จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,609



ไนท์ หรือที่รู้จักกันดีในนาม ‘ยมทูต’


ผู้เล่นที่คอยกัดกร่อนโซลเกจจนกระทั่งเป้าหมายเสียชีวิตอย่างไม่มีเงื่อนไข


แต่แตกต่างจากชื่อตัวละคร ไนท์โด่งดังด้านฝีมือการลอบสังหาร หลายฝ่ายประเมินเก่งกาจทัดเทียมเฟคเกอร์


ลอเอลให้ความสนใจกับอุปนิสัยของไนท์เป็นพิเศษ


อดทน เย็นชา


ตัดสินใจได้เด็ดขาดว่าเมื่อใดควรถอย เมื่อใดควรสู้ และไม่ใช่คนที่ยอมถอดใจง่ายนัก


หากต้องเผชิญสถานการณ์ไม่เป็นใจ ไนท์จะถอนตัวโดยไม่ลังเล และหาโอกาสลงมือซ้ำจนกว่าจะสำเร็จ


หากมีเหยื่อสิบคนที่ไนท์ลอบสังหารพลาด เก้าในสิบจะเสียชีวิตในเวลาถัดมา


ผู้ตรวจการ ตำแหน่งที่ต้องกระโจนเข้าไปในถ้ำเสือ รวบรวมหลักฐานและลงมือล่าเสือ


ภายใต้สถานการณ์ที่อันตรายและเต็มไปด้วยสิ่งล่อลวง ลอเอลประเมินว่ามีเพียงไม่กี่คนบนโลกที่เหมาะสมกับงานนี้มากกว่าไนท์


แน่นอน ไนท์ประหลาดใจอย่างมาก


หลังจากประทับใจกับคำเชิญของลอเอลจนยอมเข้าร่วมกิลด์โอเวอร์เกียร์ ภารกิจแรกของไนท์กลับเป็นงานที่น่าทึ่ง


ผู้ตรวจการนักฆ่า?


‘โลกนี้มีไอ้งั่งที่กล้าเป็นศัตรูกับจักรวรรดิใหม่ด้วยหรือ’


จักรวรรดิโอเวอร์เกียร์ถือกำเนิดโดยมีรากฐานอันแข็งแกร่งจากความนิยมและศรัทธาในตัวกริด ไม่เพียงจะฮุบกลืนจักรวรรดิซาฮารันเข้าไป แต่ยังเป็นจักรวรรดิที่ขึ้นชื่อในด้านการค้า


ด้วยอำนาจล้นฟ้าของกริดในปัจจุบัน ยังจะมีขุนนางหน้าโง่คนใดกล้าเอาชีวิตมาเสี่ยง?


หากมีคนเช่นนั้นจริง ถ้าไม่สมองพิการก็คงบกพร่องในความอดทนอย่างมาก ไม่สมควรที่จะดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองตั้งแต่แรก


แต่เพียงไม่นาน ความคิดของไนท์ต้องเปลี่ยนไป


‘…หูตาสอดส่องมาไม่ถึงที่นี่’


จักรวรรดิโอเวอร์เกียร์กว้างใหญ่ไพศาลเกินไปมาก


ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น เพราะจักรวรรดิมีเนื้อที่กว้างเกือบทั่วทั้งทวีป


ยิ่งห่างไกลจากวังหลวง วาร์ปเกตก็ยิ่งมีจำนวนน้อย ดินแดนดังกล่าวจึงเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ท้องถิ่น


จริงอยู่ รูปปั้นกริดอาจถูกติดตั้งบนถนนทุกเส้น มีผู้คนคอยสักการะไม่ขาดสาย และหลายคนคอยป่าวประกาศวีรกรรมของกริด


แต่เนื้อหากลับแตกต่างออกไป


ไม่ไกลจากศูนย์กลางแคว้นชายขอบ


ที่นี่ปกครองโดยตระกูลท้องถิ่นมาหลายชั่วอายุคน มีวัฒนธรรมและกฎระเบียบเป็นของตัวเอง เครื่องแต่งกายกับภาษาก็ไม่ใช่สิ่งที่ชาวจักรวรรดิคุ้นเคย มอบความรู้สึกเหมือนแคว้นที่แยกตัวออกไป มิใช่ส่วนหนึ่งของจักรวรรดิ


‘หืม… ทำไมคนที่นี่เล่าตำนานของกริดไม่เหมือนที่อื่น’


สำหรับโบสถ์เทพโอเวอร์เกียร์ ตำนานของกริดจะถูกเผยแผ่โดยวิหาร


แต่คนที่นี่กล้าบิดเบือนคำสอนของวิหารตามอำเภอใจ?


ไนท์ที่มองไปรอบๆ เมืองพลางฟังเรื่องราวไม่คุ้นเคยจากชาวเมือง เกิดชะงักฝีเท้ากะทันหัน เนื่องจากถูกอัศวินและทหารหลายสิบคนเดินเข้ามาล้อมกรอบไว้


“ผู้ตรวจการจากวังหลวงใช่ไหมครับ? ท่านเจ้าเมืองกำลังรออยู่ที่เมืองหลวง”


ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องมาเยือนโดยไม่บอกกล่าว เพราะถ้าแจ้งข่าวล่วงหน้า เบาะแสและร่องรอยการทุจริตจะถูกทำลายทิ้ง


แต่คนพวกนี้กลับไหวตัวทัน


พวกมันพยายามลากไนท์ไปยังถ้ำของตน โดยไม่เปิดโอกาสให้ตรวจสอบเรื่องใด


“ขอเดินดูเมืองรอบนอกก่อน เสร็จแล้วจะแวะเข้าไปที่เมืองหลวง”


“บ้านนอกแบบนี้คงไม่มีสิ่งใดให้ท่านเดินชม มีแต่จะเบื่อหน่ายเสียเปล่า… ยิ่งไปกว่านั้น ท่านเจ้าเมืองได้เตรียมงานเลี้ยงต้อนรับไว้แล้วครับ เห็นแก่หน้าท่านเจ้าเมือง กรุณาเข้าไปที่เมืองหลวงก่อน”


อัศวินกล่าวด้วยท่าทีสุภาพแกมบังคับ แถมยังพูดถึงการรักษาหน้า จึงเป็นการยากที่ไนท์จะปฏิเสธ


‘ไว้ค่อยตรวจสอบหลังจบงานเลี้ยงก็แล้วกัน แวะไปดูท่าทีของเจ้าเมืองก็ไม่เสียหาย’


ลอเอลกล่าวไว้ว่า


เจ้าเมืองที่นี่วางแผนก่อกบฏ หนุนหลังโดยเหล่าเศษเดนสาวกรีเบคก้า


ในสายตาไนท์ นี่เป็นข้อกล่าวหาที่เหลวไหล


ลอเอลพูดโดยไม่มีหลักฐานเชิงกายภาพ


หมอดูก็ไม่ใช่ สงสัยในตัวเจ้าเมืองเพียงเพราะสัญญาณชาติร้องเตือน


ไนท์ไม่ค่อยเห็นด้วยกับเรื่องนี้ แม้จะตระหนักถึงความแปลกแยกของแคว้น แต่ก็ไม่ควรด่วนตัดสินอีกฝ่าย


เหนือสิ่งอื่นใด ไนท์ชื่นชมความสามารถของเจ้าเมือง


ทั้งที่อยู่ชายแดน แต่เมืองภายในแคว้นกลับเจริญก้าวหน้าเกินความคาดหมายของไนท์ไปมาก แสดงให้เห็นถึงค่าพลังทางการเมืองของเจ้าเมือง


‘มองผิวเผินยังรู้ว่าเก่งมาก… ไม่มีทางที่คนเก่งแบบนี้จะสมคบคิดกับสาวกรีเบคก้า และก่อกบฏที่ไม่มีทางได้รับชนะ’


ความแน่วแน่ของไนท์ถูกทำลายในชั่วข้ามคืน


“…”


เมื่อมาถึงงานเลี้ยงต้อนรับที่เจ้าเมืองจัดขึ้น มันได้พบกับบุคคลแปลกตา


กลุ่มคนที่โซลเกจถูกย้อมด้วยสีทอง


เป็นสีเดียวกับเหล่านักบวชชั้นสูงของรีเบคก้า


“ท่านเจ้าเมือง”


ไนท์ผู้ไม่ได้ดื่มเหล้าที่เจ้าเมืองรินให้แม้แต่อึก จ้องหน้าอีกฝ่ายก่อนจะกล่าว


“ลองพูดว่า ‘นังสุนัขรีเบคก้า’ ให้ฟังหน่อย”


“…”


“…”


เสียงอึกทึกภายในงานเลี้ยงพลันเงียบสงัด วงดนตรีหยุดบรรเลงด้วยสีหน้าตื่นตะลึง เจ้าเมืองและบริวารต่างพากันกะพริบตาถี่ประหนึ่งไม่เชื่อหู


บริวารบางคนได้สติในเวลาถัดมา รีบแหกปากตะโกน


“จู่ๆ ก็พล่ามอะไรออกมา!”


“กล้าสามหาวต่อหน้าท่านเจ้าเมืองเชียวหรือ? วังหลวงเป็นผู้แต่งตั้งท่านเจ้าเมืองด้วยตัวเอง หากเสียมารยาทต่อท่านเจ้าเมือง นั่นเท่ากับเสียมารยาทต่อวังหลวง!”


ใครบางคนแสดงความเป็นศัตรูและข่มขู่ทันที


ไนท์หาได้แยแส


มันกล่าวอีกครั้งพร้อมกับเสกภาพฉายยมทูตตัวใหญ่ขึ้นด้านหลัง


“ท่านเจ้าเมือง จะไม่เรียกรีเบคก้าว่านังสุนัขจริงๆ ใช่ไหม”


“ทำไมฉันต้องทำแบบนั้น? ทำไมถึงสั่งให้ดูหมิ่นเทพ?”


“สาวกเทพโอเวอร์เกียร์ด่าทอรีเบคก้าเป็นการดูหมิ่นเทพตรงไหน?”


“เพ้อเจ้อ! ไม่ว่าเราจะศรัทธาเทพโอเวอร์เกียร์สักเพียงใด แต่องค์รีเบคก้าเป็นถึงเทพสวรรค์! ปฐมเทพ! ผู้ที่ดูหมิ่นต้องถูกสวรรค์ลงทัณฑ์!!”


“เทพสวรรค์ที่ไม่เคยช่วยเหลือในยามเราเดือดร้อน แต่กลับจะลงทัณฑ์ในยามเราทำบาป? เป็นความเชื่อที่เพี้ยนชะมัด…”


“ท่านเจ้าเมือง อย่าเสียเวลาต่อความยาวสาวความยืดอีกเลย”


“กระผมจะแจ้งทางวังหลวงว่าผู้ตรวจการมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม วังหลวงต้องเข้าใจแน่”


เหล่าบริวารที่ตะโกนหน้าดำหน้าแดงในตอนแรก ทยอยลุกขึ้นจากเก้าอี้


ทั้งหมดสี่คน หนึ่งสิ่งร่วมกันก็คือ พวกมันมีโซลเกจสีทอง


เป็นกลุ่มเหยื่อที่ไนท์หมายหัวไว้ตั้งแต่ต้น


ยมทูตซึ่งกำลังกางนิ้วที่แห้งกรังและซูบผอมจำนวนสี่นิ้ว ทำการแกว่งเคียวในอากาศ


ทันใดนั้นเอง


“อั่ก…”


โซลเกจทั้งสี่ถูกฟันขาดครึ่งในพริบตา


ฉากการเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาของเจ้าของโซลเกจ ดูน่าพรั่นพรึงเหนือพรรณนาในสายตาคนรอบข้าง


ท่ามกลางความเงียบงัน


ไนท์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินเข้าใกล้ศพทั้งสี่โดยไม่กล่าวคำใด ก้มหยิบเครื่องประดับด้วยสีหน้าเย็นชา พบว่าเป็นสร้อยและแหวนที่สลักสัญลักษณ์รีเบคก้าไว้ชัดเจน


“ท่านเจ้าเมืองโดนพวกมันหลอก หรือท่านเชิญมาด้วยตัวเอง?”


“จัดการมัน!”


คำสั่งดังกล่าวเทียบเท่าคำตอบ


ไนท์ประทับใจในทักษะการอ่านเกมของลอเอลทันที


‘นี่ไม่ใช่แค่ระดับมองการณ์ไกลแล้ว… ยังกับลอเอลเห็นสิ่งนี้ล่วงหน้า’


บางที ลอเอลคงจงใจวางพวกกบฏให้เป็นเจ้าเมืองมาตั้งแต่ต้น ในภายหลังค่อยกำจัดทิ้งเมื่อถึงเวลา


เหตุผลไม่ซับซ้อน อำนาจทางการเมืองคือสิ่งที่จำเป็นในการบริหารดินแดน


ปฏิเสธไม่ได้ว่า บุคคลพรสวรรค์สูงย่อมพัฒนาดินแดนได้รวดเร็ว


แม้จะทราบดีว่าเจ้าเมืองเหล่านี้จะทรยศในสักวัน แต่ลอเอลยังคงแจกจ่ายตำแหน่งตามความสามารถ และเมื่อใดที่ตัวหมากเริ่มออกลาย ไนท์ก็จะถูกส่งมาจัดการ


‘รอบคอบ ประณีต เลือดเย็น…’


นี่น่ะหรือ กิลด์โอเวอร์เกียร์…


ในสายตาคนนอก กิลด์โอเวอร์เกียร์คือกลุ่มคนทรงอำนาจที่แข็งแกร่งล้นฟ้า แต่เมื่อได้มองจากมุมคนใน ไนท์พบว่ากิลด์โอเวอร์เกียร์น่าหวาดหวั่นยิ่งกว่าที่เคยเข้าใจ


‘ห้ามทรยศโดยเด็ดขาด’


เดิมที มันตั้งใจจะภักดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ไนท์สาบานกับตัวเองว่า ต่อให้โลกแตกดับ มันก็จะไม่ทรยศโอเวอร์เกียร์เด็ดขาด


ไนท์ส่ายหน้าพลางหยิบอาวุธ ทหารที่กรูเข้ามาจากทุกทิศถูกฟาดฟันในพริบตา การโจมตีของอัศวินล้วนถูกปัดป้อง


ท่ามกลางความโกลาหล ไนท์ผู้รับมือสถานการณ์ได้อย่างสมบูรณ์ สร้างความตะลึงงันให้แก่ผู้พบเห็น


อย่างไรก็ดี กองทหารยังคงพรั่งพรูเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย


สีหน้าของเจ้าเมืองยังคงผ่อนคลาย


มันเชื่อว่าไนท์จะเหนื่อยและหมดแรงไปเอง โดยไม่มีโอกาสได้เข้าประชิดตัวมัน


อันที่จริง ความแข็งแกร่งของไนท์มิได้เหนือกว่าอย่างท่วมท้น


อัศวินมีเลเวลสูงเกินไป และต้องไม่ลืมว่านี่คืออัศวินของโอเวอร์เกียร์ อุปกรณ์สวมใส่ย่อมไม่ธรรมดา


ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไนท์ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากยมทูตด้านหลัง แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ตึงมือสุดขีด แต่ยมทูตกลับปราศจากความเคลื่อนไหว เพียงยกขึ้นหนึ่งนิ้ว ชี้ค้างไปทางเจ้าเมือง


“ฉันเป็นชาวซาฮารัน ไม่ใช่โอเวอร์เกียร์ นายไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกของฉัน ที่ต้องทนดูนังผู้หญิงไร้ความสามารถคนนั้นขายชาติทั้งน้ำตา”


เมื่อเห็นไนท์เริ่มถูกดันถอยหลัง เจ้าเมืองเปรยตัดพ้อด้วยสีหน้ายิ้มเยาะ เห็นได้ชัดว่าตลอดหลายปีที่ต้องแสร้งจงรักภักดีกับโอเวอร์เกียร์ สร้างภาระทางจิตใจให้มันมากเพียงใด


เจ้าเมืองกำลังตื่นเต้นอย่างออกนอกหน้า คล้ายกับลุ้นให้ชัยชนะมาถึงโดยเร็ว


ไม่สิ อันที่จริง นี่ไม่ใช่ชัยชนะ


แค่การกำจัดหมาบ้าที่อาละวาด จะถือเป็นชัยชนะได้อย่างไร? นี่ไม่ต่างอะไรกับการล่าเหยื่อ


ไนท์แสยะยิ้ม


“แกลืมมหาสงครามระหว่างมนุษย์กับอสูรไปแล้วหรือ? ถ้าไม่มีเทพโอเวอร์เกียร์ ซาฮารันคงถูกลบออกจากแผนที่ไปนานแล้ว”


“เฮอะ! ถ้าสามโบสถ์หลักยังอยู่ พวกเราสามารถต่อกรกับอสูรได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเทพโอเวอร์เกียร์”


“นี่คือเหตุผลที่เข้ากับพวกรีเบคก้าสินะ”


ไนท์ยังไม่ลืม ที่นี่ห่างไกลจากวังหลวงมาก


ย่อมไม่ได้รับอิทธิพลจากสมรภูมิห้วงนรกและหมู่เกาะเบเฮ็น


คนแถวนี้ไม่มีทางตระหนักได้ ว่ามหาสงครามที่เกิดขึ้นนั้นเลวร้ายเพียงใด


สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นอยู่แล้ว


“เกินเยียวยาแล้วสินะ ถ้าอย่างนั้น… จงตายอยู่ที่นี่เสีย”


เดิมที ไนท์คิดจะจับกุมเจ้าเมืองและพากลับวังหลวง เพราะการจับเป็น จะถูกมองว่าภารกิจประสบความสำเร็จมากกว่าการลอบสังหาร


แต่ในวินาทีนี้ ไนท์เปลี่ยนความคิด ยมทูตซึ่งกำลังชี้นิ้วไปทางเจ้าเมือง แอบลดนิ้วลงอย่างเงียบงัน


ทันใดนั้น


เจ้าเมืองพลันหวาดกลัวสุดขีด ทำตัวลนลานราวกับโลกกำลังจะแตก


มันสัมผัสได้ว่า ความตายที่มิอาจเลี่ยงกำลังย่างกรายเข้าหาตน จึงรีบหันหลังและวิ่งหนีไปทางกำแพง


แต่ก็สายเกินไป


เมื่อยมทูตแกว่งเคียว เจ้าเมืองก็ทรุดลงประหนึ่งหุ่นกระบอกถูกสะบั้นด้าย


อัศวินและทหารต่างพากันผงะ ทยอยถอยหลังกลับทีละก้าว


‘ต้องฆ่าพวกมันให้หมด…’


ชาวซาฮารันมีแนวโน้มสูงที่จะเป็นกบฏ ส่วนใหญ่มักคลั่งชาติจนเกินเยียวยา


ดวงตายมทูตของไนท์พลันส่องแสง จากนั้นก็กวัดแกว่งเคียวช่วยเหลือไนท์ในการต่อสู้


แม้ไนท์จะลุยเดี่ยว แต่ก็เหมือนมีสองคน การผนึกกำลังระหว่างมันกับยมทูตสามารถกำราบอัศวินและทหารได้ง่ายดาย แตกต่างจากในตอนแรกโดยสิ้นเชิง เป็นพลังที่ทำให้จำนวนคนไร้ความหมาย กองทัพหลักร้อยถูกปราบปรามด้วยฝีมือชายเพียงคนเดียว


แต่ทันใดนั้นเอง


“จิตใจอำมหิตผิดมนุษย์ คงขายวิญญาณให้ปีศาจไปแล้วเป็นแน่แท้”


ชายคนหนึ่งโผล่เข้ามาในจุดเกิดเหตุ


อัศวินศักดิ์สิทธิ์ ชุดเกราะสีขาว สลักลวดลายแสงสว่าง


เป็นบรรยากาศที่ชวนให้นึกถึงยุครุ่งเรืองของโบสถ์รีเบคก้า


ชื่อของมันคือ ‘วินเทอร์’


ไม่ใช่ NPC พิเศษ


นั่นทำให้ไนท์เพียงคิดว่า มีศัตรูให้ฆ่าเพิ่มอีกหนึ่ง มิได้มองเป็นเรื่องสลักสำคัญแต่อย่างใด


จนกระทั่งปลายนิ้ววินเทอร์ส่องแสง


“ฉันจะชำระล้างแกด้วยแสงสว่าง”


แสงจากปลายนิ้วค่อยๆ ขยายใหญ่ จนกระทั่งก่อตัวเป็นด้ามจับและคมดาบ


ดาบที่อัดแน่นด้วยพลังเทพ หาใช่พลังเวทหรือปราณดาบ


ไม่มีทางที่ไนท์จะมิอาจจดจำ พลังซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวดาเมี่ยน


“ดาบศักดิ์สิทธิ์…?”


ทว่า ดาบเล่มดังกล่าวมอบความรู้สึกแตกต่างออกไป เนื่องจากรูปทรงคล้ายคลึงกับสิ่งที่มันเพิ่งเคยเห็น


เหมือนกับ… ของกริด…


ฉัวะ—!


แสงสว่างตัดผ่านร่างไนท์ผู้กำลังดวงตาเบิกกว้าง


***


ไม่ใช่แค่ไนท์ที่ถูกดาบศักดิ์สิทธิ์เล่นงาน


ดาบศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นทั่วทั้งทวีปในหมู่เศษเดนสาวกสามโบสถ์หลัก เป็นปาฏิหาริย์ที่ช่วยให้ศูนย์บัญชาการของพวกมันแข็งแกร่ง


เหล่าสาวกที่กระจัดกระจายเริ่มกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง


ซ้ำร้าย นี่คือช่วงเวลาที่ลิฟต์นรกกำลังได้รับความนิยม


ภัยคุกคามที่คาดไม่ถึง ดันโผล่ขึ้นบนโลกกึ่งกลางในยามที่ผู้เล่นส่วนใหญ่ รวมถึงยอดขุนพลของโอเวอร์เกียร์ กำลังวาดลวดลายอยู่ในนรก


‘ราวกับสวรรค์จงใจแทรกแซง…’


เจ้าของดาบศักดิ์สิทธิ์ล้วนเป็นผู้อุทิศชีวิตให้กับการฟื้นฟูศาสนา


สีหน้าลอเอลที่กวาดสายตาอ่านเอกสารรายงาน ทวีความดำมืด


เมื่อเห็นคำอธิบายของดาบศักดิ์สิทธิ์ ชื่อของอาวุธหลายชิ้นลอยเข้ามาในหัว


‘ข้อผิดพลาด… ดาบอัสนีฯ… หนามแห่งความเคียดแค้น… วิญญาณดาบ… แถมยังมี… ศรฟีนิกซ์แดง? ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ลอกเลียนแบบผลงานในอดีตของฝ่าบาท?’


จุดประสงค์คืออะไร?


เฮ็กเซเทีย เทพแห่งการตีเหล็ก


ต่อให้เทพสวรรค์สัญญาว่าจะปล่อยตัวเพื่อแลกกับการสร้างดาบศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่มีเหตุผลที่เฮ็กเซเทียต้องลอกเลียนแบบงานกริด


เพราะกริดยืนยันด้วยตัวเองว่า ฝีมือการตีเหล็กของเฮ็กเซเทียสูงส่งกว่าตน


สามารถสร้างอาวุธที่ดีกว่าได้ไม่ยากเย็น


หรือต่อให้ลอกเลียนแบบงานกริดจริง เหตุใดถึงไม่ลอกผลงานใหม่ แต่เป็นการเลียนแบบจากผลงานเก่าแก่เมื่อนานมาแล้ว?


‘มีเทพตีเหล็กตนใหม่ถือกำเนิดบนสวรรค์ แต่เนื่องจากยังมีฝีมือไม่มาก จึงทำได้เพียงเลียนแบบผลงานเก่าของฝ่าบาท?’


เนื่องจากมีข้อมูลไม่พอ ลอเอลจึงไม่สามารถฟันธง


และเมื่อมิอาจด่วนสรุป ลอเอลตัดสินใจส่งรายงานต่อไปยังกริดโดยไม่มัวเสียเวลาสืบหาความจริง


นอกจากนั้นยังรายงานเพิ่มเติมไปว่า ตนเตรียมส่งอัครสาวกออกไปทวงคืนดาบศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากศัตรูกำลังเหิมเกริมหนักข้อ


ทันใดนั้นเอง ข้อความโลกได้ป่าวประกาศการถือกำเนิด ‘เทวภัณฑ์’ ชิ้นใหม่ของกริด


> ไม่ต้องส่งอัครสาวก ฉันจะไปเอง


กริดตอบกลับในทันที

______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059   ★ ★ จบบริบูรณ์  ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00