อาย
บราฮัมอธิบายเสริม
“ข้าจะเชือดแมรีโรสต่างหาก นังนั่งไม่ใช่หรือที่ทำให้เจ้าต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้?”
> …
นั่นก็ใช่
แต่เซนอนยังคงกระอักกระอ่วนและขื่นขมด้วยเหตุผลบางประการ
เป็นความหงุดหงิดยิ่งกว่าเมื่อครั้งสภาหอคอยหลอกว่าจะช่วย แต่สุดท้ายก็เผ่นหนีไปก่อน
บรรยากาศอันน่าอึดอัดเกิดขึ้นเพียงไม่นาน
เป็นไปตามที่เซนอนคาด เหล่ามังกรไม่ปล่อยเวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์
พวกมันรุมโจมตีเซนอนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายโดยเร็ว ไม่มีใครสนใจบราฮัมแม้แต่น้อย เปรียบดังแมลงข้างทางที่ไม่ควรค่าแก่การใส่ใจ
‘นึกแล้วเชียว’
ไม่มีช่องว่างให้เข้าไปแทรก
บราฮัมที่ส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง ตัดสินใจเปิดประตูมิติเพื่อออกจากจุดเกิดเหตุ
ทันใดนั้นเอง
> จะไม่มีใครออกไปจากที่นี่ได้
คำประกาศิต
กฎเกณฑ์ที่แข็งแกร่งถูกสร้างขึ้นโดยไม่มีเหตุผลสนับสนุน
ประตูมิติของบราฮัมปิดลงโดยมิอาจต่อต้าน
“…”
บราฮัมปิดปากสนิท
ความเย็นเยียบกัดกินไปถึงแผ่นหลัง มันหวนนึกถึงฝันร้ายที่เคยต้องเผชิญ
มังกรเพลิงทราวก้า
บราฮัมนึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของอีกฝ่าย พลังที่สามารถก้าวข้ามสามัญสำนึกทั้งหมดของมนุษย์
มีบางตัวตนกำลังซ่อนอยู่ที่ใดสักแห่งไม่ห่างออกไป
ตัวตนที่มิอาจสัมผัสถึง แต่สามารถปลุกความทรงจำอันเลวร้ายจากก้นบึ้งให้ตื่นขึ้น
‘ไม่รอดแน่’
ทุกคนที่นี่ รวมถึงตัวมันเอง กำลังจะหายไปในอีกไม่ช้า
______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059 ★ ★ จบบริบูรณ์ ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ
กริดมาซักทีเถอะขอร้องงงงง~
ReplyDelete