จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,570
“โว้ว… นึกว่าจะพังซะแล้ว”
“ที่นี่ถูกค้นพบแล้ว?”
“ยังไม่มีเบาะแส… อาจจะเป็นฝีมือของมังกรหักเห”
แรงกระแทกซึ่งทำให้หอคอยเอียงหนักยิ่งกว่าเก่า สร้างปฏิกิริยามากมายให้กับเหล่าสภาหอคอย
หอคอยซึ่งอำพรางตัวเองด้วยสารพัดเทคนิคแปดสิบสามชนิด กลับถูกโจมตีกะทันหัน
เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
สภาหอคอยเริ่มจินตนาการถึงกรณีเลวร้ายต่างๆ นานา
การที่ยังมิอาจระบุต้นตอการโจมตีได้ ถือเป็นภัยคุกคามที่ต้องถูกประเมินให้อยู่ในระดับสูงสุด
มังกรหักเห
เป็นเพราะมองไม่เห็นการโจมตี พวกมันจึงนึกถึง ‘มังกรเงิน’ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ‘มังกรโปร่งใส’
แต่นั่นก็แค่การคาดเดา
เนื่องจากมังกรเงินซึ่งมิอาจขยายพันธุ์ได้อีก มีความหวงแหนชีวิตในระดับสุดโต่งจนมังกรตัวอื่นต่างพากันส่ายหน้า
มีโอกาสต่ำมากที่มังกรซึ่งแทบไม่เคยออกจากรัง จะบุกโจมตีหอคอย
“ปราณดาบอนันต์ของท่านฮายาเตะ กำลังตัดขาดผู้บุกรุกออกจากโลกความจริง”
“นี่คงเป็นเหตุผลที่พวกเรามิอาจสัมผัสถึงต้นตอ”
สภาหอคอยเร่งฝีเท้าไต่บันไดเวียน
ด้านนอกหน้าต่าง เมื่อได้เห็นแสงรุ่งอรุณกำลังฉาบทับสภาพแวดล้อม ต่างคนต่างเผยสีหน้าผ่อนคลาย
เป็นความโล่งใจเนื่องจากอย่างน้อยก็ยืนยันได้แล้วว่า ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับมังกรหักเหไม่เป็นความจริง
แต่ก็ไม่มีใครลดความเร็วลง
ยังมีโอกาสสูงที่ผู้บุกรุกจะเป็นมังกร
ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อไปให้ถึงต้นตออันตรายและรีบกำจัดทิ้งโดยเร็ว
“…!”
ใบหน้าของเหล่าผู้กำลังไต่บันไดหอคอย แปรเปลี่ยนเป็นแข็งทื่ออีกครั้ง
ห้วงมิติเวทมนตร์ซึ่งเกิดจากปราณดาบอนันต์กำลังถูกคลาย
“อั่ก…!!”
ทุกคนได้เห็นบีบันกำลังอาเจียนเป็นเลือด
“บ้าน่า…!”
“…บีบัน!!”
จริงอยู่ที่บีบันเป็นพวกอารมณ์แปรปรวน
ย้อนกลับไปเมื่อครั้งบีบันขึ้นมาหอคอยเป็นครั้งแรก ลาร์ดวูล์ฟถึงกับถามตรงๆ ว่า ชายคนนี้เป็นพวกสมองพิการใช่ไหม
อย่างไรก็ดี สภาหอคอยต่างอ้าแขนรับบีบันเป็นพวกพ้องด้วยความเต็มใจ
เป็นเพราะทุกคนยอมรับในการอุทิศตัวและพลังทำลายอันยิ่งใหญ่ของบีบัน แม้จะมีข้อบกพร่องทางอารมณ์และความคิดอยู่บ้าง
ใช่แล้ว
สาเหตุที่บีบันอยู่ลำดับสุดท้ายของหอคอย ไม่ใช่เพราะฝีมือรั้งท้าย
หากสภาหอคอยถูกเรียงลำดับตามฝีมือ บีบันจะอยู่ในลำดับสามหรือสี่
มันแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น
“แค่ก…!!”
บีบันยังคงอ้วกเป็นเลือดอย่างต่อเนื่อง
ผ่านไปเพียงสิบสามวินาทีหลังจากสภาหอคอยตระหนักถึงการโจมตี
ในช่วงเวลาแสนสั้นดังกล่าว หนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่สุดของหอคอย กลับตกอยู่ในสภาพเจ็บหนัก
“ทุกคนยกเว้นลำดับหก ขึ้นขี่จักรกลเวทมนตร์เพื่อรับมือกับการโจมตีที่ไม่คาดฝัน”
ลำดับสอง ฟรอนซาลล์ ก้าวออกมาพร้อมกับเค็นและออกคำสั่ง
มันประเมินว่า ความสำคัญสูงสุดในตอนนี้คือการรักษาชีวิตของสภาหอคอย จนกว่าจะสามารถระบุตัวตนของผู้บุกรุกได้
การให้สภาหอคอยขึ้นขี่จักรกลเวทมนตร์ ไม่ได้แปลว่าทุกคนอ่อนแอ
แม้จะมิอาจใช้พลังของตัวเอง แต่ศักยภาพและความทนทานของจักรกลเวทมนตร์นั้นสูงกว่าร่างกายมนุษย์มาก
ชิ้ง!
เมื่อกำไลซึ่งพันรอบข้อมือหนาๆ ของฟรอนซาลล์ส่องแสงสีน้ำเงิน อุณหภูมิโดยรอบลดต่ำลงในพริบตา
เป็นพลังจาก <วงแหวนเทพ> ผลผลิตอันล้ำยุคของวิศวกรรมเวทมนตร์คนยักษ์ ผลลัพธ์ทำให้พลังเวทแข็งตัว
ในวันที่คนยักษ์ถูกล้างบาง
วงแหวนเทพซึ่งสองพี่น้องฟรอนซาลล์และลาร์ดวูล์ฟใช้ปกป้องตัวเอง ได้รับความเสียหายสถานหนัก
นับแต่นั้นเป็นต้นมา กลไกหลายชนิดของวงแหวนเทพเกิดชำรุดและไม่ถูกซ่อมแซมมานานนับพันปี
อย่างไรก็ดี แม้จะอยู่ในสภาพดังกล่าว แต่วัตถุชิ้นนี้ก็ยังถือเป็น ‘สุดยอดของวิเศษ’ ในระดับทัดเทียม ‘ละโมบ’ ของเทพโอเวอร์เกียร์
ครืน! ครืน! ครืน!
บรรยากาศกำลังกรีดร้อง
ท่ามกลางเสียงคล้ายแผ่นดินไหว พลังเวทถูกควบแน่นจากน้ำแข็งจนกลายเป็นรูปทรงง้าว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่คืออาวุธของฟรอนซาลล์
พื้นดินในจุดที่ฟรอนซาลล์กำลังยืน ถูกปกคลุมด้วยแผ่นน้ำแข็ง
“…มันกล้าดียังไง”
ขณะคนยักษ์ฟรอนซาลล์คำรามต่ำและเตรียมลงมือจู่โจม
“นายยังไหวไหม…?”
ในทิศทางที่ใบหน้าบีบันหันไป
เมื่อคลื่นดาบอันท่วมท้นของบีบันสลายไป ร่างของกริดถูกเผยสู่สายตาทุกคน
นี่คือวินาทีที่สภาหอคอยได้รับรู้ตัวจริงของผู้บุกรุก
“…!?”
ฟรอนซาลล์หยุดเร่งความเร็วทันที ปลายด้ามง้าวถูกวางลงบนพื้นน้ำแข็ง
ตัวตนอันสูงส่งผู้มีอำนาจสั่งการสภาหอคอย กำลังอ้าปากค้างจนไม่เหลือมาดของผู้รักในความสง่างาม
สภาหอคอยคนอื่นต่างก็มีท่าทีตกตะลึงในทำนองเดียวกัน
“อะไรกัน… ความวุ่นวายเมื่อครู่ เป็นฝีมือของหัวแถว?”
ฟรอนซาลล์ซึ่งทำการแช่แข็งพลังเวทโดยรอบทั้งหมด ร่างกายของมันนิ่งสนิทจนดูเหมือนถูกแช่แข็งไปด้วย
ผู้ที่ถามแทนจึงเป็นลำดับหก เค็น
ฮายาเตะซึ่งย่างกรายเข้าหาทุกคน พยักหน้ารับ
“ถูกต้อง”
“โว้ว… บ้าบอสิ้นดี”
เค็นตอบสนองอย่างออกนอกหน้า
เหล่าสภาหอคอยคนที่เหลือต่างก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน
หัวแถวคือนิยามของมนุษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคสมัยปัจจุบัน
ไม่เพียงเท่านั้น กริดคือมนุษย์ที่ก้าวไปเป็นเทพ
ไม่มีสภาหอคอยคนใดตั้งคำถามกับฝีมือของกริด
แต่ชายคนนั้น เก่งกาจถึงขั้นทำให้บีบันเจ็บหนักในพริบตา?
สิ่งนี้หมายความว่า ฝีมือของทั้งสองฝ่ายต่างชั้นกันมาก ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ยากจะทำใจเชื่อลง
ต้องไม่ลืมว่า บีบันคืออริยดาบ
ตัวตนซึ่งสามารถบงการและสื่อสารกับดาบได้ทุกเล่มบนโลก
กายาคงกระพันดาบ
สุดยอดคุณสมบัติช่วยให้ไม่ได้รับอันตรายจากดาบ
ทว่า ดาบสองเล่มที่กริดถืออยู่ในมือ กำลังฉาบไปด้วยเลือดสดซึ่งน่าจะเป็นของบีบัน
‘ไม่มีทาง บีบันคนนั้นเนี่ยนะ…’
ถูกโจมตีทีเผลอ หรือว่าต่อให้อีกฝ่ายมากเกินไป?
บีบันยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้น จึงไม่แปลกที่สภาหอคอยจะเริ่มตั้งคำถาม
ท่ามกลางความกังวล บีบันประกาศข้อเท็จจริง
“เป็นการต่อสู้ที่บริสุทธิ์ยุติธรรม ข้าพ่ายแพ้ในการปะทะซึ่งหน้า”
“บีบัน…”
ขณะช่วยพยุงบีบันขึ้น หัวใจกริดถูกสั่นคลอนอีกครั้ง
อันที่จริง พวกมันเพิ่งปะทะกันไปเพียงยกเดียว
เมื่อเทียบกับจำนวนเลือดที่บีบันกระอักออกมา บาดแผลตามร่างกายมิได้ลึกหรือฉกรรจ์มากนัก เรียกได้ว่ากายาคงกระพันดาบยังคงทำหน้าที่ของมันได้ยอดเยี่ยม หรืออย่างน้อยบีบันก็ไม่ได้ใกล้ตาย ยังลุกขึ้นมาสู่ต่อได้สบาย
แต่บีบันกลับประกาศตัวว่าเป็นฝ่ายแพ้
เป็นการบอกกับเหล่าสภาหอคอยกลายๆ ว่า อย่าได้สงสัยในฝีมือกริด
เป็นเหตุให้ชายหนุ่มเกิดความซาบซึ้ง
บีบันคืออริยดาบ
หากแพ้ในการประลองดาบ ชื่อเสียงย่อมเสื่อมเสียอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถึงอย่างนั้นบีบันกลับยังช่วยปกป้องศักดิ์ศรีกริด
‘ต่อให้แพ้ในการประลอง ใช่ว่าระดับตัวตนของเราจะลดลงสักหน่อย’
เขาคอยเป็นห่วงเราจนถึงที่สุด…
กริดยิ้มอย่างตื้นตันเมื่อตระหนักถึงความใจกว้างของบีบัน
‘ไม่คิดว่าเจ้าเด็กนี่จะใช้พลังของท่านย่าเบ็ตตี้ น่าหงุดหงิดชะมัด… แต่เราจะทำตัวเหมือนกับพวกหัวโบราณไม่ได้เด็ดขาด’
บีบันพยายามอย่างหนักเพื่อรักษาความเยือกเย็น
อันที่จริง นับตั้งแต่ได้เห็นเบ็ตตี้ใกล้ชิดกับกริด มันเริ่มตระหนักถึงช่องว่างระหว่างรุ่น
บีบันตระหนักว่า คนรุ่นเก่าไม่ควรตำหนิคนรุ่นใหม่โดยใช้ค่านิยมในยุคสมัยของตัวเอง
มันเข้าใจเป็นอย่างดีว่า เหตุใดคนรุ่นใหม่ถึงมักดูแคลนคนรุ่นเก่าว่าคร่ำครึ
บีบันจึงพยายามวางตัวเป็นอาจารย์ที่ดีมาตลอด
ในฐานะคนที่เด็กที่สุดในสภาหอคอย
อย่างน้อย หน้าที่ของบีบันคือการไม่ถูกมองว่าเป็นพวกหัวโบราณ
มันจึงต้องสำรวม
แม้ภายในใจจะมองว่า การผสานดาบสี่เล่มเป็นสอง และการใช้พลังขยายของเบ็ตตี้ ถือเป็นพฤติกรรมที่ไร้ยางอายในการประลองดาบ
แต่มันก็ห้ามโกรธ เพราะบางที บรรทัดฐานการประลองดาบของคนรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่อาจไม่เหมือนกัน
‘อา… เราได้เรียนรู้ความแตกต่างระหว่างรุ่นโดยแลกมากับการเจ็บปวดเพียงเล็กน้อย นับว่าคุ้มค่าแล้ว’
จากบรรดาสภาหอคอยซึ่งเป็นศูนย์รวมของพวกหัวโบราณ ตนเป็นเพียงบุคคลเดียวที่มีหัวสมัยใหม่
บีบันต้องการเป็นตัวตนเช่นนั้นในสายตากริด
มุมปากบีบันกระตุกแผ่วเบา ขณะพยายามควบคุมความคิดอันบิดเบี้ยว
เป็นรอยยิ้มซึ่งผสมผสานเข้ากับความเจ็บปวดแสนสาหัส
‘การยอมแพ้ไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย’
ฉากการวาดดาบด้วยมือซ้าย ขนานไปกับเส้นขอบฟ้าอย่างเป็นธรรมชาติของกริด ยังคงตราตรึงอยู่ในใจบีบัน
ในสถานการณ์นั้น ทางเลือกเดียวของบีบันคือการสลายทิ้งด้วยพลังทำลาย
แต่ดาบในมือขวาของกริดกลับแผ่ความน่าสะพรึงอย่างท่วมท้น ราวกับสามารถกลืนกินดาบทุกเล่ม
เป็นการยากที่จะเกณฑ์พลังทำลายได้ชัดเจน แต่มั่นใจได้ว่าดาบเล่มดังกล่าวอัดแน่นไปด้วยความเกรี้ยวกราด
การคุกคามของแผ่นโลหะซึ่งถูกสับลงมายังกึ่งกลางศีรษะ ได้สร้างบรรยากาศเย็นเยียบอันยากจะทานทน
บีบันไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากฟันทิ้ง ก่อนจะถูกฟัน
ปัญหาเดียวก็คือ ฝ่ายที่ล้มลงก่อนกลับเป็นตน
ถือเป็นการดวลที่ยอดเยี่ยมครั้งหนึ่ง…
“ฮะ… แค่ก! อั่ก! อ๊อก!”
“…”
ฉากการยิ้มกึ่งกระอักเลือดของบีบัน ทำให้สภาหอคอยเบาใจลงหลายส่วน
การแข่งขันดำเนินไปอย่างยุติธรรม และบีบันเป็นฝ่ายแพ้
สีหน้าอันเบิกบานคือข้อพิสูจน์
“บีบัน! บีบันนนน!!”
แผ่นหลังอันตื่นตระหนกของกริดขณะพยุงร่างบีบันในอ้อมแขน ดูคล้ายกับเมื่อครั้งชายหนุ่มสนทนากับอิฟริต
สภาหอคอยต่างคิดเห็นตรงกัน
กริดไม่ใช่แค่ความหวังของโลก แต่ยังเป็นความหวังของพวกมันทุกคน
***
“ดูเหมือนว่าจะเกิดจากอาการอ่อนเพลียสะสมจากการทำความสะอาด”
“เขาไม่ได้สลบไปเพราะบาดแผล?”
“คงงั้น เพราะบาดแผลสมานตัวเร็วมาก”
หลังเดินออกจากห้องพยาบาล ฟรอนซาลล์แสดงความเห็น
คร่อก!
เสียงกรนของบีบันดังไปทั่วโถงทางเดิน
กริดรู้สึกโล่งใจเมื่อทราบว่าบีบันมีร่างกายที่แข็งแรง
ฟรอนซาลล์อธิบาย
“นั่นเป็นร่างกายที่เคยถูกฟื้นโดยลูกท้อขาวอันแสนล้ำค่าของเจ้า เขาจะไม่ตายง่ายๆ หากยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณของสหาย ดังนั้นไม่ต้องกังวล หลังจากนี้เจ้าสามารถใช้บีบันเป็นกระสอบทราบได้เท่าที่ต้องการ”
“…ฮะฮะ”
ลำดับสอง ฟรอนซาลล์
เป็นตัวแทนโดยตรงของฮายาเตะ คอยรักษากฎระเบียบของสภาหอคอยและบริหารกิจการภายใต้
กริดเคยคิดว่าชายคนนี้คงอยู่ในสถานการณ์เดียวกับลอเอล
แต่นั่นไม่จริงเลย
กริดสัมผัสได้ว่า ฟรอนซาลล์ในตอนที่ถือง้าวน้ำแข็ง ทรงพลังและน่าเกรงขามยิ่งกว่าบีบันหลายระดับ
ผนวกกับร่างกายอันใหญ่โตของคนยักษ์ เกิดเป็นบรรยากาศคุกคามซึ่งชวนให้รู้สึกขวัญผวา
‘อย่างน้อย ลำดับสองก็ถูกเลือกจากฝีมือ’
สภาหอคอยเป็นกองกำลังสำหรับต่อสู้
คงไม่ถูกต้องนัก หากจะเลือก ‘ผู้ปกครอง’ จากสติปัญญาและหรือความสามารถเชิงบริหารเพียงอย่างเดียว
กริดเหล่มองข้อมือหนาๆ ของฟรอนซาลล์
กำไลโบราณซึ่งชายหนุ่มไม่เคยเห็นความสำคัญมาก่อน ปัจจุบันกำลังเด่นสะดุดตายิ่งกว่าสิ่งใด
หากมองผิวเผิน คงยากจะคาดเดาว่ากำไลนี้มีความพิเศษอย่างไร
เต็มไปด้วยรอยขีดข่วน แถมบางจุดยังขึ้นสนิม
กริดเคยเข้าใจว่าเป็นแค่ของดูต่างหน้า
แต่ปัจจุบัน มันตระหนักได้เป็นอย่างดี
นี่คือของวิเศษสุดล้ำค่า
เกิดจากการผสมผสานระหว่างโลหะและอัญมณีที่ไม่มีวันถูกทำลายจำนวนมาก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า กำไลวงนี้ถือกำเนิดจากเทคโนโลยีวิศวกรรมเวทมนตร์โบราณ
“มันคือสมบัติล้ำค่า เกิดจากการค้นคว้าและดัดแปลงโดยบรรพชนคนยักษ์หลายรุ่น… ได้ชื่อว่า ‘วงแหวนเทพ’ เพราะมันสมบูรณ์แบบ”
ฟรอนซาลล์ซึ่งเดินนำหน้า เป็นฝ่ายเริ่มอธิบาย
เนื่องจากมีร่างกายขนาดมหึมา จึงเดินไปได้ไกลภายในก้าวเดียว เดือดร้อนกริดต้องเร่งจังหวะไล่ตาม
“คุณสมบัติของมันคือการเปลี่ยนพลังเวทให้เป็นไปในทิศทางที่ผู้สวมต้องการ กล่าวคือ ศักยภาพของมันไม่สิ้นสุด และยังเป็นเหตุผลที่พวกเราสองพี่น้องรอดชีวิตมาจากวันแห่งการทำลายล้าง… แต่คุณสมบัติส่วนใหญ่เสียหายเพราะแรงปะทะจากการใช้งานครั้งนั้น ปัจจุบันเหลือเพียงคุณสมบัติในการแช่แข็งพลังเวท…”
วันล้างบางคนยักษ์
สองพี่น้องฟรอนซาลล์และลาร์ดวูล์ฟ ไม่คิดจะเล่ารายละเอียดของเหตุการณ์ในวันดังกล่าว
ไฟโวล์ฟเองก็ไม่ทราบ
สันนิษฐานได้ว่า อาจเกิดจากภาวะความทรงจำบางส่วนสูญหาย หรือไม่ก็ตายไปก่อนวันล้างบางคนยักษ์จะมาถึง
“ตัวฉันในตอนนี้ยังซ่อมมันไม่ได้…”
กริดกล่าวเสียงอ่อย
หากพูดกันในแง่วิศวกรรมเวทมนตร์ ความรู้ของกริดแทบเป็นศูนย์
ปัจจุบัน ทราวก้ากำลังอยู่ในภาวะจำศีล
จริงอยู่ที่กริดสามารถตรงดิ่งไปยังทาลิม่าเพื่อเรียนทักษะได้ทันที แต่ก็คงไม่เกิดประโยชน์มากนัก ของแบบนี้ต้องใช้เวลา เป็นข้อจำกัดของระบบเรียนรู้ทักษะด้วยตัวเอง
ทางลัดเดียวที่ตอบโจทย์กริด คือการเรียนทักษะผ่านภารกิจ
หากวันใดภารกิจเกี่ยวกับทาลิม่าถูกสร้างขึ้น ก็มีโอกาสสูงที่ของรางวัลจะเป็นทักษะเชิงวิศวกรรมเวทมนตร์
“ในอนาคต ฉันจะศึกษาวิศวกรรมเวทมนตร์จนเชี่ยวชาญและมาช่วยซ่อมให้”
“ฮะฮะ! ขอบคุณสำหรับความหวังดี แต่นั่นคงเป็นไปไม่ได้ ทักษะของคนแคระเทียบเท่าวิศวกรรมเวทมนตร์คนยักษ์รุ่นถดถอย ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่เชิดชูเทคโนโลยีโบราณเหนือสิ่งอื่นใด”
“เป็นปัญหาที่แม้แต่ฟรอนซาลล์กับลาร์ดวูล์ฟก็แก้ไขไม่ได้หรือ”
“นั่นคงยาก… กระบวนการค้นคว้าและพัฒนาเทคโนโลยีที่นำมาใช้กับกำไล เกิดขึ้นและประสบความสำเร็จตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ ในยุคสมัยของพวกเรา เทคโนโลยีดังกล่าวถูกนำมาใช้จริงอย่างแพร่หลายแล้ว”
“ไม่มีหนทางเลยสินะ…”
“ถูกต้อง เว้นเสียแต่มังกรเสียสติบางตัวจะยอมร่วมมือ หรือไม่ก็บรรพชนของเราฟื้นคืนชีพกลับมา นอกเหนือจากนี้คงเป็นไปไม่ได้”
‘บรรพชน… หืม… บางที…’
จักรกลเวทมนตร์ที่ถูกทิ้งไว้ในไรน์ฮาร์ท
หลังจากหวนนึกถึงไฟโวล์ฟซึ่งกำลังช่วยสติกส์ผลิต ‘ลิฟต์นรก’ อยู่ในเมืองหลวง กริดถามอีกฝ่ายด้วยความสงสัย
“พอจะรู้จักไฟโวล์ฟไหม?”
“แน่นอนอยู่แล้ว จะมีใครบ้างไม่รู้จักนักวิทยาศาสตร์และนักพยากรณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์คนยักษ์ ข้าเคยพบท่านตัวเป็นๆ ครั้งหนึ่ง แต่เนื่องจากอยู่ในวัยชรามากแล้ว สติของท่านจึงฟั่นเฟือน… ว่าแต่ เจ้ารู้จักชื่อนี้ได้อย่างไร?”
“…”
คามิคิน จอมอสูรลำดับสี่
หรือว่าความจริงแล้ว หล่อนเป็นพันธมิตรที่ยอดเยี่ยมที่สุดของมนุษย์?
Comments
Post a Comment