จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,581
เราไม่ต้องพยายามแล้วก็ได้นี่?
กริดกำลังคิดเช่นนี้
นั่นเพราะมันกำลังเห็นจิสึกะฉีกยิ้มกว้าง
คนที่มีความสุขเพียงเพราะคำให้กำลังใจคำเดียว
การมองดูเธออยู่ห่างๆ ก็ทำให้กริดมีความสุขได้เช่นกัน
ราวกับความยากลำบากที่ผ่านมาทั้งหมด ถูกตอบแทนแล้วในวินาทีนี้
ภาระหน้าที่และความรับผิดชอบ ถือเป็นสิ่งที่หนักอึ้ง
มันแทบไม่มีเวลาแบ่งปันความสุขกับคนที่ตัวเองรัก เช่นนั้นแล้ว ตนควรเอาแต่มองหน้าข้างและวิ่งต่อไปเช่นนี้หรือ?
ชายหนุ่มได้แต่นึกสงสัย
ทว่า นั่นก็แค่ชั่วครู่
กริดหันไปมองจักรวรรดิที่ตนสร้างมากับมือ
พวกพ้องที่พึ่งพาได้ ทหารที่ภักดีและยอมสละชีพ ประชาชนที่ส่งเสียงเชียร์อย่างมีความสุข
ชายหนุ่มหวนนึกถึงเหล่าผู้ที่คอยศรัทธาและติดตามตน ก่อนจะเลื่อนมือมากุมหัวใจที่กำลังสั่นระรัว
‘ความคิดที่จะพัก… ยังไม่ถึงเวลา’
อันดับแรก ต้องฆ่าบาเอลให้ได้เสียก่อน
มนุษยชาติจะไม่มีความฝันหรือความหวัง หากนรกที่ถูกบาเอลบิดเบือนยังไม่กลับสู่สภาพเดิม
ทุกคนได้ทราบแล้วว่า ความตายไม่ใช่การพักผ่อน หากแต่เป็นจุดเริ่มต้นของความทุกข์ระทมชั่วนิรันดร์
เหตุผลเดียวที่ยังแสร้งทำตัวปรกติ เพราะพวกมันล้วนเชื่อใจกริดและโอเวอร์เกียร์
พวกมันดำรงชีวิตด้วยความเชื่อที่ว่า กริดและจักรวรรดิโอเวอร์เกียร์จะช่วยพวกตนเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
‘…จะว่าไป เรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นบ่อย’
การมองดูจิสึกะทำให้เราคิดได้หลายสิ่ง…
เหตุใดมันถึงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง กริดเพิ่งเข้าใจอย่างชัดเจน
‘เราคงชอบจิสึกะมาก’
ชอบมากจนมักนึกถึงอนาคตร่วมกัน
ด้วยเหตุนี้ ความคิดจึงเอ่อล้นมากผิดปรกติ บางครั้งก็บิดเบี้ยวจนทำให้ตัดสินใจผิดพลาด
เฉกเช่นครั้งแรกที่เคยบอกเลิกอีกฝ่าย
เป็นพฤติกรรมที่มักแสดงออกในความสัมพันธ์ของมือใหม่
‘สงบใจเข้าไว้’
หัวใจกริดย่อมต้องคิดถึงจิสึกะอย่างมิอาจเลี่ยง
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่รูปลักษณ์
แต่เป็นเพราะว่า จิสึกะคือคนแรกที่ค้นพบและตระหนักถึงคุณค่าของกริด
และยังเป็นคนที่นำพากริดซึ่งอุปนิสัยบกพร่อง ให้กลับมาทำตัวเป็นมนุษย์มากขึ้น
บางที กริดอาจตกหลุมรักจิสึกะมาตั้งแต่ต้น
ทว่า เนื่องจากความสัมพันธ์เริ่มต้นในฐานะเพื่อน กว่าจะรู้ตัวก็ผ่านไปนาน
จังหวะต่างๆ เองก็ดูจะผิดไปหมด
แผลใจจากรักแรกอย่างอาฮยอง ทำให้กริดไม่เชื่อใจผู้หญิงจริงๆ และเลือกแต่งงานกับไอรีน
ความสัมพันธ์กับจิสึกะจึงไม่ และไม่สามารถราบรื่นได้
แต่ในอนาคต มันจะแตกต่างออกไปแน่นอน
“…!”
กริดที่สาบานกับตัวเองในใจ เงยหน้าขึ้น
เดสทรอเยอร์
ท่าไม้ตายใหม่ของป็อนดึงดูดความสนใจจากชายหนุ่ม
‘เป็นท่าที่เข้าขั้นโกง… บังคับใช้ชุนโปหลบอย่างเดียว’
ทักษะที่สามารถดึงดูดและปลดปล่อยโพรเจกไทล์จำนวนมากกลับไปด้วยสนามแม่เหล็ก
เป็นพลังที่สามารถกระตุ้นให้โลกของเหนือมนุษย์ทำงาน
กล่าวได้ว่า มันคือทักษะที่เป็นหน้าเป็นตาให้กับคลาสทั่วไป
‘หลังจากการพัฒนาคลาสครั้งที่ห้าเป็นต้นไป…’
คำพูดของประธานลิมชอลโฮที่กล่าวว่า ช่องว่างระหว่างคลาสลับและคลาสปรกติจะแคบลง ดูเหมือนจะเกิดขึ้นจริงในตอนนั้น
คิดถึงตรงนี้ ใบหน้ากริดเผยความกังวล
มันเริ่มจินตนาการถึงความพ่ายแพ้ของจิสึกะ
แต่ไหนแต่ไร กริดอวยพรให้ป็อนได้รับชัยชนะเสมอ แต่ครั้งนี้เป็นข้อยกเว้น
มันไม่อยากเห็นจิสึกะหดหู่
ราวกับสายลมแห่งการวิงวอนพัดผ่าน
“หมื่นบุปผาท่วมฟ้า*” (แก้ไขชื่อ)
จิสึกะสำแดงฝีมือที่แท้จริงของอริยศร
เธอยับยั้งลูกธนูนับร้อยที่ถูกขว้างกลับมา จากนั้นก็สวนกลับด้วยพายุลูกศร
เป็นการพลิกเกมในจังหวะเดียว
ก้นของกริดที่แนบติดกับบัลลังก์ สั่นระริกแผ่วเบา
มันตกใจจนเกือบจะลุกจากที่นั่ง
‘นั่นไม่ใช่แค่ทักษะควบคุมลูกศร’
สิ่งนี้ใกล้เคียงกับ จินตภาพ
แนวคิดเชิงนามธรรมและสสารถือกำเนิดขึ้นจากขอบเขตความคิดของเธอ
หิน หญ้า ฝุ่น ลม มานา แม้กระทั่งคลื่นพลังที่หลงเหลือของเดสทรอเยอร์
ทุกสิ่งตอบสนองต่อเจตจำนงของจิสึกะ แปรเปลี่ยนเป็นความทรงจำและหมุนวน
เป็นพลังทำลายที่น่าทึ่งมาก
ตามชื่อของมัน หมื่นบุปผาท่วมฟ้าทำให้ผืนนภาท่วมท้นไปเม็ดฝนดอกไม้ - เลือดของป็อนที่ดูเหมือนดอกไม้สีแดง
‘สุดยอดมาก พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว’
เป็นความรู้สึกที่มีต่อทั้งจิสึกะและป็อน
กริดสัมผัสได้ว่า คนทั้งสองจะเป็นกำลังให้ตนได้มากในวิกฤติที่กำลังจะเกิดขึ้น
ถัดมา
เรกัสกับดาเมี่ยน
พีคซอร์ดกับยูเฟอมิน่า
เฟคเกอร์กับฮูเร็น
แวนเนอร์กับฮิวรอย
เซ็ดนอสและซีบาล
ยิ่งการแข่งดำเนินไป ไหล่ของกริดก็ยิ่งรู้สึกเบาลง
ดูเหมือนว่าความรับผิดชอบที่ต้องแบกรับ ค่อยๆ ลดลงไปทีละนิด
กริดคือหนึ่งในคนที่ตื่นเต้นที่สุด ที่รอชมฝีมือของพวกพ้องซึ่งแข็งแกร่งขึ้นมากหลังจากมหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูร
‘น่าเสียดายแทนดาเมี่ยน แต่ว่า… ในไม่ช้าก็เร็ว เขาจะค้นพบคำตอบ และคู่ต่อสู้คราวนี้ก็แย่ไปหน่อย’
นอกจากนั้น ฮิวรอยที่ต่อสู้บนหลังไวเวิร์นด้วยคำด่าทอจากระยะไกล ก็ยังแข็งแกร่งเกินกว่าสิ่งที่คนทั่วไปเคยจินตนาการ
ดูเหมือนว่า ฮิวรอยเริ่มทำตัวสมกับเป็นผู้เล่นคนแรกที่ได้รับคลาสรองขึ้นมาบ้างแล้ว
ฮูเร็นที่ครั้งหนึ่งเคยถูกตราหน้าว่า ‘หมดแล้ว’ กำลังสำแดงความยิ่งใหญ่ไม่แพ้ยุคทองของตน
สามารถใช้เสียงทำให้ทักษะการพรางตัวของเฟคเกอร์อ่อนแอลงในระดับหนึ่ง
ทั้งสองได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชมอย่างล้นหลาม
เป็นการหักหน้าคนที่สบประมาทว่าการต่อสู้จะน่าเบื่อเข้าอย่างจัง
ในทางกลับกัน ดาเมี่ยนเผยความอ่อนแอให้เห็น
แตกต่างจากสมัยที่ยังเป็นสันตะปาปาซึ่งมีคุณสมบัติทั้งความถึกทนและเวทมนตร์ที่ยอดเยี่ยม จนหลายคนถึงกับเรียกว่าแมลงสาบ นอกจากนั้นยังมีฝีมือการแทงค์และวิชาดาบที่น่าสนใจ แต่ปัจจุบัน ดาเมี่ยนเป็นได้เพียงนักดาบ
ท่ารำดาบผสานสามชนิดที่ศาสดาแห่งโบสถ์เทพโอเวอร์เกียร์สำแดงนั้นทรงพลังอย่างมาก เรียกได้ว่าโดดเด่นในหลากหลายอีเวนต์ใหญ่
เพียงแต่ว่า
ในคราวนี้ มันต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ค่อนข้างเลวร้าย
เรกัส
สำหรับมัน ดาเมี่ยนเป็นเหมือน ‘กริดที่ลดระดับ’ มากกว่า
ดาเมี่ยนซึ่งเอาแต่บูชาและไล่ตามเงากริดมาเป็นเวลานาน มิใช่ภัยคุกคามในสายตาเรกัส
ความรู้สึกไม่ต่างจากการสู้กับกริดในอดีต
มีหลากหลายกลยุทธ์ในการรับมือ
นอกจากนั้น ในระยะหลัง เรกัสยังเพิ่มความเข้มข้นในการฝึกให้ตัวเอง
เฉกเช่นสมัยที่เคยถูกเรียกว่า ‘มือหนึ่งแห่งเซดากาห์’ เรกัสพยายามใช้วิธีการต่างๆ เพื่อขัดเกลาความชำนาญของตน
ในสายตาคนอื่น พฤติกรรมของเรกัสใกล้เคียงกับความเหลวไหล ดังนั้นบรรดาเพื่อนเก่าจึงมักพูดว่า ‘เรกัสป่วยอีกแล้ว’ เมื่อเห็นการฝึกสุดพิสดารที่อีกฝ่ายสรรหามาทำ
แต่ผลลัพธ์กลับยอดเยี่ยมมาก
เคล็ดลับที่เรกัสใช้ปราบดาเมี่ยนอย่างง่ายดายก็คือ การนำหลัก ‘สมดุลรุกรับ’ มาประยุกต์ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการเพิ่มค่าสถานะให้ตัวเองอย่างมหาศาลจากผลของไอเท็ม ซึ่งสาวกโบสถ์โอเวอร์เกียร์ทุกคนจะได้รับผลประโยชน์นี้ จากนั้นก็ฝึกหนักเพื่อให้คุ้นเคยกับสภาพดังกล่าว
นอกจากนั้น เรกัสยังเชี่ยวชาญในการขัดขวางท่ารำดาบบางชนิดของโบสถ์เทพโอเวอร์เกียร์
เพราะเดิมที ท่ารำดาบเทพโอเวอร์เกียร์ที่สาวกใช้ ก็คือท่ารำดาบรุ่นลดระดับของเทพโอเวอร์เกียร์
ข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของท่ารำดาบก็คือ ระยะหน่วงของแต่ละทักษะนานมาก
เป็นความซวยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเรกัสที่สามารถโจมตีต่อเนื่องโดยไม่หยุดพักด้วยคุณสมบัติ ‘การทำคอมโบ’
“ว้าว!!”
เสียงเชียงของผู้ชมค่อยๆ ดังขึ้น
ฉากที่น่าเสียดายกับกริด สำหรับพวกมันแล้วค่อนข้างสนุกสนาน
ผู้ชมพึงพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในการประลองพอสมควร
ดราโกเนี่ยนลอร์ด ออร์คลอร์ด และราชาดาร์กเอลฟ์
ปัจจุบัน ทุกคนกำลังทวีความคาดหวังในตัวในสามราชาแห่งเผ่าพันธุ์
แม้แต่ฮิวรอยกับฮูเร็นก็ยังแสดงฝีมือที่เหนือความคาดหมายของทุกคนได้
เช่นนั้นแล้ว ฝีมือของทั้งสามราชาก็คงสร้างความตะลึงพรึงเพริดได้ไม่น้อย
ขณะเดียวกัน พวกมันก็นึกสงสารผู้เล่นอีกหนึ่งคน
แค็ทซ์
ไม่เพียงเท่านั้น ประหนึ่งจับสลากได้ระเบิด แค็ทซ์ต้องสู้กับเทรูชาน
ไม่มีคำใดจะบรรยายนอกจากดวงซวย
‘ถ้าเป็นไปได้ อยากสู้กับดราโกเนี่ยนลอร์ดมากกว่า’
ความคิดเทรูชานก็ไม่ต่างกัน
มันคือราชาแห่งออร์คทั้งปวง
หากไม่ใช่เพราะเป็นลูกน้องกริด มันคงเรียกขานตัวเองว่า ‘ลอร์ด’ ได้เต็มปาก
มันมองว่าชาวโอเวอร์เกียร์เป็นขุนพลที่ไว้ใจได้
ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น
แม้จะประเมินว่าอีกฝ่ายยังเป็นรองตน แต่ก็พอจะฝากฝังให้ทำงานบางอย่างจนลุล่วงได้
นั่นคือเหตุผลที่สายตาของมันหันไปทางบันส์เดล ซึ่งนั่นรออยู่ด้านล่างเวที
เทรูชานไม่ได้สนใจแค็ทซ์ตรงหน้ามากนัก
ไม่มีความคิดที่จะสู้ด้วยซ้ำ มองเป็นเพียงงานที่น่าเบื่อ
จากนั้น เสียงของแค็ทซ์ดังขึ้น
“ฉันไม่ได้มีงานอดิเรกเป็นการเชือดคอหมูสักหน่อย”
จากบรรดาชาวโอเวอร์เกียร์ มีหลายคนที่ ‘เพี้ยน’ เกินขอบเขตของคนทั่วไป
เฉกเช่นกริด มีคนจำนวนไม่น้อยที่บกพร่องทางนิสัย และหนึ่งในนั้นคือแค็ทซ์
จริงอยู่ เมื่อเทียบกับสมัยก่อน แค็ทซ์เป็นคนดีขึ้นมากแล้ว แต่มันก็ไม่ใช่ไอ้งั่งที่จะพูดดีกับศัตรูที่ไม่เห็นหัวตน
เทรูชานก้มศีรษะให้กับแค็ทซ์ที่กำลังแสยะยิ้ม
“ข้าเสียใจ ข้าทำตัวเสียมารยาทในฐานะนักรบ”
ออร์คสนธยาคือสายพันธุ์ผู้ปกครอง
พวกมันปกครองออร์คทั้งหมด และครั้งหนึ่งเคยพยายามปกครองมนุษย์
มันนับถือนักรบมากพอๆ กับการนับถือความแข็งแกร่ง
การก้มหัวของเทรูชานมิได้แฝงความหมายลึกซึ้ง
มันไม่ได้ลดศักดิ์ศรีตัวเองลง เพียงทักทายตามพิธี
“หวังว่าเจ้าจะเป็นนักรบคนหนึ่ง”
เทรูชานกล่าวยั่วยุตามสันดาน
สันดานของเผ่าพันธุ์ผู้ปกครอง
ชิ้ง!
เมื่อแสงสีแดงสว่างขึ้นในมือแค็ทซ์ ดาบเล่มหนึ่งโผล่ออกจากความว่างเปล่า
เทรูชานได้กลิ่นเลือดคละคลุ้ง
“ต้องอย่างนี้สิ ฉันชักชอบนายแล้ว คงไม่รู้สึกผิดมากนักเวลาฆ่าทิ้ง”
เป็นแค็ทซ์ที่พูดออกไป
ตึง!
เทรูชานพุ่งชาร์จ
เป็นพฤติกรรมตามสัญชาตญาณ เฉกเช่นสัตว์ป่าที่มักเป็นฝ่ายแยกเขี้ยวออกมาก่อน ดูเหมือนว่ากลิ่นเลือดจากแค็ทซ์จะรุนแรงถึงเพียงนั้น
บึ้มมมม!!!
รุ่นยกระดับของ ‘ความผิดพลาด’
ดาบยักษ์ทรงฉลามสีเข้มปะทะเข้ากับดาบเลือดจนเกิดเสียงระเบิด
อันที่จริง ฝั่งที่ระเบิดคือดาบของแค็ทซ์
ดาบอันคมกริบแตกกระจายในพริบตา โลหิตพรั่งพรูออกมาราวกับน้ำพุ
สีหน้าเทรูชานทวีความกระด้าง
มันใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อดึงดาบที่ถูกแรงระเบิดผลักกลับมาโดยเร็ว
แต่ก็สายเกินไป
เลือดที่ติดอยู่บนท่อนแขนหนาๆ ของมัน พยายามดึงร่างกายส่วนบนของเทรูชานให้ล้มลงไปยังพื้นเวทีด้านหลัง
“คุรุก…!”
เทรูชานที่มีเส้นเลือดปูดขึ้นมาตรงคอ กัดฟันและฝืนขัดขืน
มันเกร็งคอตั้งตรงพลางก้าวถอยหลังพร้อมกับแขนทั้งสองข้าง
เปรี้ยง!
แค็ทซ์รู้สึกคล้ายกับถูกยิงด้วยปืนใหญ่
ร่างของแค็ทซ์ที่เตรียมแทงดาบเลือดเล่มใหม่ลงในร่างเทรูชาน ลอยกระเด็นในทันที
นั่นเพราะลูกเตะของเทรูชานกระแทกใส่ท้องเข้าอย่างจัง
เป็นท่าโจมตีลับ
ดวงตาเทรูชานที่จ้องเข้าไปในดวงตาแค็ทซ์ ไม่สั่นไหวแม้แต่น้อยในยามที่ยกเท้าเตะ
สำหรับแค็ทซ์ การโจมตีเมื่อครู่พุ่งมาจากจุดบอดพอดิบพอดี
“ฮู่!”
เทรูชานที่พ่นลมหายใจออกทางจมูก ทำการตัดเส้นเลือดที่พันธนาการแขนทั้งสองข้าง
ทันทีที่สมาธิของแค็ทซ์ลดลง แรงพันธนาการของเส้นเลือดก็น้อยลงเช่นกัน
“แค็ทซ์ ข้ายอมรับว่าเจ้าเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่!”
เส้นเลือดหนาๆ ของเทรูชานปูดขึ้นทั่วร่างกายพร้อมกับกล้ามเนื้อ
พลังเวทสีดำที่ระเบิดออกมาพร้อมกัน มีลักษณะแตกต่างจากปราณอสูร
นี่คือปราณอันเป็นเอกลักษณ์ของออร์คสนธยา
ตึง!!
หนึ่งก้าวของเทรูชานทำให้พื้นเวทีเกิดรอยร้าว
เทศมนตรีแร็บบิทถอนหายใจยาว
แม้จะสร้างจากโลหะที่แพงที่สุด แต่เวทีก็ยังพังอยู่ดี
เป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่าเลยสักนิด
ตึงงง!!
ก้าวที่สองของเทรูชานทำให้เวทีพินาศยิ่งกว่าเดิม
การเคลื่อนไหวที่สามารถย่นระยะทางได้หลายสิบเมตร ดูไม่ต่างอะไรกับชุนโป
เฉกเช่นบันส์เดลที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นตัวตนที่ก้าวข้าม บรรดาราชาตนอื่นก็ไม่ต่างกัน
ขณะผู้คนกำลังชื่นชม
“สุริยคลาส”
ความมืดมาเยือนทันที
เป็นผลมาจากดวงจันทร์สีแดงซึ่งโผล่ขึ้นเหนือศีรษะแค็ทซ์และบดบังดวงอาทิตย์
ผิวพรรณซีดลง
ฟันกรามยาวขึ้น
ผ้าคลุมสีแดงสว่างที่สูบเลือดจากศัตรู
แวมไพร์ที่ซึ่งสืบทอดเลือดบริสุทธิ์ ด้วยวิธีที่แตกต่างจากแวมไพร์ทายาท
บางที นักรบแห่งเบริอาเช่อาจเป็นแวมไพร์ทายาทรุ่นแรก เพราะมันสามารถขจัดข้อเสียจากดวงอาทิตย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพร้อมกับการเสริมพลังให้ตัวเอง
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!
เลือดสีแดงและพลังปราณสีดำปะทะกันหลายสิบครั้ง
เลือดสีแดงที่กระจายตัว กลับมารวมกันอีกครั้งพร้อมกับพุ่งเข้าไปใหม่ ส่วนปราณสีดำยังคงโหมกระหน่ำดังพายุ
ไม่มีฝ่ายใดแสดงท่าทีว่าจะมลายหายไป
เป็นสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดเดาผลลัพธ์ได้เลย
ฉากอันยอดเยี่ยมตรงหน้าเกิดขึ้นนานหลายนาที
ดูราวกับเป็นการต่อสู้ที่ไม่มีวันจบ
อย่างไรก็ดี ขณะผู้คนเริ่มตระหนักว่าผ้าคลุมของแค็ทซ์ยาวขึ้นกว่าในตอนแรก
ตุ้บ!
เทรูชานทรุดคุกเข่า
เมื่อปราณสีดำที่รายล้อมประหนึ่งเกราะเริ่มแยกออกจากกัน เทรูชานมีสภาพอิดโรยราวกับอดอาหารมานานกว่าสิบวัน
เป็นผลมาจากการเสียเลือดจำนวนมากระหว่างต่อสู้
สำหรับนักรบแห่งเบริอาเช่ คุณสมบัติการดูดเลือดสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติประหนึ่งลมหายใจ
แตกต่างจากแวมไพร์ทายาทตัวอื่นที่ต้องใช้ฟันกัดเพื่อดูดเลือด หรือไม่ก็ใช้เวทมนตร์โจมตี แค็ทซ์ไม่ต้องทำอะไรเลย
ในฐานะตัวตนที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อปกป้องเบริอาเช่ นักรบแห่งเบริอาเช่นั้นใกล้เคียงกับความอมตะ
ไม่เช่นนั้นแล้ว คงไม่มีประโยชน์หากพวกมันทยอยล้มตายไปก่อนจะได้ปกป้องเป้าหมาย
“…มีตั้งหกคนเชียวหรือ?”
ลอร์ดดราโกเนี่ยน บันส์เดล ซึ่งเผยสีหน้าแข็งทื่อหลังจากดวงจันทร์บดบังดวงอาทิตย์ พึมพำกับตัวเองด้วยท่าทีเหม่อลอย
ในเมื่อตัดสินใจจะเป็นสุนัข มันก็ขอเป็นสุนัขที่ใกล้ชิดเจ้านายมากที่สุด แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ง่ายอย่างที่คิด
บันส์เดลเริ่มสัมผัสถึงวิกฤติ เมื่อทำการกะเกณฑ์ความแข็งแกร่งของอัครสาวกตัวจริงแห่งเทพโอเวอร์เกียร์ที่ไม่ได้เข้าร่วมการแข่ง
“…”
เหล่านักรบดราโกเนี่ยนที่เคยฮึกเหิมหลังจากถูกมนุษย์ต้อนรับอย่างอบอุ่น ปัจจุบันเอาแต่ปิดปากเงียบ
ถัดมา
ดราโกเนี่ยนลอร์ดเอาชนะดาร์กเอลฟ์
เมื่อพิจารณาถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ปิอาโร่และอดีตอัศวินสีชาดต้องร่วมมือกันเพื่อจับกุมราชาดาร์กเอลฟ์ หมายความว่าความแข็งแกร่งของดราโกเนี่ยนลอร์ดน่าจะทัดเทียมอัครเทวทูตเลยทีเดียว
ชาวโอเวอร์เกียร์บางส่วนเดาว่าบันส์เดลน่าจะกลายมาเป็นอัครสาวกคนสุดท้าย
ทว่า กริดไม่ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
หลังจากได้พบกับอิฟริต มุมมองของกริดก็กว้างขึ้นมาก จึงคิดจะเลือกอัครสาวกคนสุดท้ายด้วยความรอบคอบ
‘อย่างน้อยก็ต้องแข็งแกร่งกว่าเรา’
…แวะไปที่สุสานไร้ผู้สืบทอดดีไหม?
อย่างไรก็ดี ในวันนี้ กัปตันของทั้งสิบสองหน่วยถูกแต่งตั้งครบแล้ว
บรรดาผู้ที่ได้ประจักษ์พลังอำนาจของจักรวรรดิโอเวอร์เกียร์เต็มสองตา ต่างพากันสลัดความกลัวและเฝ้ารอวันที่มนุษย์จะได้สำรวจนรก
เป็นไปตามความตั้งใจของลอเอล
ขณะเดียวกัน ในนรก
“หือ…?”
ดวงวิญญาณของเบริอาเช่ที่ไม่ได้เคลื่อนไหวมานานนับร้อยปี เริ่มเปล่งแสงสลัว
“เจ้านั่นคือผู้พิทักษ์หอกเสือขาว… เราจะสู้กับมันแค่สองคนจริงหรือ?”
“ยังมีทางเลือกอื่นด้วยหรือไง? ข้าไม่อยากพึ่งพาสิบสองจักรราศีกับเทพสี่ทิศ”
“เรียกเทพโอเวอร์เกียร์มาช่วยไหม?”
“นี่ไม่ใช่เรื่องที่ควรขอความช่วยเหลือจากเขา”
“นั่นสินะ อย่างน้อยก็ได้ยินมาว่าเจ้านั่นอ่อนแอกว่ามีร์”
ณ ทวีปตะวันออก ฮวางกิลดงและเฒ่าดาบมารประสบความสำเร็จในการลอบแทรกซึมอาณาจักรปา
“เกิดความคาดหมายไปมากทีเดียว… ในอีกไม่ช้า เจ้าอาจเป็นช่างตีเหล็กที่เก่งกาจกว่าเทพโอเวอร์เกียร์”
“ข้ามิกล้าด้อยกว่ามนุษย์ที่ทรยศแอสการ์ดนั่นหรอก… ว่าแต่ พวกนั้นเป็นใคร…?”
“หน้าใหม่น่ะ สร้างอาวุธให้พวกเขาด้วย”
ณ แอสการ์ด เทวทูตตนใหม่กำลังแสดงฝีมืออย่างเต็มที่
______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059 ★ ★ จบบริบูรณ์ ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ
Comments
Post a Comment