จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,571
มังกรระดับสูง และมังกรเพลิง
การพลีชีพของอิฟริต ซึ่งหอแห่งปัญหาประเมินให้เป็นมังกรลำดับสูงสุดถัดจากมังกรโบราณ สร้างความเสียหายตามมาเป็นวงกว้าง
โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่
ภูเขาผุดขึ้นมากมายตามถิ่นทุรกันดาร เกาะเกิดใหม่หลายสิบแห่ง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงอีกมากมายที่ทำให้แผนที่ฉบับเก่าของมนุษย์กลายเป็นสิ่งไร้ประโยชน์
ผู้คนย่อมไม่ทราบต้นตอของเหตุการณ์
เพียงเข้าใจว่าเป็นภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ มิอาจหาข้อมูลมาผูกโยงเข้ากับมังกร
นั่นเพราะมังกรคือสิ่งมีชีวิตที่ถูกตัดขาดออกจากสามัญสำนึกของคนทั่วไปโดยสิ้นเชิง
***
“ฉันคงไม่กลับมาอีกสักพัก”
ทีมผจญภัยของสกังค์มีงานให้ทำทันที
เป็นการออกเดินทางเพื่อเขียนแผนที่ขึ้นมาใหม่
แม้จะเป็นการเดินทางที่ไม่มีกรอบเวลาชัดเจน แต่สีหน้าของทุกคนกำลังสดใส
นั่นเพราะภารกิจการเติมเต็มแผนที่โลก คือหนึ่งในระบบที่ใหญ่ที่สุด และมอบรางวัลมากที่สุดสำหรับเหล่านักผจญภัย
ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นเปรียบดังโอกาสครั้งใหม่สำหรับสกังค์และทีม
“มีข่าวว่าแม่ทัพคนใหม่ของแต่ละภูมิภาค เริ่มดำเนินการเคลื่อนกำลังพลแล้ว”
กองทัพเองก็ยุ่งไม่แพ้กัน
แผ่นดินไหวทำให้เกิดความปั่นป่วนทางระบบนิเวศ
ในแต่ละพื้นที่ จุดเก็บเลเวลกำลังยุ่งเหยิงสถานหนัก
มีการแจ้งปัญหาเข้ามาว่า มอนสเตอร์เลเวลสามร้อยทำการรุกล้ำจุดล่าของผู้เล่นเลเวลหลักร้อย
กองทัพจำเป็นต้องควบคุมสถานการณ์ จนกว่าสภาพแวดล้อมที่ถูกต้องจะเกิดเสถียรภาพ
ลอเอลมองว่านี่คือโอกาสทอง
เมื่อมีเหตุผลเพียงพอที่จะเคลื่อนทัพ มันรีบจำแนกดินแดนที่มีมูลค่าสูงและส่งกำลังเข้าไปยึดครอง
“ดยุคปิอาโร่ส่งคำร้องต้องการเคลื่อนพลหน่วยลำเลียงและชาวนา”
โลกที่เปลี่ยนไป ยังทำให้ชาวนาเป็นที่ต้องการมากขึ้น
เนื่องจากเปลือกโลกเคลื่อนตัว นาข้าวหลายแห่งจึงได้รับความเสียหาย
ในบางพื้นที่ ยุ้งฉางเก็บอาหารถูกทำลาย
ภาวะขาดแคลนอาหารเกิดขึ้นทุกหัวระแหงบนทวีปจนกลายเป็นปัญหาที่น่ากังวล แต่โชคยังดี จักรวรรดิโอเวอร์เกียร์มีกำลังเพียงพอที่จะหยิบยื่นความช่วยเหลือ
ต้องไม่ลืมว่า จักรวรรดิโอเวอร์เกียร์มียอดฝีมือด้านเกษตรกรรมอย่างปิอาโร่คอยสนับสนุน
เหล่าชาวนาที่ปิอาโร่เคยเคี่ยวเข็ญตลอดสิบปี ปัจจุบันกลายเป็นครูชาวนาที่ถ่ายทอดความรู้ให้ผู้อื่น
ชาวนานับแสนคนออกเดินทางไปพร้อมกับหน่วยลำเลียง เกวียนแต่ละเล่มล้วนบรรทุกอาหารจนเต็ม
พวกมันมีความทะเยอทะยานที่จะเก็บเกี่ยวพืชผลอันอุดมสมบูรณ์จากทั่วทั้งทวีป
เกือบทุกคนสามารถทำนาได้ในทุกสภาพแวดล้อม ไม่เว้นแม้แต่หุบเขาซึ่งเต็มไปด้วยก้อนหิน จึงไม่แปลกที่จะมีความมั่นใจเช่นนั้น
‘เยี่ยม ด้วยการสนับสนุนระดับนี้ เราสามารถแผ่อิทธิพลไปยังชาติพันธมิตรได้มากขึ้น’
“ได้ยินมาว่า แค็ทซ์ที่ออกไปทำภารกิจให้ลอเอล พบเบาะแสของภารกิจประจำคลาสจากแมรีโรส”
“…!”
ลอเอลที่ยิ้มอยู่ก่อนแล้ว ยิ่งฉีกยิ้มกว้าง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ดินแดนที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดจากภัยธรรมชาติ คือบรรดาเมืองแวมไพร์
เนื่องจากตั้งอยู่ใต้ดิน การผันผวนของเปลือกโลกจึงสร้างหายนะเป็นอย่างมาก
กว่าครึ่งของเมืองถล่มลงและถูกฝัง
ข่าวดีก็คือ แวมไพร์มีร่างกายแข็งแกร่ง
มีผู้ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่ปัญหาเกิดขึ้นหลังจากนั้น
แสงแดดส่องลงมาจากรอยแยกในตำแหน่งที่เพดานถล่มลง และมีแวมไพร์จำนวนไม่น้อยที่แพ้แดด
เป็นเหตุให้กิจกรรมประจำวันเกิดความแปรปรวน บางตนออกจากบ้านไม่ได้จนกว่าจะถึงเวลากลางคืน
จำเป็นต้องเร่งมือซ่อมแซมเมืองให้เสร็จโดยเร็ว
แต่สถานการณ์กลับไม่เป็นใจ
ปัจจุบันมีกำลังคนไม่เพียงพอ
ทั่วทั้งทวีปมีอาคารบ้านเรือนถูกทำลายไปไม่น้อย และความสำคัญอันดับหนึ่งของบรรดาสถาปนิกคือการฟื้นฟูสิ่งอำนวยความสะดวกด้านความปลอดภัย
โนลล์และแค็ทซ์จึงถูกส่งไปทำงานแทน
จุดหมายแรกของการเดินทางก็คือ เมืองของแมรีโรสซึ่งเป็นเพียงแห่งเดียวที่ไม่เสียหาย
ในนามของพี่น้องอย่างโนลล์ และในนามของนักรบแห่งเบริอาเช่อย่างแค็ทซ์ พวกมันเดินทางไปขอความช่วยเหลือจากแมรีโรส
จุดประสงค์เพื่อขอยืมแวมไพร์ที่นอนไม่หลับในตอนกลางคืนในใช้งานสักระยะ
โชคเข้าข้างแค็ทซ์
จิตรกรรมฝาผนังของเบริอาเช่ภายในปราสาทแมรีโรส
เป็นวาสนาที่คาดไม่ถึง ซึ่งทำให้แค็ทซ์ได้รับข้อมูลมากมาย
คลาสลับเกรดแอนเชียน <นักรบแห่งเบริอาเช่> ตอบสนองต่อข้อมูลจนเกิดเป็นพัฒนาการครั้งใหญ่ และนั่นทำให้แมรีโรสเกิดความสนใจ
“เด็กคนนี้ใช้การได้”
แมรีโรสคือหนึ่งในตัวตนสัมบูรณ์อันน้อยนิดบนโลก
หากจะให้เลือกมนุษย์ที่มีความแข็งแกร่งทัดเทียม คำตอบคงเป็นฮายาเตะ แต่คนทั่วไปไม่รู้จักฮายาเตะ จึงเข้าใจว่าแมรีโรสเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกกึ่งกลาง
และแค็ทซ์ได้รับความสนใจ รวมถึงความโปรดปราน จากสิ่งมีชีวิตดังกล่าว
ในสายตาแค็ทซ์ นี่คือวาสนาครั้งใหญ่ของชีวิต เป็นเหตุการณ์ที่ดีที่สุดรองจากการได้ผูกมิตรกับกริด
“ท่านแค็ทซ์แจ้งว่า… นี่เป็นข่าวดีที่น่าเหลือเชื่อมาก”
ลอเอลย้อนนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่มีเทพธรณี คาริออน เข้ามาเกี่ยวข้อง
มันเริ่มสงสัยว่า บางที สถานการณ์ในปัจจุบันอาจเป็นการอวยพรจากคาริออน
ความสงสัยของมันมีมูล
คาริออนมักคอยฟื้นฟูโลกทุกครั้งที่ครอเกลใช้ดาบผ่ามิติ
ทั้งที่เปลือกโลกของทวีปผันผวนหนักหน่วงเช่นนี้ แต่คาริออนกลับไม่ยอมใช้พลังเพื่อฟื้นคืนสภาพเดิม
จึงสามารถกล่าวได้ว่า นี่อาจเป็นเจตจำนงของคาริออน
‘หรือว่าคาริออนตัดสินใจอยู่ฝ่ายมนุษย์… ไม่สิ ฝ่ายกริด’
สีหน้าลอเอลซึ่งเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง ยิ่งทวีความสนใจ
แม้จะได้รับรายงานยอดผู้เสียชีวิตกองเป็นภูเขา แต่มันก็มิได้แยแส
นั่นเพราะมูลค่าของกลุ่มคนที่ได้พบเจอสิ่งดีๆ มีสูงกว่ากลุ่มคนที่ตายไปในภัยพิบัติ
***
“แม่!!”
“ขอบคุณ! ขอบคุณมาก…!”
จิสึกะและชาวโอเวอร์เกียร์กำลังเร่งมือช่วยผู้ประสบภัย
ซากอาคารที่พังถล่ม ถูกรื้อค้นเพื่อตามหาผู้รอดชีวิตที่อาจเพิ่มขึ้นอีกสักหนึ่งคน
วิสัยทัศน์ระดับดาวเทียมของจิสึกะมีส่วนสำคัญมากกับภารกิจนี้
“ที่นี่อาจช่วยได้มากเพราะมีจิสึกะ แต่จุดอื่นไม่ง่ายแบบนี้แน่”
โทบันซึ่งยืนมองลูกสาวกลับสู่อ้อมกอดมารดาอีกครั้ง กล่าวเสียงขื่นขม
สีหน้าของพวกพ้องคนอื่นก็ดำมืดไม่ต่างกัน
จิสึกะปลอบประโลม
“พวกเขาก็เติบโตมาพร้อมกับเรา ทุกคนล้วนพึ่งพาได้ ที่อื่นก็คงไม่เลวร้ายกว่านี้มากนักหรอก”
ทีมหลักอื่นๆ อย่างทีมโบสถ์เทพโอเวอร์เกียร์ที่นำโดยดาเมี่ยน หน่วยเงาที่นำโดยเฟคเกอร์ และโบสถ์นักบุญศักดิ์สิทธิ์ที่นำโดยรูบี้ กำลังจดจ่ออยู่กับช่วยเหลือผู้ประสบภัย
จิสึกะเชื่อใจฝีมือและความเอาจริงเอาจังของพวกพ้อง
“ทุกคนกำลังพยายามอย่างเต็มที่”
“แต่ถึงอย่างนั้น กำลังคนก็ยังมีไม่พอ…”
โทบันจี้ตรงจุด พลางเผยสีหน้าลำบากใจ ราวกับไม่อยากจะพูดออกมาสักเท่าไร
“เฮ้อ… ทำไมลอเอลถึงต้องส่งกำลังคนส่วนหนึ่งไปที่จุดเก็บเลเวลด้วยนะ…”
โทบันไม่พอใจท่าทีการเพิกเฉยพลเรือนของลอเอลสักเท่าไร แต่เหตุผลที่มันไม่อยากตำหนิลับหลัง ไม่ใช่เพราะลอเอลคือมหาเสนาบดีของจักรวรรดิ แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายคือพวกพ้อง
เฉกเช่นป็อนและแวนเนอร์ ในหมู่พวกมันมีกฎที่มิได้ถูกเขียนไว้อยู่หนึ่งข้อ นั่นคือการไม่ตำหนิพวกพ้องลับหลังโดยเด็ดขาด หากมีสิ่งใดอยากบอกกับอีกฝ่ายก็ต้องสนทนาอย่างเปิดอกต่อหน้าเจ้าตัว เพื่อป้องกันการเกิดเมล็ดพันธุ์แห่งความขัดแย้ง
จิสึกะออกตัวปกป้องลอเอล
“ในสถานการณ์ปัจจุบัน จุดเก็บเลเวลกำลังปั่นป่วนอย่างหนัก พวกเราจำเป็นต้องรีบค้นหาบอสแม็ปที่มีมูลค่าสูงและดรอปไอเท็มที่คนส่วนใหญ่ต้องการ เพื่อที่จะผูกขาดได้ก่อนใคร”
ข้อมูลเดิมเกี่ยวกับบอสแม็ปล้วนกลายเป็นสิ่งไร้ค่า
ลอเอลมิได้เพิกเฉยต่อพลเรือนเพราะไร้หัวใจ แต่เลือกทำในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับจักรวรรดิ
อันที่จริง จิสึกะเองก็ลำบากใจที่ต้องอธิบายให้พวกพ้องคนอื่นฟัง
เธอรู้ดีว่า เพื่อให้ได้ผลประโยชน์อันสูงสุด ลอเอลยอมแม้กระทั่งขายวิญญาณให้ปีศาจ
ไม่ใช่ว่าในอดีตเคยมีเหตุการณ์ ‘ฆ่าปิดปากทหารหลักหมื่น’ อันลือลั่นหรอกหรือ?
ว่ากันตามตรง ในบางครั้งเธอเองก็รู้สึกว่าลอเอลไร้หัวใจเกินไป
แต่เธอมิอาจตำหนิลอเอลอย่างออกนอกหน้า
บทบาทของจิสึกะคือคนกลาง
หลังจากกริดก่อตั้งกิลด์โอเวอร์เกียร์ จิสึกะก็วางตัวเป็นกลางมาตลอด
หากเมื่อใดก็ตามที่เธอเริ่มตำหนิลอเอลออกนอกหน้า รอยร้าวจะเกิดขึ้นในขั้วอำนาจ
‘เป็นความจริงที่ลอเอลทำงานหนักเพื่อโอเวอร์เกียร์’
และจวบจนปัจจุบัน การตัดสินใจของลอเอลถูกต้องเกือบทั้งหมด
ข้อเสียเดียวคือการต้องมีคนสังเวยในแผนการเสมอ แต่เป็นการเสียสละเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ถ้าคอยตามตำหนิทุกครั้ง ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายเป็นคนแบบไหน ปัญหาย่อมต้องเกิดขึ้นในองค์กรไม่รู้จบ
‘เราเองก็ต้องทำงานหนัก เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้มากที่สุด’
ขณะจิสึกะให้กำลังใจตัวเอง อาการอ่อนเพลียปรากฏขึ้นบนใบหน้า แต่ก็แค่ชั่วครู่เท่านั้น
เมื่อนึกถึงกริด ความเหนื่อยล้าก็หายเป็นปลิดทิ้ง
‘คิดถึงจัง’
หลังจากแต่งงานกับบาซาร่า ดูเหมือนว่าความกล้าของกริดจะเพิ่มขึ้นมาก
ในชีวิตจริง ชายหนุ่มแสดงความรู้สึกต่อจิสึกะอย่างเถรตรง และออกเดตกับเธอไปแล้วสองครั้งในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ที่น่าสนใจก็คือ หลังจากกริดเผยท่าทีกระตือรือร้น ฝ่ายที่เริ่มเขินอายกลับเป็นหญิงสาว
“…?”
เพื่อนร่วมงานต่างหันมาจ้องจิสึกะด้วยสายตาสับสน พวกมันไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องหน้าแดงพร้อมกับกระดิกนิ้ว
***
วาร์เกตข้ามมิติซึ่งเชื่อมต่อระหว่างโลกกับนรก
โปรเจกต์การก่อสร้างขนาดใหญ่ซึ่งถูกเรียกว่า <ลิฟต์นรก> เต็มไปด้วยความยากลำบาก
ลิฟต์ซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง เกิดพังถล่มอย่างรุนแรงจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อไม่กี่วันก่อน
เนื่องจากเป็นโครงการก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ มีการใช้เงินทุนและกำลังคนเป็นจำนวนมาก ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงประเมินค่าไม่ได้
มหาเสนาบดีลอเอลปลอบประโลมกับเคย์ว่า ไม่ต้องกังวล โครงการยังเดินหน้าต่อไปได้ แต่ภายในใจเคย์กลับเต็มไปด้วยความอึดอัด
ไม่ใช่เพราะจู่ๆ แร็บบิตก็เข้ามาควบคุมงบ
แต่เป็นเพราะความกดดันจากการต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ในโครงการที่ทั้งยากและซับซ้อน
โครงการลิฟต์นรกเป็นงานที่ยากมากแม้จะอาศัยความรู้และประสบการณ์ของเคย์ แถมการทำงานก็ยังเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
“ฮะฮะฮะ!”
ไฟโวล์ฟหัวเราะขณะเคย์กำลังถอนหายใจ
มันกำลังมีความสุขที่ได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
ไฟโวล์ฟหลงใหลในเงินทุนอันมั่งคั่งของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ที่ภายหลังกลายเป็นจักรวรรดิ
มันชื่นชอบท่าทีของเจ้านายที่คอยสนับสนุนลูกน้องอย่างเต็มที่และพูดว่า ไม่ต้องไปกลัวความล้มเหลว
‘อาณาจักรแห่งนี้คือแดนสวรรค์สำหรับนักวิทยาศาสตร์’
ชวนให้ไฟโวล์ฟหวนนึกถึงความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรที่กล่าวกันว่า ถูกลบหายไปจากประวัติศาสตร์ในชั่วข้ามคืน
แต่สิ่งที่มันพึงพอใจที่สุดคือร่างกายใหม่
โลหะซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของร่างกาย ในเวลาปรกติจะเย็นชืด แต่ก็สามารถร้อนขึ้นได้ในพริบตา
เหมือนกับดวงวิญญาณของตนที่เปี่ยมไปด้วยสติปัญญาและความหลงใหลเลยไม่ใช่หรือ?
เป็นความกลมเกลียวโดยสมบูรณ์
นอกจากนั้น มันสามารถทำงานที่ละเอียดอ่อนต่อเนื่องเป็นเวลานานได้โดยไม่เหน็ดเหนื่อย
เหนือกว่าร่างกายอันแสนอ่อนแอของมนุษย์หรือคนยักษ์อย่างเทียบไม่ติด
“จักรกลเวทมนตร์คือเทพ ดังนั้น ข้าเองก็เป็นเทพ… แฮ่ก… แฮ่ก…”
‘น่าปวดหัวชะมัด’
เคย์หันไปจ้องไฟโวล์ฟที่กำลังหายใจกระเส่าพลางพล่ามถ้อยคำไร้สาระ
คนยักษ์ที่คืนชีพ (?)
ความเคารพที่มีต่อนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นคนออกแบบลิฟต์นรก อันตรธานหายไปในทันที
แม้แต่เคย์ซึ่งเป็นอัจฉริยะในหมู่คนแคระ ก็ยังไม่เข้าใจพฤติกรรมประหลาดของไฟโวล์ฟ
“…”
เหนือยอดแหลมของปราสาทโอเวอร์เกียร์
สองพี่น้องฟรอนซาลล์และลาร์ดวูล์ฟซึ่งแอบตามกริดออกมายังโลกความจริง ต่างพากันหมดคำพูด
กริดซึ่งชี้ไปทางไฟโวล์ฟ เริ่มกระแอมแห้งเมื่อตระหนักถึงสายตาอันสั่นเทาของสองพี่น้อง
“แม้จะทำใจเชื่อได้ยาก แต่นั่นคือไฟโวล์ฟไม่ผิดแน่”
“…เชื่อได้ยากตรงไหน? ข้าจำได้ตั้งแต่แรกเห็น”
“…?”
“ชายผู้อุทิศวาระสุดท้ายของชีวิตเพื่อให้ตัวเองกลายเป็นหนึ่งเดียวกับจักรกลเวทมนตร์… ความหมกมุ่นนั่นใกล้เคียงกับความฟั่นเฟือน ใครจะไปคิดว่าฝันของเขาจะเป็นจริงในอีกพันปีต่อมา… ไม่สิ ต้องเป็นคนโรคจิตขนาดไหน ถึงนำวิญญาณคนยักษ์ไปขังไว้ในจักรกลเวทมนตร์ได้”
“นี่! พี่”
“หืม…? อ้อ ไม่ต้องสนใจประโยคสุดท้ายหรอกนะ”
“…”
ผ่านไปสักพัก
ท่ามกลางบรรยากาศแสนกระอักกระอ่วน ไฟโวล์ฟและสองพี่น้องได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
พวกมันไม่เคยคิดว่าจะได้พบผู้เหลือรอด (?) นอกจากตนอีก
แตกต่างจากสองพี่น้องฟรอนซาลล์ซึ่งเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ ไฟโวล์ฟให้ความสนใจกับ ‘วงแหวนเทพ’ ทันที
“ซ่อมได้”
มันคือนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์คนยักษ์ตัวจริงเสียงจริง
ไฟโวล์ฟยืนกรานว่าตนสามารถซ่อมแซมวงแหวนเทพ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หลังจากนี้พลังอำนาจของหอแห่งปัญญาจะถูกยกระดับไปอีกขั้น
พวกมันต้องขอบคุณกริด
Comments
Post a Comment