จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,296



“จำนวนเหยื่อที่ถูกเจ้าสังหาร มีมากยิ่งกว่ายังบันทั้งหมดรวมกัน หลายร้อยหลายพันเท่า”


“…!”


ฮานึลแตกต่างจากเทพตนอื่นโดยสิ้นเชิง


รีเบคก้าและยาธานคือมหาเทพที่เคลื่อนไหวอย่างไร้อารมณ์ราวกับเครื่องจักร ส่วนเทพใต้บัญชาอย่างเฮ็กเซเทียและเซราทุลก็เปี่ยมด้วยความเห็นแก่ตัว


ในทางกลับกัน ฮานึลเข้าใจมนุษย์ แต่ก็ขณะเดียวกันทำร้ายมนุษย์


ราวกับมันเองก็เป็นมนุษย์


‘ชิ…!’


กริดพลันสั่นสะท้านเมื่อความรู้สึกผิดในใจที่เคยแบกรับมานาน ถูกเปิดโปงอย่างโผงผางและตรงไปตรงมาด้วยฝีมือฮานึล


มันเริ่มหวาดกลัวฮานึล ผู้ทำให้ตนสงบปากสงบคำได้โดยการยอกย้อนมาตรฐานของมนุษย์


เหนือสิ่งอื่นใด ฮานึลเคยสร้างภารกิจเพื่อสังหารมนุษย์เป็นจำนวนมาก บุคคลที่มีความสามารถเช่นนี้จะกลายเป็นภัยอันตรายใหญ่หลวงทันที หากเลือกทำตามสัญชาตญาณเพียงอย่างเดียวเหมือนกับรีเบคก้าและยาธาน


ในสายตากริด ฮานึลเปรียบดังคนมีอาการทางจิตที่กำลังถือมีด


ราวกับความคิดของมันถูกอ่านออก


ฮานึลจ้องกริดด้วยความเอ็นดู คล้ายกับกำลังล้อเลียนอีกฝ่ายว่า ตัวกริดเองก็ชั่วร้ายมิได้แตกต่างจากตนสักเท่าไร


สัญชาตญาณชายเริ่มร้องเตือน ว่าฮานึลคือเทพที่อันตรายและไม่ควรเป็นศัตรูด้วยมากที่สุด


ขณะกริดกำลังดำดิ่งในห้วงความคิด ฮานึลหันไปสนทนากับแกรนมาสเตอร์โดยพยายามโน้มน้าวให้อีกฝ่ายเข้าเป็นพวก


กริดต้องการเตือนแกรนมาสเตอร์ว่า ห้ามถูกหลอกเด็ดขาด!


อย่างไรก็ตาม มันมิอาจเปิดปากเปล่งเสียงใดออกไป


[มหาเทพฮานึลซักบาปของท่าน]


[คนบาปไม่มีสิทธิ์พูด สถานะดังกล่าวจะคงอยู่เป็นเวลา 3 นาที]


[ทักษะและเวทมนตร์ทุกชนิดถูกผนึก]


[แหล่งพลังจากต้นกำเนิดสามารถมองข้ามระดับตัวตนของท่าน การต้านทานล้มเหลว]


[คนบาปเริ่มวิตกกังวล ค่าสถานะทุกชนิดของท่านลดลง 30% และถูกเปิดจุดอ่อนนาน 3 นาที]


[แหล่งพลังจากต้นกำเนิดสามารถมองข้ามระดับตัวตนของท่าน การต้านทานล้มเหลว]


‘ชิ… บัดซบ!’


ในช่วงหลังมักมีข่าวลือหนาหูบนชุมชนออนไลน์เกี่ยวกับ ‘กลยุทธ์โจมตีตำนาน’


กล่าวกันว่า หากโจมตีใส่เป้าหมายคลาสเลเจนดารีด้วยอาการผิดปรกติหกชนิดภายในหนึ่งวินาที การต้านทานของตำนานจะไม่แสดงผล


แน่นอน กริดเคยไม่เชื่อและมองเป็นเพียงเรื่องขำขัน


แต่ในวินาทีนี้ มันเริ่มเคลือบแคลงว่า ประเด็นดังกล่าวอาจเป็นความจริง


‘ทำไมพลังต้านทานอาการผิดปรกติ ถึงใช่ไม่ได้ผลทุกครั้งที่เราเผชิญช่วงเวลาสำคัญ?’


อาการผิดปรกติที่มองข้ามค่าต้านทานทุกชนิด…


การโจมตีที่ทำให้ค่าต้านทานไร้ผล…


ทักษะที่มองข้ามค่าต้านทาน…


ทุกครั้งที่ค่าต้านทานไม่แสดงผล กริดจะคิดเสมอว่า โลกของซาทิสฟายนั้นเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน จึงอาจเป็นไปได้ที่ ‘กลยุทธ์โจมตีตำนาน’ จะเป็นเรื่องจริง


“อัครสาวกซิกผู้น่าสงสาร เจ้าไม่มีวันคืนชีพเจ็ดนักบุญได้ด้วยตัวคนเดียวแน่”


การสนทนาระหว่างฮานึลและแกรนมาสเตอร์ใกล้ถึงบทสรุป


ฮานึลสังเกตเห็นความโกรธแค้นต่อรีเบคก้า และความปรารถนาที่จะล้างมลทินให้เจ็ดนักบุญของแกรนมาสเตอร์ จึงพยายามโน้มน้าวอย่างสุดความสามารถ


‘ไม่… อย่าใจอ่อนเด็ดขาด!’


แกรนมาสเตอร์ไม่ควรร่วมมือกับฮานึลด้วยประการทั้งปวง เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริง มลทินของเจ็ดนักบุญจะไม่มีวันถูกลบล้าง


กริดต้องการแหกปาก แต่ถ้อยคำทั้งหมดกลับหยุดที่ลำคอโดยมิอาจเปล่งเสียง


บาปอันหนักหนาที่ฮานึลสาปใส่ กำลังสะกดความสามารถด้านการสนทนาทุกชนิด


ขณะชายหนุ่มกระวนกระวาย ว่าแกรนมาสเตอร์อาจหลงเชื่อคำลวงและเปลี่ยนใจกลางคัน


“ผิดแล้ว”


ฝ่ามือขนาดใหญ่และอบอุ่นวางลงบนหัวไหล่กริด


เป็นมือของซิกเฟรคเตอร์


“ข้ามิได้ตัวคนเดียว”


ดวงตากระจ่างใส่ที่เคยเผชิญหน้ากับฮานึลอย่างไม่เกรงกลัว หันมาจ้องกริด


“เขาคือคนที่จะช่วยข้าได้”


“…”


ทำไมกัน…


สิ่งใดทำให้แกรนมาสเตอร์เชื่อในตัวเราขนาดนี้?


เป็นคำถามที่กริดมิอาจหาคำตอบ


แต่ถึงอย่างนั้น มันกำลังอมยิ้มด้วยความยินดี


เพราะอย่างน้อย เหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดก็ยังไม่เกิดขึ้น


แกรนมาสเตอร์ปฏิเสธการเข้าร่วมกับฮานึล


เหนือสิ่งอื่นใด การได้รับความเชื่อใจจากตัวตนที่ยิ่งใหญ่ ย่อมส่งผลให้กริดเกิดความสุขอย่างน่าประหลาด


“ทำไมเจ้าถึงเลือกเส้นทางที่ยากลำบาก”


ฮานึลตั้งคำถาม


ใบหน้าซึ่งยากจะมองเห็นแก่นแท้ของมัน ดูราวกับกำลังเผยรอยยิ้มอบอุ่น


แกรนมาสเตอร์มอบคำตอบ


“หากเลือกเส้นทางที่ง่ายและร่วมมือกับท่าน ข้ามีลางสังหรณ์ว่า นั่นจะกลายเป็นเส้นทางที่นำพาไปสู่ความชั่วร้าย”


“การร่วมมือกับข้า… จะนำพาไปสู่ความชั่วร้าย…”


รอยยิ้มเลือนหายไปจากใบหน้าฮานึล


เพียงพริบตา แรงกดดันมหาศาลพลันแผ่ปกคลุมบรรยากาศจนกริดหายใจแทบไม่ออก


ซีบาลและกลุ่มอัศวินสีชาดใหม่ล้วนหมดสติคาที่


กึก


เป็นพลังกดดันอันหนักหน่วงเกินกว่าจะทานทน จนแม้แต่แกรนมาสเตอร์ก็ยังผงะถอยหลัง


“ข้าดูชั่วร้ายในสายตาเจ้าหรือ”


“หามิได้ พวกเราเพียงสนทนากันผิวเผิน จะตัดสินได้อย่างไรว่าท่านอยู่ฝ่ายดีหรือชั่ว”


“แล้วเหตุใดถึงกังวลว่า เส้นทางที่ร่วมมือกับข้าจะนำพาไปสู่ความชั่วร้าย? ข้าเข้าใจมนุษย์มากกว่ามหาเทพตนอื่น ข้าคือเทพตนเดียวที่ใกล้ชิดกับมนุษย์และอยู่ฝ่ายมนุษย์อย่างแท้จริง ข้าคือเทพตนเดียวที่สามารถช่วยเจ้าทำสงครามกับมหาเทพและยืนหยัดเคียงข้างมนุษยชาติ”


น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความมั่นใจ ฮานึลคิดเช่นนี้โดยไม่เคลือบแคลง


แกรนมาสเตอร์หลงเชื่อไปพักหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้า


“ข้ามิได้ปรารถนาเทพที่อยู่ร่วมกับมนุษย์ แต่ต้องการเทพที่คอยเฝ้ามองมนุษย์อยู่ห่าง ๆ และปกป้องพวกเขาจากภัยพิบัติร้ายแรงซึ่งมิอาจเอาชนะด้วยกำลังตัวเอง”


ยาธาน ผู้อาศัยบางเหตุผลเพื่อทำลายโลก


รีเบคก้า ผู้ทำเพียงเฝ้ามองโลกถูกทำลายโดยฝีมือของยาธาน


เฮ็กเซเทีย เทพตีเหล็กผู้ริษยามนุษย์


เซราทุล ผู้ต้องการเผยแผ่ความทรงพลังของตนให้มนุษย์ประจักษ์


โดมิเนี่ยน ผู้ตกหลุมรักมนุษย์และถูกหักหลัง


เทพทั้งหมดที่แกรนมาสเตอร์เคยพานพบ ยังห่างไกลจากเทพในอุดมคติของมันมาก


เมื่อเห็นสีหน้าอันไม่สั่นคลอนของอีกฝ่าย ฮานึลเปล่งเสียงกังวาน


“สรุปได้ว่า เจ้าปรารถนาเทพที่ไม่ทำประโยชน์อันใดเลย แค่ยื่นมือช่วยเหลือในยามที่มนุษย์เดือดร้อนก็พอ?”


“ถูกต้อง”


“นั่นเป็นความต้องการฝ่ายเดียว… ในมุมมองของเทพ ข้อเรียกร้องของเจ้าเห็นแก่ตัวเกินไป”


“โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่าความเมตตา”


“หรือเจ้าต้องการบอกกับข้าว่า หน้าที่ของเทพคือการแสดงความเมตตาต่อมนุษย์”


“นั่นคือหน้าที่ตามธรรมชาติ มนุษย์เคารพและศรัทธาในเทพก็เพราะต้องการให้เทพเมตตา”


ฮานึลตอบกลับ


“ข้าปกครองโลกมาตั้งแต่ยุคต้นกำเนิด ก่อนที่จะมีอารยธรรมของมนุษย์เสียอีก ไม่คิดว่าเป็นเรื่องเสียมารยาทบ้างหรือ กับการพูดว่า หน้าที่ของข้าคือการเมตตากรุณามนุษย์”


“แล้วท่านไม่คิดบ้างหรือ ว่าสาเหตุที่ท่านสามารถสั่งสมบารมีจนทรงพลังเฉกเช่นทุกวันนี้ได้ เป็นเพราะมีมนุษย์คอยกราบไหว้บูชา”


“ระวังคำพูดหน่อย!”


ซิกเป็นใครถึงกล้ายอกย้อนฮานึล?


ท้ายที่สุด ทั้งสาม ‘ซา’ มิอาจทนฟังต่อไป พวกมันลุกยืนจากที่นั่งด้วยสีหน้าขุ่นมัว


“พวกเราพอจะเข้าใจแล้ว ว่าเหตุใดเทพตะวันตกที่น่ารังเกียจถึงต้องสาปเจ้า”


“อุดมคติของเจ้าเป็นเรื่องเห็นแก่ตัวและเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว เทพที่เจ้าต้องการไม่มีอยู่จริง!”


“…”


แกรนมาสเตอร์ปิดปากเงียบ


ไม่ใช่เพราะถูกฮานึลสาปบาปเหมือนที่ทำกับกริด


แต่ภายในใจของมันกำลังผุดคำถาม


‘ในเมื่อเทพเกิดจากความปรารถนาของมนุษย์ เหตุใดถึงปฏิเสธการทำเพื่อมนุษย์?’


แกรนมาสเตอร์ไม่ถามออกไปเพราะเชื่อว่า ตนคงไม่ได้รับคำตอบที่สมเหตุสมผลกลับมา


หลังจากหวนนึกถึงบทสนทนาระหว่างตนกับเทพบนแอสการ์ด ซิกเฟรคเตอร์ก้มศีรษะลงด้วยใบหน้าเศร้าหมอง


“ข้าคงปรารถนาในสิ่งที่เกินเอื้อม ขออภัยเป็นอย่างสูง และขอตัวลา”


อักขระโบราณลอยขึ้นพร้อมกับโอบล้อมร่างกลุ่มอัศวินสีชาดใหม่


ทุกคนที่หมดสติจากจิตสังหารของฮานึล เริ่มลืมตาตื่น


ขณะแกรนมาสเตอร์เตรียมออกจากห้องพร้อมกับพรรคพวก คำถามของฮานึลดังไล่หลัง


“แล้วตัวเจ้าทำได้ไหม? คอยเฝ้ามองมนุษย์จากที่ห่างไกลและปกป้องในยามจำเป็น”


“…ไม่ได้”


ในอดีตกาลนานมาแล้ว ซิกเคยทำสงครามกับเทพเพราะไม่ยอมรับในตัวเทพ โดยหลังจากนั้นอีกหลายร้อยปี มันพยายามคืนชีพให้เจ็ดนักบุญโดยอ้างว่า เป็นการทำไปเพื่อมวลมนุษย์ ระหว่างทางได้สังหารผู้คนไปมากมาย นับเป็นอดีตอันแสนอับอายและไม่น่าจดจำนัก


แกรนมาสเตอร์ทราบดี ตัวมันไม่ใช่คนวิเศษอะไร


“…ถึงอย่างนั้นก็ยังเชื่อว่า เจ้ามีสิทธิ์เรียกร้องเทพที่ทำเพื่อมนุษย์โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน?”


“ถูกต้อง”


ดวงตาอันเฉื่อยชาของแกรนมาสเตอร์ เริ่มส่องแสงพร้อมกับมอบคำตอบด้วยสีหน้าไม่สั่นไหว


“นั่นคือเหตุผลที่เทพดำรงอยู่”


ทันใดนั้น พุงซาอ้าปากคำรามจนเกิดลมพายุกระโชก


น้ำในทะเลสาบรอบศาลาหมุนวนจนเกิดเกลียววารีพร้อมกับเคลื่อนกระเพื่อม


อึก


กริดและอัศวินสีชาดใหม่ที่จินตนาการว่าตนจะถูกคลื่นซัดโถม พลันกลืนน้ำลายเสียงดัง


“ปล่อยพวกเขาไป”


ฮานึลปรามพุงซา


พุงซายอมหยุดแต่โดยดี พร้อมกับเปลี่ยนให้ทะเลสาบน้ำวนกลายเป็นสงบนิ่ง ประหนึ่งเหตุการณ์ก่อนหน้าเป็นเพียงภาพลวงตา


จากนั้น สายลมลูกใหม่ได้ตัดผ่าทะเลสาบจนสายน้ำแหวกกลาง เกิดเป็นทางเดินให้กริดและพรรคพวกเดินผ่าน


ฮานึลฝากคำทิ้งท้ายให้กับแกรนมาสเตอร์ที่กำลังย่างกรายจากไป


“เทพที่เจ้าปรารถนาไม่มีอยู่จริง”


“…คงเป็นเช่นนั้น”


***


“รีบไสหัวกลับไปซะ!”


หลังจากออกจากท้องพระโรง กลุ่มยังบันต่างพากันตะโกนขับไล่กริด แกรนมาสเตอร์ และอัศวินสีชาดใหม่


ดูเหมือนเรื่องที่แกรนมาสเตอร์ตอบปฏิเสธ จะแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้างแล้ว


ยังบันบางส่วนแสดงท่าทีไม่เป็นมิตรกับซิกเฟรคเตอร์อย่างเปิดเผย


กริด ซีบาล และอัศวินสีชาดใหม่ ต่างก้มหน้าเดินอย่างระมัดระวัง เพราะไม่ต้องการเผลอไปสบตาใครเข้าจนถูกทำร้ายร่างกายอย่างไร้เหตุผล


ขณะใกล้ถึงทางออกพระราชวัง


“ข้าอยากเห็นทักษะการต่อสู้ของเจ้า”


เมื่อกริดและพรรคพรรคพวกเดินผ่านประตู เสียงหนึ่งดังทักทายจากด้านหน้า


ทุกคนทราบตัวตนของอีกฝ่ายทันทีโดยไม่ต้องเงยหน้ามอง


กรี๊ง~


เป็นเสียงกระดิ่ง


อีกฝ่ายคือบุรุษผู้มัดผมด้วยเชือกกระดิ่ง


ไม่ใช่ใครนอกจากเทพสงคราม ซือโหยว ที่ก่อนหน้านี้เคยนั่งขวางบันไดขึ้นศาลา


คล้ายกับซือโหยวอ่านออกว่าแกรนมาสเตอร์จะหวนกลับมา


มันจ้องกริดขณะตัวเองกำลังยืนขวางทางกลับ


“ข้าเกิดความสงสัยว่า เจ้าจะผ่านการทดสอบของข้าได้หรือไม่”


การสอบซือโหยว


ประตูบานแรกที่ยังบันต้องก้าวข้ามเพื่อกลายเป็นเทพ


แน่นอนว่ามีคนไม่พอใจ


กลุ่มยังบันรอบตัวกริดเริ่มเพ่งมองและส่งเสียงโวยวาย


“ท่านจะให้มนุษย์ธรรมดาสอบซือโหยว?! คิดจะดูแคลนยังบันหรือไง!”


ซือโหยวเมินเฉยเสียงโหวกเหวก


“คิดว่ายังไงบ้าง… สำหรับเรื่องนี้ เจ้ามีแต่ได้กับได้”


ซือโหยวสนใจเพียงกริด


กลุ่มยังบันเห็นดังนั้นจึงเริ่มทนไม่ไหวและก้าวออกมาข้างหน้า


“ถ้าคิดจะให้โอกาสมนุษย์ ก็ต้องให้โอกาสพวกข้าด้วย!”


“ตกลง”


ซือโหยวไม่ปฏิเสธ


กริดที่กำลังยืนฉงน ตกปากรับคำด้วยสีหน้าขึงขัง


“ทางนี้ก็ไม่ขัดข้อง”


นี่ไม่เพียงจะเป็นโอกาสอันหายาก


แต่หนึ่งในยังบันที่เสนอตัวเข้าร่วมการสอบ


…มีแฮจินรวมอยู่ด้วย


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 2 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,727
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00