จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,590
[เป้าหมายได้รับความเสียหาย 1,507,344,962 หน่วย!]
[เป็นความสำเร็จที่น่าเหลือเชื่อ…!]
[หลังจากเห็นความเจ็บปวดบนสีหน้าครานเบล เทพสวรรค์เริ่มกระซิบกระซาบกัน]
[เทพสงครามเซราทุลคำรามลั่น ว่าแอสการ์ดควรพิจารณาทบทวนยกเลิกสนธิสัญญากับมังกร]
เป็นการสวนกลับที่เข้าเป้าและหนักหน่วง
ระดับสูงสุดของสิ่งมีชีวิตก้าวข้าม หรืออีกชื่อหนึ่งคือตัวตนสัมบูรณ์
กริดสามารถสร้างความเสียหายมหาศาลแก่การดำรงอยู่ที่ทรงพลังที่สุดของโลก
หัวใจชายหนุ่มเริ่มเร่าร้อน
ท่าทีของเซราทุลอาจน่าหงุดหงิดไปบ้าง แต่นั่นก็ทำให้กริดโล่งใจราวกับเด็กลงไปสิบปี
แต่ขณะเดียวกัน ความกังวลใจใหม่เริ่มก่อตัว
พลังทำลายของลมหายใจมังกร รุนแรงกว่าที่เคยจินตนาการเอาไว้มาก
การสวนกลับลมหายใจด้วยค่าสถานะที่เหลือเพียงครึ่งเดียว กลับสร้างความเสียหายได้สูงถึงหนึ่งพันห้าร้อยล้านหน่วย
เป็นตัวเลขที่สูงเกินไป แม้จะคำนึงว่า ‘วังวนมังกรทำลายล้างสยบสังหาร’ ถูกออกแบบมาเพื่อให้สวนกลับได้ทรงพลังที่สุด
เพราะต่อให้ไม่นับการป้องกันสัมบูรณ์ ลำพังค่าพลังป้องกันพื้นฐานของมังกรก็สูงกว่ากริดไม่รู้กี่เท่า
เคยคิดว่าถ้าทำได้สักสิบล้านก็น่ายินดีแล้ว…
‘ถ้าโดนลมหายใจนั่นเข้าไป เราคงตายคาที่’
สถานการณ์ที่ถูกพลิกผันโดยกริด เกิดขึ้นสักพักก่อนจะจบลง
ผิวหนังบนใบหน้าชายหนุ่มเริ่มเคลื่อนไหวในลักษณะแปลกประหลาด ราวกับร่างกายกำลังถูกเหวี่ยง
เป็นแรงดึงดูดอันมหาศาล
ร่างกริดถูกสูบลงไปยังใต้ดินที่พังถล่มด้วยความเร็วสูง
ยุทธภัณฑ์เกรดเลเจนดารีและมิธที่รายล้อมร่างกาย ไม่สามารถมอบความช่วยเหลือใดได้
เทพโอเวอร์เกียร์กริดกำลังถูกครอบงำโดยปรากฏการณ์ที่ขัดแย้งกับฟิสิกส์โดยสิ้นเชิง
ร่างกายมิอาจออกห่างจากครานเบลได้เป็นเวลานาน ชะตากรรมเดียวคือการถูกดูดไปอยู่ใกล้กับอีกฝ่าย
“คึ่ก…!”
ฟ้าว—!
ภาพตัดขวางของทะเลทราย
ชั้นของประวัติศาสตร์โลกที่สั่งสมมาตั้งแต่เรย์ดันยังไม่เป็นทะเลทราย กำลังปรากฏในการมองเห็นของกริดจนชวนให้วิงเวียนศีรษะ
ยิ่งดำดิ่งลึกลงไป กริดก็ยิ่งมองเห็นสีสันที่แตกต่าง และพอจะเดาได้ว่าเรย์ดันในอดีตกาลเป็นเช่นไร ไม่ต่างกับกำลังอยู่ในชั้นเรียนประวัติศาสตร์
จนกระทั่งผ่านไปครู่หนึ่ง
“…!?”
ทัศนวิสัยของกริดพลันพลิกกลับด้าน
ร่างกายถูกดีดออกจากจุดลึกสุดของชั้นใต้ดินอย่างรวดเร็ว
เพียงพริบตา รอบๆ ตัวก็กลายเป็นสีฟ้าคราม
ที่นี่คือท้องฟ้า
ไม่ห่างออกไปมีมังกรสีเงินกำลังจ้องมองกริด
‘เทเลพอร์ต…!’
กริดเริ่มตระหนักได้ว่า สถานการณ์ปัจจุบันเลวร้ายกว่าที่คิด
ในการต่อสู้ครั้งนี้ มีโอกาสที่ตนจะเหนื่อยจนตายเพียงเพราะถูกบังคับให้ไล่ตามครานเบลไปเรื่อยๆ
‘วาจามังกร… ขี้โกงชะมัด’
เข้าใจแล้วว่าทำไมมังกรถึงไร้เทียมทานนัก
กริดยิ้มขื่นขมหลังจากตระหนักถึงอำนาจของวาจามังกร
> ระดับของเจ้าสูงกว่าที่ข้าคิดไว้
ครานเบลเปิดปากพูด
ติ๋ง
เลือดที่ไหลจากหว่างคิ้ว มีสีแดงสดไม่แตกต่างจากของมนุษย์
เกล็ดบางส่วนถูกย้อมกลายเป็นสีแดงจนกริดเห็นภาพซ้อนทับกับอิฟริต
> คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะไม่ถูกครอบงำโดยวาจามังกร
“…?”
มันพล่ามอะไรอยู่?
กริดปล่อยคำพูดอีกฝ่ายเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
ความทรงจำอันโศกเศร้าที่ผุดขึ้นหลังจากเห็นเกล็ดสีแดง ถูกสลัดทิ้งในทันที
จุดแข็งของกริดคือสมรรถภาพทางร่างกายอันสูงส่งที่สามารถตอบสนองต่อประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์ได้ทันท่วงที
แต่ปัจจุบัน สมรรถภาพร่างกายลดลงไปครึ่งหนึ่ง สถานการณ์จึงค่อนข้างวิกฤติ
แต่อย่างน้อยกริดก็ยังพอจะตั้งท่าทรงตัวกลางอากาศได้บ้าง
ร่างกริดยังคงถูกลากให้กระแทกอากาศอย่างต่อเนื่อง
ขณะถูกกระชากด้วยความเร็วสูง ชายหนุ่มฉวยโอกาสขยับปลายเท้าเพื่อใช้งานท่ารำดาบ
—!
ดาบในมือกริดปะทะกับหางของครานเบลอย่างต่อเนื่อง
แต่สิ่งที่น่าประหลาดก็คือ ไม่มีสุ้มเสียงใดดังขึ้นเลย
พลังทำลายที่อัดแน่นไปทั่วบรรยากาศ ทำให้ทุกสิ่งเคลื่อนไหวได้ช้าลง
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!
เสียงระเบิดดังขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากการปะทะผ่านไปหลายสิบยก
ในเวลาเดียวกัน แสงสว่างจากพลังเทพของกริด ทำการย้อมเกล็ดสีเงินของครานเบลให้กลายเป็นแสงสนธยา
เกิดเป็นฉากที่งดงามเหนือพรรณนา
อย่างไรก็ดี ชายหนุ่มไม่มีเวลามัวชื่นชม
ผสานไอเท็ม, โทสะเทพโอเวอร์เกียร์ และอีกมาก
ทุกบัฟมีอายุขัย
เสริมคริติคอล, สุดยอดวิชาต่อสู้, บัญชาเทพ และอีกมาก
มีแต่ต้องเพิ่มจำนวนการโจมตีให้ได้มากที่สุด โอกาสเกิดคุณสมบัติเชิงบวกจึงจะเพิ่มตามมา
เคร้งเคร้งเคร้งเคร้ง!!
กริดใช้งานท่ารำดาบเทพโอเวอร์เกียร์ วิชาดาบราชาไร้พ่าย และวิชาลับที่ได้จากราชาขุนเขาเกรเนียร์ รวมถึงไอเท็มและพลังจากสมญานามในจังหวะสมบูรณ์แบบ เป็นการโจมตีและป้องกันที่ไม่มีช่องโหว่
สายตาชายหนุ่มจดจ่ออยู่กับร่างกายท่อนบนและแขนสั้นทั้งสองข้างของครานเบลโดยไม่เบือนไปไหน ขณะเดียวกันก็พรั่งพรูทักษะโจมตีเข้าใส่ตำแหน่งเหนือหัวไหล่และลำคอยาวๆ ที่ยากจะปกปิด
ด้วยเหตุนี้ หางของครานเบลจึงแทบไม่ได้หยุดพัก คอยส่ายสะบัดไปมาเพื่อรับมือกับการโจมตีทั้งหมด และด้วยขนาดที่ใหญ่และยาว นั่นจึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นแต่ประการใด
‘เขาหลุดพ้นจากการครอบงำของวาจามังกรได้ยัง?’
ตรงข้ามกับหางที่ขยับไปมาอย่างรีบเร่ง สายตาครานเบลกำลังสงบนิ่ง
นั่นเพราะสติส่วนที่ใช้ควบคุมร่างกาย เป็นคนละส่วนกับสติที่ใช้สังเกตกริด
ปัจจุบัน มันสามารถแบ่งสติได้นับร้อยส่วน
มีทั้งส่วนที่คอยจับตามองภาพรวมสนามรบ ส่วนที่คอยขับเคลื่อนพลังเวท และส่วนที่กระจายตัวออกไปหลายร้อยกิโลเมตรเพื่อเฝ้าระวัง
ฉึก!
คมดาบที่พรางตัวตลอดเวลาและจะเผยเมื่อกระทบเป้าหมาย ฟันสับใส่ลำคอครานเบลเข้าเต็มเหนี่ยว
ดาบลอบสังหารทัพสามแสน
ท่าโจมตีที่สามารถเล็ดลอดผ่านประสาทสัมผัสของมีร์ หนึ่งในไพ่ตายของเทพตกสวรรค์
ครานเบลมั่นใจในทันที
‘เจ้านั่นไม่ได้หลุดพ้นจากการครอบงำ… การโจมตีแรกเป็นแค่เรื่องบังเอิญ’
ครานเบลมิได้กังวลในเรื่องที่การป้องกันสัมบูรณ์ถูกมองข้าม
เฉกเช่นมังกรส่วนใหญ่ ศัตรูที่ครานเบลเป็นกังวลคือเผ่าพันธุ์เดียวกัน
และดังที่ครานเบลได้พิสูจน์ให้เห็นในยามโจมตีบาสก์ การป้องกันสัมบูรณ์แทบไม่มีประโยชน์เมื่อต้องเผชิญหน้ามังกรด้วยกัน
กล่าวคือ มังกรไม่เคยมองว่าการป้องกันสัมบูรณ์มีประโยชน์
สำหรับพวกมัน ลำพังการถูกเพิกเฉยการป้องกันสัมบูรณ์ ยังไม่มากพอจะทำให้จิตใจสั่นคลอน
สิ่งที่ครานเบลประหลาดใจมากที่สุดก็คือ ความเจ็บปวดแสนสาหัสในตอนที่ลมหายใจถูกสวนกลับ
เป็นความเจ็บปวดที่มันไม่เคยลิ้มรสมาก่อนในชีวิต
การโจมตีแรกของกริดสะเทือนไปถึงสมอง เกล็ดบางส่วนถูกทำลาย ผิวหนังบางส่วนฉีกขาด จนครานเบลเกิดความเข้าใจผิด
เข้าใจผิดคิดว่า กริดไม่ถูกครอบงำโดยวาจามังกร ‘ผนึกพลัง’
ใช่แล้ว นั่นเป็นเพียงความเข้าใจผิด
จิตสังหารของครานเบลที่หายไปครู่หนึ่งเพราะถูกแทนที่ด้วยความสงสัย กลับมาคุกรุ่นอีกครั้ง
จิตสังหารอันเกิดจากความเกลียดชังต่อกริด ผู้หยิ่งยโสจนไม่ยอมรับความปรารถนาดีของตน
ครานเบลไม่คลางแคลงอีกแล้วว่า กริดเป็นพวกมั่นใจเกินตัว
ราวกับจิตสังหารถูกเปลี่ยนให้เป็นความจริง
เปรี้ยง!!
สายฟ้าที่ก่อตัวจากพลังเวท ผ่าใส่กริดโดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า
มังกรคือสิ่งมีชีวิตที่ไม่ถูกผูกมัดโดยสูตรหรือวงจรเวทมนตร์
พวกมันเหนือชั้นกว่ามหาจอมเวทที่ต้องร่ายเวทและท่องคาถา เพราะสามารถปลดปล่อยเวทมนตร์ในพริบตาเพียงแค่นึกคิด
ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า สิ่งนี้คล้ายกับ ‘ดาบจิต’ ของอริยดาบ
[ท่านได้รับความเสียหาย 227,340 หน่วย]
“…?”
การมองเห็นของกริดที่ถูกสายฟ้าสีเงินทะลวงร่าง กลายเป็นสีขาวโพลนไปชั่วขณะ
ชายหนุ่มกำลังสับสนสุดขีด
เหตุใดประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์ถึงไม่ตอบสนอง?
มีเพียงประสาทสัมผัสเทียมเท่านั้นที่สัมผัสได้เมื่อสาย และนั่นทำให้รับรู้ว่าสายฟ้าดังกล่าวเป็นเวทมนตร์ของครานเบล
‘เหลวไหลสิ้นดี…’
เหตุใดประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์ถึงตรวจไม่พบ?
กริดที่เกิดความสงสัย หยุดความเคลื่อนไหวชั่วขณะ
เป็นพฤติกรรมที่กินเวลาไม่ถึง 0.1 วินาที
แต่มังกรคือสิ่งมีชีวิตที่สามารถแบ่งระยะเวลาหนึ่งวินาทีออกเป็นหลายร้อยส่วน
[ท่านได้รับความเสียหาย 315,050 หน่วย]
หางครานเบลพุ่งมาจากด้านข้างพร้อมกับทะลวงหน้าอกกริด และไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น มันยังบิดตัวรัดพันร่างกายกริดไว้แนบแน่น
“แค่ก…!”
หายใจไม่ออก เคลื่อนไหวไม่ได้
กริดที่กำลังทรมานจากอาการผิดปรกติทางกายภาพ ครางต่ำด้วยสีหน้าเจ็บปวด
แน่นอน ชายหนุ่มรู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางชนะ
เดิมที เป้าหมายมีเพียงการสลักแผลฉกรรจ์ให้ได้สักครั้ง
น่าอับอายชะมัด
อย่างที่คิด เราเกลียดการพ่ายแพ้
โดยเฉพาะกับศัตรูที่พรากของสำคัญไป
ขณะกริดกำลังขบกรามด้วยโทสะ
“พันนิชเมนต์” (Punishment)
อวตารแห่งความพินาศ
พลังเวทสีแดงสดทรงกลม บดขยี้ท่อนหางของครานเบลจนขาดเป็นสองส่วน
ในเวลาเดียวกัน กริดเริ่มมองเห็นแผ่นหลังของบราฮัม
“มีบางทฤษฎีกล่าวไว้ว่า ปรากฏการณ์หรือภัยพิบัติบางชนิดเกิดขึ้นจากความคิดของมังกร หากเป็นเช่นนั้นจริง เวทมนตร์มังกรก็คงใกล้เคียงกับภัยธรรมชาติจำพวกพายุไต้ฝุ่น สึนามิ และแผ่นดินไหว จึงเป็นธรรมดาที่นั่นจะไม่ถูกจำแนกให้เป็นการโจมตี ส่งผลให้ประสาทสัมผัสของเหนือมนุษย์ไม่ทำงาน”
บราฮัมกล่าวอย่างใจเย็น
ปราศจากการสั่นไหวทางอารมณ์โดยสิ้นเชิง ราวกับในใจวางแผนรับมือไว้แล้ว
ใบหน้ากริดยับยู่ยี่ประหนึ่งกระดาษถูกขยำ
“อะไรกัน… ทำไมนายยังไม่หนีไปอีก?”
ย้อนกลับไปในตอนที่กริดเพิ่งมาถึง
ชายหนุ่มดึงดูดความสนใจของครานเบล พลางส่งสัญญาณบอกให้บราฮัมหนี
มันไม่อยากให้บราฮัมเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้
แม้แวมไพร์ทายาทจะมีอายุขัยไม่สิ้นสุด แต่พวกมันไม่ได้เป็นอมตะ
แวมไพร์ทายาทสามารถตายได้ หากได้รับความเสียหายเกินกว่าความสามารถในการฟื้นฟู กริดทราบเรื่องนี้ดีกว่าใคร
แล้วทำไมถึงไม่รีบหนีไปอีก?
ความฉุนเฉียวเริ่มก่อตัวในใจกริด
‘ในเมื่อหนีไม่ได้… จะให้ฉันยืนดูอยู่เฉยๆ หรือ?’
บราฮัมไม่มัวเสียเวลาอธิบายว่า ตนถูกตรึงไว้ที่นี่ด้วยผลของวาจามังกร
ในเมื่อกำลังจะตาย ก็ขอตายอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี
“เพราะฉันอยากลองสู้กับมังกรดูสักครั้ง”
แน่นอน นั่นเป็นความเท็จ
บราฮัมที่ถูกครานเบลทำให้หวนนึกถึงทราวก้า อยากจะเผ่นหนีไปตั้งแต่วินาทีแรก
มันทราบดีว่ามังกรคือตัวตนที่ไม่ควรหันคมดาบเข้าใส่ เป็นการดำรงอยู่ที่ไม่มีสิ่งใดเอาชนะได้
แต่ตอนนี้มีทางเลือกอื่นด้วยหรือ?
ก็ในเมื่อหนีไม่ได้
“บ้าบอสิ้นดี… เสียสติกันไปหมดแล้ว”
กริดอดไม่ได้ที่จะสบถ
ชายหนุ่มหัวเสียกับบราฮัมที่ไม่ยอมรับความหวังดีของตนและเอาแต่พล่ามเรื่องไร้สาระ
“คิดจะตายเพียงเพราะความเห็นแก่ตัว? แล้วฉันล่ะ? แล้วคนที่เหลือล่ะ? ทุกคนต้องโศกเศร้ากับการจากไปของนาย…”
“…เฮ่อะ! นั่นไม่ใช่เรื่องของฉันสักหน่อย”
หัวใจของบราฮัมที่พ่นลมออกทางจมูก กำลังเต้นระรัว
เมื่อคิดว่ามีใครบางคนเสียใจกับการตายของตน นั่นเป็นความรู้สึกที่ไม่แย่นัก
อย่างไรก็ดี มันเพียงจดจ้องครานเบลด้วยมาดเคร่งขรึมโดยไม่เปิดเผยความในใจ
ยังไงก็คงต้องตายอยู่ดี
อย่างน้อยก็ขอร่วมมือกับกริด เพื่อฝากบาดแผลที่ครานเบลไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต
มันต้องการจารึกชื่อของตนไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ ป่าวประกาศให้โลกรับรู้ว่าบราฮัม·เฮชวาล บุตรแห่งเบริอาเช่ อัครสาวกแห่งเทพโอเวอร์เกียร์ มิได้สิ้นชีพอย่างสูญเปล่า
นี่จะเป็นความสำเร็จที่ถูกกล่าวขานอย่างยิ่งใหญ่ไปตลอดกาล
> …ข่าวลือเป็นความจริงสินะ
ขณะจ้องบราฮัม ดวงตาครานเบลเบิกกว้างเล็กน้อย เฉกเช่นเมื่อครั้งถูกกริดโจมตีด้วย ‘วังวนมังกรทำลายล้างสยบสังหาร’
> บราฮัม·เฮชวาล… ข้าได้ยินว่าเจ้าเคยท้าทายรังมังกรเพลิงทราวก้า และคิดว่านั่นคงเป็นเพียงข่าวลือเกินจริง แต่ตอนนี้ได้ประจักษ์แล้ว… พรสวรรค์ของเจ้า เป็นภัยคุกคามต่อพวกเรา
หางมังกรคืออวัยวะที่แข็งเป็นอันดับสี่ในร่างกาย
เป็นเรื่องยากที่จะถูกทำให้ขาดเป็นสองท่อนในการโจมตีเดียว
แต่บราฮัมทำได้
เวทมนตร์ที่สอดประสาทกับโลหิตบริสุทธิ์ซึ่งสืบทอดมาจากเบริอาเช่ มีศักยภาพในการทำลายล้างมหาศาล
เป็นปาฏิหาริย์ที่มีพรสวรรค์คอยค้ำจุน
แม้จะยังเทียบไม่ได้กับปราณอสูรที่แมรีโรสใช้เด็ดปีกเซนอนอย่างโหดเหี้ยม แต่ก็คงใกล้เคียงในสักวันหนึ่ง
> จงตายไปพร้อมกับเทพที่เจ้ารับใช้
ซู่ว—!
เจตนาสังหารของครานเบลถูกแปรเปลี่ยนเป็นความจริง
เวทมนตร์หลายร้อยชนิดแผ่ปกคลุมผืนฟ้าและท้องดินในชั่วพริบตา เป็นภาพที่ยากจะเชื่อลงแม้จะได้เห็นด้วยตาตัวเอง
เม็ดทรายบนทะเลทรายล้วนได้รับอิทธิพาลจากพลังนานาชนิด บ้างร้อนจนกลายเป็นของเหลว บ้างถูกแช่แข็ง บ้างถูกป่นละเอียด บ้างถูกเหลาจนแหลมคม บ้างวนเวียนเข้าหากันหรือผลักออกจากกันจนเกิดพายุ
แต่ปรากฏการณ์ทั้งหมด
ฉึบ!
อันตรธานหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น
หากต้นกำเนิดเวทมนตร์มังกรคือความคิด
ความคิดของมังกรก็คงเป็นสิ่งที่ไร้พลังเมื่ออยู่ต่อหน้าบราฮัม
บราฮัมคือดยุคแห่งปัญญา ย่อมเข้าใจเวทมนตร์ทุกชนิดอย่างทะลุปรุโปร่ง และสามารถสลายทิ้งแบบย้อนกลับ
เมื่อความคิดของมังกรถูกจำแนกให้เป็นเวทมนตร์ บราฮัมย่อมมีสิทธิ์ทำลายมัน
“ไอ้จิ้งจก…”
หนึ่งในเหตุผลที่หางมังกรแข็งเป็นอันดับสี่ในร่างกาย เพราะมันมีความยืดหยุ่นสูงและสามารถงอกใหม่ได้ทันทีหลังจากถูกตัด
บราฮัมกำลังตอกย้ำในจุดนั้น
มันชำเลืองไปทางหางครานเบลที่ดีดดิ้นตรงมุมสายตา พลางพ่นลมหายใจเหยียดหยัน
“สัตว์เดรัจฉาน… ก็มีวิธีสู้แบบสัตว์เดรัจฉานสินะ”
โฮกกกก!!
ครานเบลคำรามกึกก้อง
ตามด้วยการยิงลมหายใจแบบลดระดับลง ด้วยเกรงว่าจะถูกกริดสวนกลับอีกครั้ง หรือมีการแทรกแซงจากมังกรตัวอื่น
ทันทีที่สว่างวาบ ลำแสงดังกล่าวพุ่งทะลุผ่านตำแหน่งของกริดและบราฮัมในพริบตา
บราฮัมประเมินว่าตนไม่มีเวลาพอให้ใช้เทเลพอร์ต จึงใช้บลิงค์ระยะสั้นแทน
ส่วนกริดที่ไม่สบโอกาสสวนกลับ ตัดสินใจหลบด้วยชุนโปอย่างไม่ประมาท
ลมหายใจที่ยิงออกมาแบบไม่ให้ตั้งตัว กับแบบที่คาดเดาได้ล่วงหน้า ผลลัพธ์นั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
‘บราฮัม ได้โปรด’
อย่าไปยั่วโมโหมันอีก รีบหนีไป
แขนข้างหนึ่งกระเด็นไปด้านหลังจากผลของลมหายใจ
เมื่อไม่มีอาจถือดาบสองเล่ม กริดจึงสูญเสียคุณสมบัติของทักษะติดตัว ‘ทิวทัศน์ขุนเขาและลำธาร’
ชายหนุ่มจ้องไปทางบราฮัมด้วยดวงตาขึงขัง
ด้วยความตั้งใจที่จะเปิดทางให้อีกฝ่ายหลบหนี กริดเตรียมใช้ท่ารำดาบผสานหกชนิดเพื่อดึงความสนใจจากครานเบล
แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแม้แต่ในตอนนี้ ร่างกายยังคงถูกครานเบลกระชากไปมา
ขณะกริดพยายามบิดเอวสุดกำลังเพื่อจัดระเบียบย่างก้าว
> ขึ้นมาสิ
มังกรสีเทา บาสก์ บินเข้ามาใกล้
> ข้าอยากบินกับเจ้า
“…!”
ดรากอนไนท์
สมญานามระดับ ‘หนึ่งเดียว’ ที่สามารถใช้มังกรบางชนิดเป็น ‘พาหนะ’
ค่อนข้างน่าเสียดาย กริดมิอาจใช้กำลังบังคับอีกฝ่ายเพื่อขึ้นขี่
ได้ขึ้นขี่หรือไม่ ผู้ตัดสินใจคือมังกร ไม่ใช่กริด
และกริดแทบไม่มีเวลาโน้มน้าวมังกรตัวอื่นในสนามรบ
ด้วยความสัตย์จริง ชายหนุ่มไม่มั่นใจว่าตนจะโน้มน้าวสำเร็จ
เพราะเชื่อว่าหากขอร้องให้ช่วยสู้กับมังกรระดับสูง มังกรที่เหลือคงเบือนหน้าหนีไปกันหมด
แต่ใครจะไปคิดว่า โอกาสที่เฝ้ารอกลับเป็นฝ่ายบินมาหาด้วยตัวเอง
ชายหนุ่มไม่ปฏิเสธ รีบขึ้นขี่บาสก์โดยไม่ลังเล
หวนนึกถึงช่วงเวลากับอิฟริต กริดลงมืออย่างชำนาญ
[ท่านขึ้นขี่มังกรระดับกลาง <บาสก์>]
[คุณสมบัติของสมญานาม <ดรากอนไนท์> ช่วยยกระดับตัวตนของท่านขึ้นจากเดิม ท่านเป็นอิสระจากวาจามังกรที่กำลังครอบงำ ค่าสถานะทุกชนิดกลับคืนสู่ค่าปรกติ]
[ค่าสถานะทุกชนิดเพิ่มขึ้นสามเท่าจากคุณสมบัติ <ดรากอนไนท์>]
[ท่านได้รับทักษะ <ลมหายใจของบาสก์>]
ฟ้าว!
> …!
ความลำบากใจปรากฏบนใบหน้าครานเบลเป็นครั้งแรก
มันกำลังตกตะลึงยิ่งกว่าเมื่อครั้งลมหายใจตัวเองถูกสวนกลับ
ภาพของกริดที่กำลังขี่หนึ่งในพี่น้องร่วมเผ่าพันธุ์ สร้างความสับสนให้มันเป็นอย่างมาก
“…?”
บราฮัมเองก็ไม่ต่าง
มันถึงกับเผลอพึมพำออกมาว่า ‘เรากำลังฝันอยู่รึไง…’ โดยไม่สูญเสียมาดอันเคร่งขรึมและสง่างาม
Comments
Post a Comment