จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,570



“โว้ว… นึกว่าจะพังซะแล้ว”


“ที่นี่ถูกค้นพบแล้ว?”


“ยังไม่มีเบาะแส… อาจจะเป็นฝีมือของมังกรหักเห”


แรงกระแทกซึ่งทำให้หอคอยเอียงหนักยิ่งกว่าเก่า สร้างปฏิกิริยามากมายให้กับเหล่าสภาหอคอย


หอคอยซึ่งอำพรางตัวเองด้วยสารพัดเทคนิคแปดสิบสามชนิด กลับถูกโจมตีกะทันหัน


เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน


สภาหอคอยเริ่มจินตนาการถึงกรณีเลวร้ายต่างๆ นานา


การที่ยังมิอาจระบุต้นตอการโจมตีได้ ถือเป็นภัยคุกคามที่ต้องถูกประเมินให้อยู่ในระดับสูงสุด


มังกรหักเห


เป็นเพราะมองไม่เห็นการโจมตี พวกมันจึงนึกถึง ‘มังกรเงิน’ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ‘มังกรโปร่งใส’


แต่นั่นก็แค่การคาดเดา


เนื่องจากมังกรเงินซึ่งมิอาจขยายพันธุ์ได้อีก มีความหวงแหนชีวิตในระดับสุดโต่งจนมังกรตัวอื่นต่างพากันส่ายหน้า


มีโอกาสต่ำมากที่มังกรซึ่งแทบไม่เคยออกจากรัง จะบุกโจมตีหอคอย


“ปราณดาบอนันต์ของท่านฮายาเตะ กำลังตัดขาดผู้บุกรุกออกจากโลกความจริง”


“นี่คงเป็นเหตุผลที่พวกเรามิอาจสัมผัสถึงต้นตอ”


สภาหอคอยเร่งฝีเท้าไต่บันไดเวียน


ด้านนอกหน้าต่าง เมื่อได้เห็นแสงรุ่งอรุณกำลังฉาบทับสภาพแวดล้อม ต่างคนต่างเผยสีหน้าผ่อนคลาย


เป็นความโล่งใจเนื่องจากอย่างน้อยก็ยืนยันได้แล้วว่า ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับมังกรหักเหไม่เป็นความจริง


แต่ก็ไม่มีใครลดความเร็วลง


ยังมีโอกาสสูงที่ผู้บุกรุกจะเป็นมังกร


ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อไปให้ถึงต้นตออันตรายและรีบกำจัดทิ้งโดยเร็ว


“…!”


ใบหน้าของเหล่าผู้กำลังไต่บันไดหอคอย แปรเปลี่ยนเป็นแข็งทื่ออีกครั้ง


ห้วงมิติเวทมนตร์ซึ่งเกิดจากปราณดาบอนันต์กำลังถูกคลาย


“อั่ก…!!”


ทุกคนได้เห็นบีบันกำลังอาเจียนเป็นเลือด


“บ้าน่า…!”


“…บีบัน!!”


จริงอยู่ที่บีบันเป็นพวกอารมณ์แปรปรวน


ย้อนกลับไปเมื่อครั้งบีบันขึ้นมาหอคอยเป็นครั้งแรก ลาร์ดวูล์ฟถึงกับถามตรงๆ ว่า ชายคนนี้เป็นพวกสมองพิการใช่ไหม


อย่างไรก็ดี สภาหอคอยต่างอ้าแขนรับบีบันเป็นพวกพ้องด้วยความเต็มใจ


เป็นเพราะทุกคนยอมรับในการอุทิศตัวและพลังทำลายอันยิ่งใหญ่ของบีบัน แม้จะมีข้อบกพร่องทางอารมณ์และความคิดอยู่บ้าง


ใช่แล้ว


สาเหตุที่บีบันอยู่ลำดับสุดท้ายของหอคอย ไม่ใช่เพราะฝีมือรั้งท้าย


หากสภาหอคอยถูกเรียงลำดับตามฝีมือ บีบันจะอยู่ในลำดับสามหรือสี่


มันแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น


“แค่ก…!!”


บีบันยังคงอ้วกเป็นเลือดอย่างต่อเนื่อง


ผ่านไปเพียงสิบสามวินาทีหลังจากสภาหอคอยตระหนักถึงการโจมตี


ในช่วงเวลาแสนสั้นดังกล่าว หนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่สุดของหอคอย กลับตกอยู่ในสภาพเจ็บหนัก


“ทุกคนยกเว้นลำดับหก ขึ้นขี่จักรกลเวทมนตร์เพื่อรับมือกับการโจมตีที่ไม่คาดฝัน”


ลำดับสอง ฟรอนซาลล์ ก้าวออกมาพร้อมกับเค็นและออกคำสั่ง


มันประเมินว่า ความสำคัญสูงสุดในตอนนี้คือการรักษาชีวิตของสภาหอคอย จนกว่าจะสามารถระบุตัวตนของผู้บุกรุกได้


การให้สภาหอคอยขึ้นขี่จักรกลเวทมนตร์ ไม่ได้แปลว่าทุกคนอ่อนแอ


แม้จะมิอาจใช้พลังของตัวเอง แต่ศักยภาพและความทนทานของจักรกลเวทมนตร์นั้นสูงกว่าร่างกายมนุษย์มาก


ชิ้ง!


เมื่อกำไลซึ่งพันรอบข้อมือหนาๆ ของฟรอนซาลล์ส่องแสงสีน้ำเงิน อุณหภูมิโดยรอบลดต่ำลงในพริบตา


เป็นพลังจาก <วงแหวนเทพ> ผลผลิตอันล้ำยุคของวิศวกรรมเวทมนตร์คนยักษ์ ผลลัพธ์ทำให้พลังเวทแข็งตัว


ในวันที่คนยักษ์ถูกล้างบาง


วงแหวนเทพซึ่งสองพี่น้องฟรอนซาลล์และลาร์ดวูล์ฟใช้ปกป้องตัวเอง ได้รับความเสียหายสถานหนัก


นับแต่นั้นเป็นต้นมา กลไกหลายชนิดของวงแหวนเทพเกิดชำรุดและไม่ถูกซ่อมแซมมานานนับพันปี


อย่างไรก็ดี แม้จะอยู่ในสภาพดังกล่าว แต่วัตถุชิ้นนี้ก็ยังถือเป็น ‘สุดยอดของวิเศษ’ ในระดับทัดเทียม ‘ละโมบ’ ของเทพโอเวอร์เกียร์


ครืน! ครืน! ครืน!


บรรยากาศกำลังกรีดร้อง


ท่ามกลางเสียงคล้ายแผ่นดินไหว พลังเวทถูกควบแน่นจากน้ำแข็งจนกลายเป็นรูปทรงง้าว


ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่คืออาวุธของฟรอนซาลล์


พื้นดินในจุดที่ฟรอนซาลล์กำลังยืน ถูกปกคลุมด้วยแผ่นน้ำแข็ง


“…มันกล้าดียังไง”


ขณะคนยักษ์ฟรอนซาลล์คำรามต่ำและเตรียมลงมือจู่โจม


“นายยังไหวไหม…?”


ในทิศทางที่ใบหน้าบีบันหันไป


เมื่อคลื่นดาบอันท่วมท้นของบีบันสลายไป ร่างของกริดถูกเผยสู่สายตาทุกคน


นี่คือวินาทีที่สภาหอคอยได้รับรู้ตัวจริงของผู้บุกรุก


“…!?”


ฟรอนซาลล์หยุดเร่งความเร็วทันที ปลายด้ามง้าวถูกวางลงบนพื้นน้ำแข็ง


ตัวตนอันสูงส่งผู้มีอำนาจสั่งการสภาหอคอย กำลังอ้าปากค้างจนไม่เหลือมาดของผู้รักในความสง่างาม


สภาหอคอยคนอื่นต่างก็มีท่าทีตกตะลึงในทำนองเดียวกัน


“อะไรกัน… ความวุ่นวายเมื่อครู่ เป็นฝีมือของหัวแถว?”


ฟรอนซาลล์ซึ่งทำการแช่แข็งพลังเวทโดยรอบทั้งหมด ร่างกายของมันนิ่งสนิทจนดูเหมือนถูกแช่แข็งไปด้วย


ผู้ที่ถามแทนจึงเป็นลำดับหก เค็น


ฮายาเตะซึ่งย่างกรายเข้าหาทุกคน พยักหน้ารับ


“ถูกต้อง”


“โว้ว… บ้าบอสิ้นดี”


เค็นตอบสนองอย่างออกนอกหน้า


เหล่าสภาหอคอยคนที่เหลือต่างก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน


หัวแถวคือนิยามของมนุษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคสมัยปัจจุบัน


ไม่เพียงเท่านั้น กริดคือมนุษย์ที่ก้าวไปเป็นเทพ


ไม่มีสภาหอคอยคนใดตั้งคำถามกับฝีมือของกริด


แต่ชายคนนั้น เก่งกาจถึงขั้นทำให้บีบันเจ็บหนักในพริบตา?


สิ่งนี้หมายความว่า ฝีมือของทั้งสองฝ่ายต่างชั้นกันมาก ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ยากจะทำใจเชื่อลง


ต้องไม่ลืมว่า บีบันคืออริยดาบ


ตัวตนซึ่งสามารถบงการและสื่อสารกับดาบได้ทุกเล่มบนโลก


กายาคงกระพันดาบ


สุดยอดคุณสมบัติช่วยให้ไม่ได้รับอันตรายจากดาบ


ทว่า ดาบสองเล่มที่กริดถืออยู่ในมือ กำลังฉาบไปด้วยเลือดสดซึ่งน่าจะเป็นของบีบัน


‘ไม่มีทาง บีบันคนนั้นเนี่ยนะ…’


ถูกโจมตีทีเผลอ หรือว่าต่อให้อีกฝ่ายมากเกินไป?


บีบันยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้น จึงไม่แปลกที่สภาหอคอยจะเริ่มตั้งคำถาม


ท่ามกลางความกังวล บีบันประกาศข้อเท็จจริง


“เป็นการต่อสู้ที่บริสุทธิ์ยุติธรรม ข้าพ่ายแพ้ในการปะทะซึ่งหน้า”


“บีบัน…”


ขณะช่วยพยุงบีบันขึ้น หัวใจกริดถูกสั่นคลอนอีกครั้ง


อันที่จริง พวกมันเพิ่งปะทะกันไปเพียงยกเดียว


เมื่อเทียบกับจำนวนเลือดที่บีบันกระอักออกมา บาดแผลตามร่างกายมิได้ลึกหรือฉกรรจ์มากนัก เรียกได้ว่ากายาคงกระพันดาบยังคงทำหน้าที่ของมันได้ยอดเยี่ยม หรืออย่างน้อยบีบันก็ไม่ได้ใกล้ตาย ยังลุกขึ้นมาสู่ต่อได้สบาย


แต่บีบันกลับประกาศตัวว่าเป็นฝ่ายแพ้


เป็นการบอกกับเหล่าสภาหอคอยกลายๆ ว่า อย่าได้สงสัยในฝีมือกริด


เป็นเหตุให้ชายหนุ่มเกิดความซาบซึ้ง


บีบันคืออริยดาบ


หากแพ้ในการประลองดาบ ชื่อเสียงย่อมเสื่อมเสียอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถึงอย่างนั้นบีบันกลับยังช่วยปกป้องศักดิ์ศรีกริด


‘ต่อให้แพ้ในการประลอง ใช่ว่าระดับตัวตนของเราจะลดลงสักหน่อย’


เขาคอยเป็นห่วงเราจนถึงที่สุด…


กริดยิ้มอย่างตื้นตันเมื่อตระหนักถึงความใจกว้างของบีบัน


‘ไม่คิดว่าเจ้าเด็กนี่จะใช้พลังของท่านย่าเบ็ตตี้ น่าหงุดหงิดชะมัด… แต่เราจะทำตัวเหมือนกับพวกหัวโบราณไม่ได้เด็ดขาด’


บีบันพยายามอย่างหนักเพื่อรักษาความเยือกเย็น


อันที่จริง นับตั้งแต่ได้เห็นเบ็ตตี้ใกล้ชิดกับกริด มันเริ่มตระหนักถึงช่องว่างระหว่างรุ่น


บีบันตระหนักว่า คนรุ่นเก่าไม่ควรตำหนิคนรุ่นใหม่โดยใช้ค่านิยมในยุคสมัยของตัวเอง


มันเข้าใจเป็นอย่างดีว่า เหตุใดคนรุ่นใหม่ถึงมักดูแคลนคนรุ่นเก่าว่าคร่ำครึ


บีบันจึงพยายามวางตัวเป็นอาจารย์ที่ดีมาตลอด


ในฐานะคนที่เด็กที่สุดในสภาหอคอย


อย่างน้อย หน้าที่ของบีบันคือการไม่ถูกมองว่าเป็นพวกหัวโบราณ


มันจึงต้องสำรวม


แม้ภายในใจจะมองว่า การผสานดาบสี่เล่มเป็นสอง และการใช้พลังขยายของเบ็ตตี้ ถือเป็นพฤติกรรมที่ไร้ยางอายในการประลองดาบ


แต่มันก็ห้ามโกรธ เพราะบางที บรรทัดฐานการประลองดาบของคนรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่อาจไม่เหมือนกัน


‘อา… เราได้เรียนรู้ความแตกต่างระหว่างรุ่นโดยแลกมากับการเจ็บปวดเพียงเล็กน้อย นับว่าคุ้มค่าแล้ว’


จากบรรดาสภาหอคอยซึ่งเป็นศูนย์รวมของพวกหัวโบราณ ตนเป็นเพียงบุคคลเดียวที่มีหัวสมัยใหม่


บีบันต้องการเป็นตัวตนเช่นนั้นในสายตากริด


มุมปากบีบันกระตุกแผ่วเบา ขณะพยายามควบคุมความคิดอันบิดเบี้ยว


เป็นรอยยิ้มซึ่งผสมผสานเข้ากับความเจ็บปวดแสนสาหัส


‘การยอมแพ้ไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย’


ฉากการวาดดาบด้วยมือซ้าย ขนานไปกับเส้นขอบฟ้าอย่างเป็นธรรมชาติของกริด ยังคงตราตรึงอยู่ในใจบีบัน


ในสถานการณ์นั้น ทางเลือกเดียวของบีบันคือการสลายทิ้งด้วยพลังทำลาย


แต่ดาบในมือขวาของกริดกลับแผ่ความน่าสะพรึงอย่างท่วมท้น ราวกับสามารถกลืนกินดาบทุกเล่ม


เป็นการยากที่จะเกณฑ์พลังทำลายได้ชัดเจน แต่มั่นใจได้ว่าดาบเล่มดังกล่าวอัดแน่นไปด้วยความเกรี้ยวกราด


การคุกคามของแผ่นโลหะซึ่งถูกสับลงมายังกึ่งกลางศีรษะ ได้สร้างบรรยากาศเย็นเยียบอันยากจะทานทน


บีบันไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากฟันทิ้ง ก่อนจะถูกฟัน


ปัญหาเดียวก็คือ ฝ่ายที่ล้มลงก่อนกลับเป็นตน


ถือเป็นการดวลที่ยอดเยี่ยมครั้งหนึ่ง…


“ฮะ… แค่ก! อั่ก! อ๊อก!”


“…”


ฉากการยิ้มกึ่งกระอักเลือดของบีบัน ทำให้สภาหอคอยเบาใจลงหลายส่วน


การแข่งขันดำเนินไปอย่างยุติธรรม และบีบันเป็นฝ่ายแพ้


สีหน้าอันเบิกบานคือข้อพิสูจน์


“บีบัน! บีบันนนน!!”


แผ่นหลังอันตื่นตระหนกของกริดขณะพยุงร่างบีบันในอ้อมแขน ดูคล้ายกับเมื่อครั้งชายหนุ่มสนทนากับอิฟริต


สภาหอคอยต่างคิดเห็นตรงกัน


กริดไม่ใช่แค่ความหวังของโลก แต่ยังเป็นความหวังของพวกมันทุกคน


***


“ดูเหมือนว่าจะเกิดจากอาการอ่อนเพลียสะสมจากการทำความสะอาด”


“เขาไม่ได้สลบไปเพราะบาดแผล?”


“คงงั้น เพราะบาดแผลสมานตัวเร็วมาก”


หลังเดินออกจากห้องพยาบาล ฟรอนซาลล์แสดงความเห็น


คร่อก!


เสียงกรนของบีบันดังไปทั่วโถงทางเดิน


กริดรู้สึกโล่งใจเมื่อทราบว่าบีบันมีร่างกายที่แข็งแรง


ฟรอนซาลล์อธิบาย


“นั่นเป็นร่างกายที่เคยถูกฟื้นโดยลูกท้อขาวอันแสนล้ำค่าของเจ้า เขาจะไม่ตายง่ายๆ หากยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณของสหาย ดังนั้นไม่ต้องกังวล หลังจากนี้เจ้าสามารถใช้บีบันเป็นกระสอบทราบได้เท่าที่ต้องการ”


“…ฮะฮะ”


ลำดับสอง ฟรอนซาลล์


เป็นตัวแทนโดยตรงของฮายาเตะ คอยรักษากฎระเบียบของสภาหอคอยและบริหารกิจการภายใต้


กริดเคยคิดว่าชายคนนี้คงอยู่ในสถานการณ์เดียวกับลอเอล


แต่นั่นไม่จริงเลย


กริดสัมผัสได้ว่า ฟรอนซาลล์ในตอนที่ถือง้าวน้ำแข็ง ทรงพลังและน่าเกรงขามยิ่งกว่าบีบันหลายระดับ


ผนวกกับร่างกายอันใหญ่โตของคนยักษ์ เกิดเป็นบรรยากาศคุกคามซึ่งชวนให้รู้สึกขวัญผวา


‘อย่างน้อย ลำดับสองก็ถูกเลือกจากฝีมือ’


สภาหอคอยเป็นกองกำลังสำหรับต่อสู้


คงไม่ถูกต้องนัก หากจะเลือก ‘ผู้ปกครอง’ จากสติปัญญาและหรือความสามารถเชิงบริหารเพียงอย่างเดียว


กริดเหล่มองข้อมือหนาๆ ของฟรอนซาลล์


กำไลโบราณซึ่งชายหนุ่มไม่เคยเห็นความสำคัญมาก่อน ปัจจุบันกำลังเด่นสะดุดตายิ่งกว่าสิ่งใด


หากมองผิวเผิน คงยากจะคาดเดาว่ากำไลนี้มีความพิเศษอย่างไร


เต็มไปด้วยรอยขีดข่วน แถมบางจุดยังขึ้นสนิม


กริดเคยเข้าใจว่าเป็นแค่ของดูต่างหน้า


แต่ปัจจุบัน มันตระหนักได้เป็นอย่างดี


นี่คือของวิเศษสุดล้ำค่า


เกิดจากการผสมผสานระหว่างโลหะและอัญมณีที่ไม่มีวันถูกทำลายจำนวนมาก


ไม่ต้องสงสัยเลยว่า กำไลวงนี้ถือกำเนิดจากเทคโนโลยีวิศวกรรมเวทมนตร์โบราณ


“มันคือสมบัติล้ำค่า เกิดจากการค้นคว้าและดัดแปลงโดยบรรพชนคนยักษ์หลายรุ่น… ได้ชื่อว่า ‘วงแหวนเทพ’ เพราะมันสมบูรณ์แบบ”


ฟรอนซาลล์ซึ่งเดินนำหน้า เป็นฝ่ายเริ่มอธิบาย


เนื่องจากมีร่างกายขนาดมหึมา จึงเดินไปได้ไกลภายในก้าวเดียว เดือดร้อนกริดต้องเร่งจังหวะไล่ตาม


“คุณสมบัติของมันคือการเปลี่ยนพลังเวทให้เป็นไปในทิศทางที่ผู้สวมต้องการ กล่าวคือ ศักยภาพของมันไม่สิ้นสุด และยังเป็นเหตุผลที่พวกเราสองพี่น้องรอดชีวิตมาจากวันแห่งการทำลายล้าง… แต่คุณสมบัติส่วนใหญ่เสียหายเพราะแรงปะทะจากการใช้งานครั้งนั้น ปัจจุบันเหลือเพียงคุณสมบัติในการแช่แข็งพลังเวท…”


วันล้างบางคนยักษ์


สองพี่น้องฟรอนซาลล์และลาร์ดวูล์ฟ ไม่คิดจะเล่ารายละเอียดของเหตุการณ์ในวันดังกล่าว


ไฟโวล์ฟเองก็ไม่ทราบ


สันนิษฐานได้ว่า อาจเกิดจากภาวะความทรงจำบางส่วนสูญหาย หรือไม่ก็ตายไปก่อนวันล้างบางคนยักษ์จะมาถึง


“ตัวฉันในตอนนี้ยังซ่อมมันไม่ได้…”


กริดกล่าวเสียงอ่อย


หากพูดกันในแง่วิศวกรรมเวทมนตร์ ความรู้ของกริดแทบเป็นศูนย์


ปัจจุบัน ทราวก้ากำลังอยู่ในภาวะจำศีล


จริงอยู่ที่กริดสามารถตรงดิ่งไปยังทาลิม่าเพื่อเรียนทักษะได้ทันที แต่ก็คงไม่เกิดประโยชน์มากนัก ของแบบนี้ต้องใช้เวลา เป็นข้อจำกัดของระบบเรียนรู้ทักษะด้วยตัวเอง


ทางลัดเดียวที่ตอบโจทย์กริด คือการเรียนทักษะผ่านภารกิจ


หากวันใดภารกิจเกี่ยวกับทาลิม่าถูกสร้างขึ้น ก็มีโอกาสสูงที่ของรางวัลจะเป็นทักษะเชิงวิศวกรรมเวทมนตร์


“ในอนาคต ฉันจะศึกษาวิศวกรรมเวทมนตร์จนเชี่ยวชาญและมาช่วยซ่อมให้”


“ฮะฮะ! ขอบคุณสำหรับความหวังดี แต่นั่นคงเป็นไปไม่ได้ ทักษะของคนแคระเทียบเท่าวิศวกรรมเวทมนตร์คนยักษ์รุ่นถดถอย ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่เชิดชูเทคโนโลยีโบราณเหนือสิ่งอื่นใด”


“เป็นปัญหาที่แม้แต่ฟรอนซาลล์กับลาร์ดวูล์ฟก็แก้ไขไม่ได้หรือ”


“นั่นคงยาก… กระบวนการค้นคว้าและพัฒนาเทคโนโลยีที่นำมาใช้กับกำไล เกิดขึ้นและประสบความสำเร็จตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ ในยุคสมัยของพวกเรา เทคโนโลยีดังกล่าวถูกนำมาใช้จริงอย่างแพร่หลายแล้ว”


“ไม่มีหนทางเลยสินะ…”


“ถูกต้อง เว้นเสียแต่มังกรเสียสติบางตัวจะยอมร่วมมือ หรือไม่ก็บรรพชนของเราฟื้นคืนชีพกลับมา นอกเหนือจากนี้คงเป็นไปไม่ได้”


‘บรรพชน… หืม… บางที…’


จักรกลเวทมนตร์ที่ถูกทิ้งไว้ในไรน์ฮาร์ท


หลังจากหวนนึกถึงไฟโวล์ฟซึ่งกำลังช่วยสติกส์ผลิต ‘ลิฟต์นรก’ อยู่ในเมืองหลวง กริดถามอีกฝ่ายด้วยความสงสัย


“พอจะรู้จักไฟโวล์ฟไหม?”


“แน่นอนอยู่แล้ว จะมีใครบ้างไม่รู้จักนักวิทยาศาสตร์และนักพยากรณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์คนยักษ์ ข้าเคยพบท่านตัวเป็นๆ ครั้งหนึ่ง แต่เนื่องจากอยู่ในวัยชรามากแล้ว สติของท่านจึงฟั่นเฟือน… ว่าแต่ เจ้ารู้จักชื่อนี้ได้อย่างไร?”


“…”


คามิคิน จอมอสูรลำดับสี่


หรือว่าความจริงแล้ว หล่อนเป็นพันธมิตรที่ยอดเยี่ยมที่สุดของมนุษย์?


______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059   ★ ★ จบบริบูรณ์  ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00