จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,591
บราฮัมไตร่ตรองอดีตของตนอยู่เสมอ
จุดประสงค์เพื่อมิให้ก่อความผิดพลาดซ้ำเดิม เช่น การเชื่อใจแพ็กม่ามากเกินไปจนถูกทรยศ และการปล่อยให้ความอิจฉาครอบงำจิตใจจนขโมยผลงานศิษย์เอกมาเป็นของตัวเอง
มันต้องการดำรงตนให้สมฐานะดยุคแห่งปัญญา
บราฮัมเผชิญหน้ากับโลกด้วยเหตุผลและสติ หาใช่อารมณ์ความรู้สึก
ในบางครั้ง เลือดแวมไพร์ที่ไหลเวียนในร่างกายก็พยายามปลุกสัญญาณดิบให้ลืมตาตื่น แต่นั่นเป็นเพียงแรงกระตุ้นชั่วครั้งคราว
บราฮัมภูมิใจในความอดทนของตนมาก
หลักฐานพิสูจน์ก็คือ มันยังคงเลือกใช้ชีวิตร่วมกับบุคคลพรสวรรค์
สิ่งนั้นไม่เคยแปรเปลี่ยนจวบจนปัจจุบัน
เวทมนตร์คืนชีพ ถูกสร้างเสร็จสมบูรณ์เพราะความหมกมุ่นที่จะมีชีวิตต่อไป
แม้จะได้เห็นชะตากรรมการเวียนว่ายตายเกิดบนโลกกึ่งกลางและรู้ดีว่าสักวันตนต้องถูกลากลงนรก แต่บราฮัมก็ทำเพียงเฝ้ามองทุกสิ่งอย่างสุขุมโดยปราศจากความกลัวและสิ้นหวัง
ทำใจให้สงบและเยือกเย็น
เป้าหมายสุดท้ายในชีวิตของมันคือการฝากรอยแผลไว้บนร่างครานเบลตลอดกาล
ชื่อของมหาจอมเวทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ จักต้องกลายเป็นมหาตำนานชั่วนิรันดร์
แต่ทันใดนั้นเอง
“…”
ตึกตัก!
หัวใจบราฮัมที่เงียบสงบมาเนิ่นนาน เริ่มเต้นระรัวผิดไปจากความตั้งใจ
สายตาจดจ่ออยู่กับภาพกริดกำลังขี่คอมังกรยักษ์
ออร่าเทพของกริดถูกแต่งแต้มบนท้องฟ้าตามความเร็วของมังกร
ทุกครั้งที่มังกรหักเลี้ยว แสงสนธยาสีส้มที่ล้นเอ่อ ดูราวกับเป็นผ้าม่านคอยปกคลุมโลกทั้งใบ
ไม่ต่างอะไรกับภาพในความฝัน
แต่นี่คือความจริง
มันสัมผัสถึงเลือดอุ่นๆ ที่ไหลจากข้อมือ
“ขี่… มังกร?”
เป็นแนวคิดที่อยู่เหนือความรู้ของดยุคแห่งปัญญา ผู้ไม่เคยยึดติดกับกรอบสามัญสำนึก
บราฮัมทำได้เพียงขำแห้งกับตัวเอง ไม่ใช่การขำเพื่อเย้ยหยัน หากแต่เป็นความยินดี
ในทางกลับกัน
> …
ครานเบลขำไม่ออก
ในตอนที่เทพโอเวอร์เกียร์มาถึงครั้งแรก
มันเองก็ได้เห็นเรื่องราว ‘เทพบ้ามังกรบ้า’
เป็นภาพฉายที่เกิดจากเศษชิ้นส่วนของอิฟริตในตัวกริด
ฉากดังกล่าวดูไม่สมจริงจนเหล่ามังกรยากจะทำความเข้าใจ แต่ครานเบลกลับมิได้สั่นคลอน และพอจะคาดเดาเรื่องราวได้บางส่วน
ย้อนกลับในตอนนั้น อิฟริตคงกำลังจะตาย
เมื่อเห็นว่าอิฟริตเสนอตัวเองให้กริดขี่ ครานเบลรู้สึกเห็นใจ
ใช่แล้ว
ครานเบลมั่นใจ อิฟริตเพียงหวังใช้ประโยชน์จากกริด
แค่ให้รอดพ้นจากวิกฤติในเวลานั้น
คงไม่มีความหมายลึกซึ้งแอบแฝง
ใช่แล้ว
ครานเบลไม่ทราบเรื่องที่กริดเป็นผู้สร้างเขาให้อิฟริต
ย่อมคาดไม่ถึงว่า ‘เทพบ้ามังกรบ้า’ เกิดจากความไว้ใจซึ่งกันและกันอย่างแรงกล้าโดยไม่หวังผลตอบแทน
‘ระดับตัวตน… เพิ่มขึ้นมากี่ขั้น?’
หลังจากยืนยันว่ากริดไม่ถูกดึงดูดเข้าหาตน เกล็ดของครานเบลเริ่มตั้งชันประหนึ่งคมมีด มองผิวเผินอาจดูน่ากลัว แต่นั่นคือสัญญาณของความกังวล
ซู่ว—!
ออร่าเทพของกริดแผ่ปกคลุมร่างกายบาสก์ทุกส่วน
แม้แต่ลมหายใจของบาสก์ก็เปลี่ยนเป็นสีส้ม
ฟ้าว!
เมื่อเห็นลมหายใจสีส้มปกคลุมทัศนวิสัยกะทันหัน ครานเบลละทิ้งความเย่อหยิ่งและพ่นลมหายใจตอบโต้
อาจตอบสนองได้ล่าช้า แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา
ครานเบลคือมังกรในลำดับชั้นสูงสุด
แม้จะตอบสนองได้ช้ากว่าอีกฝ่าย แต่ผลลัพธ์ก็คงไม่แตกต่าง
วงจรเวทมนตร์ เวทจิต สมรรถภาพร่างกาย และอีกมาก
ทุกสิ่งล้วนเหนือกว่าอีกฝ่าย
บึ้ม—!!
ลมหายใจครานเบลที่พ่นช้าไปหนึ่งจังหวะ ปะทะเข้ากับลมหายใจของบาสก์
ครานเบลวางแผนขั้นถัดไปทันที
มันสยายปีกทั้งสองข้างพร้อมกับสูดลมหายใจเข้า จากนั้นก็พุ่งตัวตามหลังลมหายใจเมื่อครู่ไป เพื่อเตรียมพ่นลมหายใจระลอกใหม่ใส่ทิศทางที่บาสก์จะหลบหนี
ทุกสิ่งเกิดขึ้นเร็วมาก
สามารถกล่าวได้ว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นทันทีที่ลมหายใจปะทะกัน
> …!
ทว่า หน้าอกครานเบลที่ดูแข็งแกร่งประหนึ่งกำแพง กลับถูกบดขยี้อย่างจัง
เป็นผลจากการไล่ตามลมหายใจตัวเองด้วยความเร็วสูง
มันย่อมคาดไม่ถึงว่า
ลมหายใจของตนจะพ่ายแพ้บาสก์โดยสิ้นเชิง
ซู่ววว—!
ลมหายใจบาสก์ที่ป่นเกล็ดบนหน้าอกครานเบลจนแหลก ยังคงไม่สูญเสียพลังและดันร่างครานเบลไปด้านหลังเป็นระยะทางไกล
‘…เหลือเชื่อ’
แทนที่จะเป็นครานเบล ฝ่ายที่กำลังตกตะลึงคือบาสก์
ลมหายใจถือเป็นสัญลักษณ์แทนมังกรแต่ละตัว เป็นพลังที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด
ดังนั้นความจริงที่ว่า ลมหายใจของบาสก์เหนือกว่าครานเบล แทบไม่มีทางเป็นไปได้ต่อให้ท้องฟ้าพลิกกลับด้าน
แต่กริดกลับทำให้สิ่งนั้นเป็นจริง
<ดยุคแห่งการขยาย>
เมื่อเปิดใช้งาน พลังของเวทมนตร์และทักษะจะเพิ่มขึ้นจากเดิมสองเท่า
แต่ทรัพยากรและระยะหน่วงจะเพิ่มขึ้นสองเท่าเช่นกัน
★ทักษะและไอเท็มลดระยะหน่วงจะแสดงผลเพียง 65%
กฎเกณฑ์ใหม่ถูกกำหนดขึ้นในวินาทีที่ลมหายใจของบาสก์ ถูกเปิดใช้งานในหน้าต่างทักษะของกริด
กฎเกณฑ์ที่ว่าก็คือ บาสก์จะมีศักยภาพเหนือกว่าลำดับชั้นของตัวเอง
กฎเกณฑ์ที่ทำให้ครานเบลต้องตกอยู่ในวิกฤติ
‘เร็วขึ้นอีก!’
ลำตัวกริดแบนราบไปบนต้นคอบาสก์ เมื่อเทียบกับฉากการนั่งเชิดไหล่หลังตรงอย่างสง่าผ่าเผยเมื่อครู่ สภาพปัจจุบันค่อนข้างน่าอดสู แต่เป็นเรื่องช่วยไม่ได้เพราะยิ่งความเร็วสูงขึ้น แรงปะทะจากลมก็ยิ่งมาก
> จับให้แน่น!
เตรียมรับมือแรงปะทะที่มากกว่าเดิม
กริดเปลี่ยนท่าทางเป็นนัยว่าได้ยินคำเตือนของบาสก์ ผู้กำลังขบฟันอันแหลมคมนับร้อยซี่แนบแน่น พลางไล่ตามครานเบลอย่างสุดชีวิต
ครานเบลถูกไล่ทันอย่างรวดเร็ว
ต้องไม่ลืมว่า มันถูกลมหายใจกระแทกจนมิอาจทรงตัวได้ชั่วคราว
ลมหายใจของบาสก์ที่ถูกเสริมพลังเป็นสองเท่ารุนแรงถึงเพียงนั้น
กร้วม!!
บาสก์กัดคอครานเบลเต็มแรง
เปรี้ยง!!
หางของบาสก์และครานเบลปะทะกันกลางอากาศ
เกิดเสียงดังกังวานไปทั่วทิศ ออร่าเทพของกริดและผืนนภาสั่นสะเทือนหนักหน่วง
สายตาครานเบลมองมาทางกริด
มันโล่งใจเล็กน้อยที่เห็นอีกฝ่ายเหลือแขนเพียงข้างเดียว
เพราะนั่นจะทำให้วิชาดาบคู่อันแข็งแกร่งถูกผนึก
ชิ้งชิ้งชิ้ง!
ขณะกริดขยับเข้าใกล้ครานเบล ไอเท็มหลายสิบชิ้นพรั่งพรูออกจากช่องสัมภาระพร้อมกับก่อตัวเป็นรูปร่างท่อนแขน
แขนเทียมที่ส่วนมือดูคล้ายกับหัตถ์เทวะ
หนึ่งในสองพลังอำนาจที่กริดได้รับหลังจากป่าวประกาศข้อเท็จจริงของนรก
แขนเทียมซึ่งสร้างจากหลักการที่ว่า เทพโอเวอร์เกียร์คือ ‘ผู้ปกครองทุกสิ่ง’
[<พลังปกครอง> ทำการฟื้นฟูแขนที่หายไป]
<พลังปกครอง>
ผสานไอเท็มตั้งแต่สองชิ้นขึ้นไปเพื่อสร้างวัตถุหรือปรากฏการณ์
พลังของวัตถุหรือปรากฏการณ์จะแปรผันตามค่าความคงทนรวมของไอเท็มที่นำมาผสาน
★ ไม่สามารถใช้ไอเท็มที่มีค่าความคงทนอนันต์เป็นเป้าหมาย
ระยะหน่วง: หนึ่งชั่วโมง
ระยะเวลาการคงสภาพ: สามนาที
ทักษะที่ไม่ต้องใช้ทรัพยากร
แต่ก็ไม่ง่ายที่จะใช้งาน
หลังจากเปิดใช้ ‘พลังปกครอง’ ส่วนที่เหลือต้องถูกเติมเต็มด้วย ‘จินตนาการ’ เพื่อสร้างวัตถุหรือปรากฏการณ์ที่ปรารถนา
อย่างไรก็ดี เว้นเสียแต่จะมี ‘ต้นแบบ’ ที่ชัดเจนเหมือนกับหัตถ์เทวะเช่นในปัจจุบัน การจินตนาการวัตถุหรือปรากฏการณ์ให้เสร็จภายในเวลาอันสั้นย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย
ชิ้ง!
ท่อนแขนกริดซึ่งถูกแทนที่ด้วยโลหะเย็น ดูแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตก้าวข้ามชนิดอื่นที่สามารถงอกร่างกายใหม่หรือไม่ก็ต่ออวัยวะได้ในพริบตา
เมื่อชายหนุ่มถือดาบคู่ด้วยท่าทางติดขัดเล็กน้อย ระบบเริ่มตอบสนองทันที
[<ทิวทัศน์ขุนเขาและลำธาร> ถูกเปิดใช้งาน]
[ท่านใช้ดาบวาดทิวทัศน์ที่ใครบางคนพยายามปกป้องมาตลอดชีวิต]
“สยบมังกร…”
> คิดจริงหรือว่ามังกรจะถูกสยบง่ายดายเช่นนั้น!
ครานเบลคำรามลั่น
ปากของบาสก์ที่กำลังฝังเขี้ยวลงบนต้นคอ ถูกมันใช้สองมือกระชากออกอย่างโหดเหี้ยม
ทันใดนั้นเอง
ซ่า—!
เปลวไฟลุกโชนท่วมโลกทั้งใบ
เขตแดนพายุเพลิงเทพซึ่งเป็นโลกจินตภาพของเทพโอเวอร์เกียร์
พลังงานจากหัวใจฟีนิกซ์แดงถูกโคจรเต็มกำลัง
ราวกับกำลังตอบสนองต่อโทสะและความเกรี้ยวกราดของกริด
ซู่ว—
โลกจินตภาพถูกเสริมความแข็งแกร่งขึ้นหลายระดับ
จวบจนปัจจุบัน ศัตรูมากมายเคยพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า
เหนือมนุษย์และตัวตนที่ก้าวข้ามส่วนใหญ่ สามารถทำลายโลกจินตภาพของกริดได้ง่ายดาย
แต่ในวินาทีนี้
> หือ…!?
ครานเบลมิอาจทำลายเขตแดนพายุเพลิงเทพ มิอาจหยุดการฟื้นตัวอันรวดเร็วของบาสก์และกริด
“…ทำลายล้างคลื่นร่ายรำสังหาร!!”
ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยพายุสีแดงและแสงสนธยา
เทพกำลังเต้นระบำ
บนศีรษะมังกร ด้วยดาบสองเล่ม
พลังที่ถูกเค้นจากอักขระแห่งความตะกละ ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับท่วงท่าการร่ายรำ
กริ๊ง~
เสียงกระดิ่งที่ใสกังวาน ทำเอาภาพของกริดซ้อนทับกับใครบางคน
เสียงคำรามอันกึกก้องของครานเบลถูกกลบด้วยเสียงระเบิดของเส้นปราณดาบ
[สุดยอดวิชาต่อสู้ แสดงผล!]
[คริติคอล!]
[เป้าหมายได้รับความเสียหาย 5,378,922,746 หน่วย]
[…เทพสวรรค์ต่างพากันตื่นตะลึง!]
[เซราทุลจ้องมองท่านด้วยดวงตาแดงก่ำ…]
[ท่านถูกโจมตีอย่างหนัก!]
[เทพย่อมไม่ตายโดยง่าย]
[รีบหนีไปยังวิหารที่ใกล้ที่สุด!]
ความเพลิดเพลินแสนปีติ เกิดขึ้นพร้อมกับความเจ็บปวดแสนสาหัส
กริดที่กำลังร่วงหล่น มองเห็นละอองแสงสีเงินเจือจาง
เป็นร่องรอยของลมหายใจครานเบล ที่ทะลวงผ่านไขสันหลังบาสก์และปะทะเข้ากับร่างกริด
[ผลจากสมญานาม <ดรากอนไนท์> หยุดทำงาน]
ขณะครานเบลใช้ดวงตากลมโตมองดูกริดที่ร่วงหล่น หลอดพลังชีวิตของมันถูกเผยให้เห็น ‘เสียที’ หลังจากถูกกริดกระหน่ำการโจมตีอันหนักหน่วงมาหลายยก
> เทพโอเวอร์เกียร์… ขอบใจมากที่ทำให้รู้ว่าอิฟริตเหนือกว่าข้า
คำพูดครานเบลถูกส่งไปยังสมองกริดที่กำลังขาวโพลน
ชายหนุ่มถูกบีบให้ต้องเลือก
จะหนีกลับวิหาร หรือจะอยู่ต่อและสู้จนถึงหยดสุดท้าย?
ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
แน่นอนว่ากริดเลือกข้อหลัง
เพราะบราฮัมยังอยู่ที่นี่
“บราฮัม…! รีบหนีเร็ว!!”
กริดแหกปากด้วยสีหน้าสิ้นหวัง
เมื่อได้ขี่บาสก์และยกระดับตัวตน ชายหนุ่มก็สัมผัสได้ทันที
ครานเบลใช้วาจามังกรครอบงำสนามรบมาตั้งแต่ต้น
แต่อำนาจดังกล่าวกำลังเสื่อมลง
และนั่นคือโอกาสที่บราฮัมสามารถหลบหนี
จนกว่าจะถึงตอนนั้น เราต้องดึงความสนใจจากครานเบลเอาไว้…
ขณะกริดกำลังคิด
> จะไม่มีใครหนีไปจากที่นี่ได้
ครานเบลป่นความหวังจนแหลกละเอียด
ด้วยคำพูดง่ายๆ เพียงไม่กี่พยางค์
> ในวันนี้ ข้าจะก้าวข้ามอิฟริตด้วยการกินพวกเจ้าทุกตัวและ…
ครานเบลมีอันต้องชะงักกลางคัน
เฉกเช่นบาสก์ มีมังกรอีกใหม่บินมารับกริดก่อนจะตกถึงพื้น
ระดับตัวตนของกริดเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ส่งผลให้วาจามังกรของครานเบลเริ่มเสื่อมอำนาจ
“บราฮัม! หนีเร็ว!!”
กริดที่กำลังโชกเลือด
ชายหนุ่มสัมผัสถึงความตายของตนได้แจ่มชัด จึงโถมเข้าใส่ครานเบลด้วยพลังทั้งหมดที่มี
คราวนี้เป็นลมหายใจสีเขียว
‘เสมือนเทพ’ ถูกใช้งาน ทักษะผสานไอเท็มถูกรีเซตเพื่อสร้างอาวุธที่ทรงอานุภาพอีกครั้ง
น่าเสียดายที่หนนี้ปราศจากเสียงกระดิ่ง
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!
ครานเบลได้รับบาดแผลเพิ่มเติม
แต่มันกัดฟันทนไว้ได้
ครานเบลปล่อยให้ลมหายใจสีเขียวปะทะร่าง โดยเลือกจะใช้เวทมนตร์กับหางเพื่อรับมือท่ารำดาบของกริด
“คึ่ก…!”
การปะทะรอบที่สองทำให้กริดหล่นจากมังกรอีกครั้ง
มังกรเขียวร่วงลงไปบนผืนทะเลทรายด้านล่างในลักษณะเดียวกับบาสก์
โชคดีที่ดูเหมือนว่าจะยังไม่ตาย
ฟ้าว!
คราวนี้มังกรสีน้ำเงินมารับกริด
ชายหนุ่มทำแบบเดิมอีกครั้ง
เมื่อระดับตัวตนเพิ่มขึ้น มันโถมเข้าใส่ครานเบลพร้อมกับลมหายใจสีน้ำเงิน
แต่น่าเสียดาย ท่ารำดาบในคราวนี้ทั้งสั้นและไร้พลัง
เนื่องจากท่ารำดาบผสานส่วนใหญ่กำลังติดระยะหน่วง
“อั่ก…!”
แรงกระแทกในหนที่สาม หนักหน่วงเกินกว่ากริดจะทนไหว
แขนเทียมถูกทำลายทันที
กระทั่งมังกรสีน้ำเงินก็ร่วงหล่นสู่ผืนทราย
ครานเบลสามารถทนต่อลมหายใจของมังกรอื่น แต่มังกรอื่นมิอาจทนต่อลมหายใจครานเบล
เป็นความเหนือชั้นอันท่วมท้นจนชวนให้สิ้นหวัง
แต่เรื่องที่น่ายินดีก็คือ
“…ต้องอย่างนั้น”
บราฮัมหลบหนีไปได้สำเร็จ
คำสบถทิ้งท้ายของมันยังคงดังก้องไปทั่วสนามรบ
หน้าต่างแจ้งเตือนใหม่แสดงขึ้นจากมุมสายตากริดที่กำลังยิ้ม
[ท่านเหลือเวลาอีก 2 วินาทีก่อนที่ระบบ ‘กลับฉุกเฉิน’ จะปิดการใช้งาน]
[คำเตือน! ความตายของท่านจะได้รับผลข้างเคียงร้ายแรง!]
ผ่านไปแล้วห้าวินาทีหลังจากประกันชีวิตทำงาน
กริดตอบสนองโดยแทบไม่คิด รีบเปิดใช้งานระบบกลับฉุกเฉินพร้อมกับส่งหัตถ์เทวะไปจับมังกรทุกตัวไว้
ทว่า
> เจ้าไม่สามารถหนีไปจากที่นี่
กริดถูกฉุดรั้งโดยกฎเกณฑ์ที่ครานเบลสร้างขึ้นใหม่
> พลังวาจาของมังกร ยิ่งเจาะจงเท่าไรก็ยิ่งทรงพลังมากเท่านั้น… เทพโอเวอร์เกียร์ผู้อยู่เหนือกาลเวลาเอ๋ย วันนี้ข้าขอปลิดชีพเจ้า แม้ภายในใจจะรู้สึกเคารพและชื่นชอบเจ้าอยู่ไม่น้อย
เวทมนตร์นับร้อยผุดขึ้นจากความว่างเปล่า
เป็นฉากที่ช่วยให้กริดมั่นใจว่า บราฮัมไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว
‘…เป็นการต่อสู้ที่ดี’
[ระบบ <กลับฉุกเฉิน> ถูกปิดใช้งาน]
ขณะหัวใจกริดห่อเหี่ยวหลังจากอ่านข้อความระบบ
> ขึ้นมา
มังกรตัวสุดท้ายพุ่งมาทางกริดพร้อมกับก้มศีรษะ
เซนอน
มังกรดูอ่อนแอที่สุดเมื่อเทียบกับตัวอื่น ไม่เพียงจะตัวเล็ก แต่ยังเต็มไปด้วยบาดแผล และไม่มีแม้กระทั่งปีก
อย่างไรก็ดี นี่คือความหวังสุดท้ายของกริด จึงไม่มีเหตุผลให้ต้องปฏิเสธ
กริดซึ่งขึ้นขี่เซนอน ไม่คิดจะพุ่งเข้าใส่ครานเบลแบบครั้งก่อน
มังกรระดับต่ำกับเทพหน้าใหม่ที่ปางตายด้วยกันทั้งคู่ อายุขัยคงไม่ยืนยาวสักเท่าไร
แค่สองคนจะไปทำอะไรได้?
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!
เวทมนตร์นับร้อยชนิดถูกยิงใส่กริดโดยพร้อมเพรียง
พิจารณาจากวิถีและรูปแบบ ราวกับผู้โจมตีต้องการลบกริดให้หายไปจากโลก
ลมหายใจเซนอนอ่อนแอจนแทบไม่สลักสำคัญ
ไม่สามารถต้านทานกลุ่มก้อนพลังเวทที่กระหน่ำเข้าใส่อย่างไม่ขาดสาย
ทว่า ใบหน้าครานเบลกลับแข็งทื่อ มันตกตะลึงเสียจนสติที่ถูกแบ่งออกเป็นร้อยส่วน ผสานกลับเป็นหนึ่งเดียวในทันที
แต่ก็ช้าเกินไป
แสงจันทร์อันเย็นเยียบผ่าร่างกายของมันออกเป็นสองซีกไปพร้อมกับทะเลทราย
ครืนนนน—!!
ท่ามกลางเสียงธรณีร้องคำราม ทุกสิ่งร่วงหล่นไปยังใต้ดิน
ทุกฝ่ายเหน็ดเหนื่อยจนมิอาจต้านทานขัดขืน
จนกระทั่งทั้งหมดตกถึงก้นเหว
เรื่องบังเอิญก็คือ ไม่ห่างออกไปมีปราสาทของแมรีโรสตั้งเด่นตระหง่าน
“ฝ…ฝ่าบาท!!”
“…?”
ในแวบแรก กริดเข้าใจว่าที่นี่คือนรก
เพราะชาวเมืองเรย์ดันที่น่าจะตายไปแล้ว กลับยืนห้อมล้อมต้อนรับตนอย่างอบอุ่น
Comments
Post a Comment