จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,576



อริยดาบบีบันเคยกล่าวไว้ว่า ท่ารำดาบเป็นเพียงสิ่งประดับตกแต่งพิธีกรรม


หลักฐานยืนยันก็คือ ในเหตุการณ์ย้อนอดีตของแพ็กม่าที่กริดเคยสัมผัส แพ็กม่าอ่อนแออย่างมาก


ธรรมชาติของแพ็กม่าแตกต่างจากยังบันทั่วไป จึงถูกกีดกันออกจากคนอื่น


แพ็กม่ามิได้ถูกเลี้ยงดูให้โตไปเป็น ‘เทพ’ แต่เป็นในฐานะ ‘ผู้ช่วยเทพ’


เป็นการกีดกันประเภทหนึ่ง


อาจกล่าวได้ว่า แพ็กม่าถูกเทพตกสวรรค์ทอดทิ้งเพราะมีศักยภาพและแนวโน้มแตกต่างจากที่พวกมันตั้งใจให้ยังบันเป็น


บางที นั่นอาจเป็นเหตุผล


สำหรับกริด ท่ารำดาบคือมรดกจากบุคคลที่ล้มเหลว แต่ก็เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายที่คล้ายคลึงกับตัวเอง


แม้ในหลายครั้งจะถูกยอดฝีมือชี้ให้เห็นถึงจุดอ่อน แต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยทอดทิ้งมัน


ไล่ตั้งแต่ทักษะ ‘ประกายสีทอง’ และ ‘เที่ยงธรรมไม่เสื่อมคลาย’ รวมถึงทักษะที่ได้จากหมู่เกาะเบเฮ็น เวทมนตร์จากบราฮัม พลังจากอักขระ ทักษะจากฉายาดยุค วิชาดาบราชาไร้พ่าย ไปจนถึงเวทโลหิต


กริดได้รับพลังใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และมีพลังบางชนิดเหนือกว่าท่ารำดาบ


แต่กริดกลับเพิกเฉยพวกมันโดยไม่รู้ตัว


ตรงกันข้าม ชายหนุ่มเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับท่ารำดาบและยิ่งฝึกฝนมันอย่างหนัก


อาจเป็นเพราะกริดกังวลว่า หากตนทอดทิ้งท่ารำดาบซึ่งยังมีข้อบกพร่อง จุดอ่อน และขีดจำกัด นั่นจะเท่ากับเป็นการปฏิเสธตัวเอง


ลงเอยด้วย <ท่ารำดาบกริด> ถือกำเนิดขึ้น


เป็นผลมาจากการที่ตัวกริดเอง สามารถก้าวข้ามแพ็กม่าผ่านได้ด้วยคำสอนของบีบัน ด้วยแรงบันดาลใจจากครอเกล ด้วยเวทมนตร์และความรู้จากบราฮัม และด้วยความหมกมุ่นส่วนตัว


ท่ารำดาบที่เติบโตมาพร้อมกับกริด คือหนึ่งในหลักฐานที่บ่งบอกว่ากริดเคยเป็น ‘คนไร้ค่า’ ขณะเดียวกันก็ยังเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจ


[<ท่ารำดาบกริด> ถูกยกระดับเป็น <ท่ารำดาบโอเวอร์เกียร์>]


“อะ…”


หน้าต่างแจ้งเตือนตรงหน้า ทำให้ชายหนุ่มมีความสุขและตื่นเต้นเป็นล้นพ้น


ทัศนวิสัยซึ่งกระจ่างชัดอย่างที่ไม่เคยเป็น ผนวกกับหัวสมองที่โปร่งโล่ง ช่วยให้ความคิดของกริดถูกประมวลผลได้รวดเร็ว


คิดไวทำไวทันที


เขตแดนพายุเพลิงเทพถูกกางออกท่ามกลางการท่วมท้นของแสงสว่าง


แสงสว่างและความมืดอันเกิดจากเปลวไฟ แผ่อิทธิพลจนร่างกายของราชาภูตแสงหดเล็กลง


ราชาภูตแสงมิอาจรีบร้อนหลบหนีได้ดังใจนึก


เวทมนตร์


กฎเกณฑ์ที่บราฮัมกำหนดขึ้น คือเวทมนตร์ที่มีแนวคิดเหนือกว่าเวทมนตร์ทั่วไป


เขตแดนของกริดแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเมื่อผสานเข้ากับเวทมนตร์ของบราฮัม


แสงและเส้น


อักขระโบราณของซิกที่ปฏิเสธสัญลักษณ์ทุกชนิดของเทพแอสการ์ด กำลังสร้างแรงกดดันมหาศาลต่อราชาภูตแสง


กริดเข้าใจสถานการณ์ได้รวดเร็ว


‘ท่ารำดาบกลายเป็นหนึ่งเดียวกับเราแล้ว’


เริ่มเป็นเช่นนี้นับตั้งแต่พัฒนากลายเป็น <วิชาดาบกริด>


เมื่อเรากลายเป็นเทพโอเวอร์เกียร์ ท่ารำดาบก็ควรเติบโตไปพร้อมกัน


ทว่า เวทมนตร์ของบราฮัมที่สลักอยู่ในท่ารำดาบ ได้ปิดกั้นพัฒนาการของมันไว้


นั่นเพราะ ‘พลังเทพ’ ของเทพโอเวอร์เกียร์เป็นพลังไร้ธาตุ


เวทมนตร์แฝงสรรพธาตุของบราฮัมจึงขัดแย้งกับพลังเทพ ส่งผลให้ไม่เกิดพัฒนาการ


เรื่องนี้โทษบราฮัมไม่ได้


เพราะปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ท่ารำดาบของแพ็กม่าพัฒนาเป็นท่ารำดาบกริด คือเวทมนตร์ของบราฮัม


หากไม่มีความช่วยเหลือจากเวทมนตร์ของบราฮัมในตอนนั้น ก็คงไม่มีท่ารำดาบเทพโอเวอร์เกียร์ในตอนนี้


‘ตลกร้ายชะมัด’


เวทมนตร์ของบราฮัมที่ทำให้กริดมีท่ารำดาบเป็นของตัวเอง กลับเป็นสาเหตุที่มันไม่เติบโต


หากบราฮัมไม่สังเกตเห็น ข้อเท็จจริงนี้จะถูกฝังกลบไปตลอดกาล?


“นายคือผู้มีพระคุณของฉันเสมอ… ขอบคุณมาก”


“เฮ่อะ!”


ขณะพ่นลมหายใจ สีหน้าของบราฮัมค่อนข้างอึดอัด


มันหงุดหงิดเป็นอย่างมาก


ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น


นั่นเพราะความยากลำบากตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ในการฝัง ‘ดิสอินทิเกรต’ ลงในละโมบ กลายเป็นเรื่องสูญเปล่า


เมื่อคำนึงถึงอนาคต เป็นการที่ดีที่สุดที่กริดจะสวมใส่ยุทธภัณฑ์ไร้ธาตุ


ยิ่งเทพโอเวอร์เกียร์มีระดับตัวตนสูงขึ้น อิทธิพลของพลังไร้ธาตุก็ยิ่งรุนแรง และนั่นย่อมส่งผลต่อความเข้ากันได้กับอุปกรณ์สวมใส่


บางที นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป บราฮัมอาจกระหน่ำทุ่มอุกกาบาตใส่ละโมบก็เป็นได้


‘ต้องรู้สึกแย่ขนาดไหนกัน’


เมื่อพบว่าสิ่งที่พยายามทำมาตลอดหลายเดือนกลายเป็นเรื่องไร้ค่า…


กริดเห็นใจบราฮัม


อย่างไรก็ดี ชายหนุ่มไม่ได้พูดออกไปว่า ‘ไม่จำเป็นต้องหักโหม’ หรือ ‘ไม่ต้องรีบร้อน’


ผู้ที่ปรารถนาให้การฝังเวทมนตร์ลงละโมบเสร็จสิ้นโดยเร็ว ไม่ใช่ใครนอกจากกริด


นอกจากนั้น บราฮัมยังได้รับพลังของเวทมนตร์ทายาทกลับคืน


ยังไม่แน่ชัดเกี่ยวกับภาระทางใจ แต่บราฮัมจะไม่เหน็ดเหนื่อยทางกายแน่นอน


ใจจริง กริดอยากให้บราฮัมเร่งมือทำงานให้เสร็จโดยเร็ว แม้ต้องลดเวลาการกินและการนอนก็ตาม


“มีบางสิ่งยังขัดใจอยู่นิดหน่อย”


“เรื่องไหน?”


ขณะบราฮัมกำลังขมวดคิ้ว กริดหันไปถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน


แม้สมองจะโปร่งโล่ง แต่ภายในใจชายหนุ่มยังคงเดือดดาล


ภูตแสง


อาจไม่เคยสื่อสารกันโดยตรงเพราะพูดกันคนละภาษา


แต่ก็เป็นพวกพ้องที่มีค่ามาก


เห็นได้ชัดว่าในอดีตเคยช่วยกริดไว้ในหลายสถานการณ์


ชายหนุ่มไม่มีวันยกโทษให้ราชาภูตแสงที่คร่าชีวิตภูตแสงของตน


> เทพโอเวอร์เกียร์ จงไตร่ตรองอย่างมีสติ!!


ราชาภูตแสงตะโกนร้อนรน


> หากทำร้ายข้า เจ้าจะหมดโอกาสคืนดีกับท่านแม่!


“แล้ว… แม่ของแกคือใคร?”


> จนถึงป่านนี้แล้วยัง…!


จิตสังหารของราชาภูตแสงพลันปะทุ


สิ่งเดียวที่อันแน่นอยู่ภายในใจมันตอนนี้ก็คือ ทะลวงร่างกริดอย่างโหดเหี้ยมและฆ่าให้ตาย


ความเร็วแสง


จุดแข็งที่สุดของมันคือ ‘ความเร็ว’ ที่ยากจะมีใครตอบสนองได้ทัน เว้นเสียแต่เทพเพียงหยิบมือ


ราชาภูตแสงทะนงตนเป็นอย่างมาก โดยเชื่อว่าหากตนคิดจะฆ่ากริด อีกฝ่ายคงกลายเป็นศพเย็นชืดในพริบตา


ติดตรงที่มันมีนิสัยชอบพูดพล่ามกึ่งยกหางตัวเอง


> เจ้าช่างน่าสังเวช ต่ำต้อยเกินกว่าจะหยั่งถึงความกรุณาของข้าได้


จากนั้น ราชาภูตแสงสลัดความพร่ำเพ้อทันที


มันเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นลูกศร หมายจะปลิดชีพกริดในคราเดียว


เมื่อเพิ่มคุณสมบัติการ ‘ยิง’ ให้กับแสง ความเร็วย่อมเพิ่มขึ้น


ในฐานะผู้ปกครองห้วงมิติ ทุกพฤติกรรมล้วนมีความหมาย และความหมายได้กลายมาเป็นพลัง


ทว่า มีหนึ่งสิ่งที่ราชาภูตแสงมองข้าม


การฆ่ากริดไม่ใช่เรื่องง่าย


ต่อให้มันคิดจะฆ่ากริดตั้งแต่แรก ผลลัพธ์ก็ไม่แปรเปลี่ยน


มีข้อเท็จจริงหนึ่งที่เหล่าการดำรงอยู่ทั่วโลกต้องจดจำไว้


ในระยะหลัง กริดแทบเคยไม่เว้นว่างจากการต่อสู้


มีช่วงเวลาสงบสุขเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


ชายหนุ่มถูกทุบ ทุบ และขัดเกลาจนกระทั่งกลายเป็นเหล็กกล้า


นั่นคือเหตุผลที่มังกรเพลิงอิฟริต เรียกกริดว่า ‘ชายผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้กาลเวลาไร้ความหมาย’


กริดแตกต่างจากเหนือมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตก้าวข้ามตนอื่นที่บ่มเพาะระดับตัวตนจากอายุขัยอันยาวนาน


มันไม่เคยเผชิญหน้ากับสิ่งใดโดยประมาท


เปรี้ยง!!


ลำแสงหลายร้อยหลายพันเส้น กลายร่างเป็นลูกศรและเจาะทะลวงร่างกริดจนเกิดรูพรุน


แม้แต่ละโมบ ก็ยังถูกระดับตัวตนของราชาภูตแสงที่อ้างตัวเป็นทายาทของรีเบคก้าป่นทำลาย


ทว่า ชายหนุ่มยังคงไม่ร่วงหล่น


ไม่ว่าจะพลัง ‘จิตวิญญาณเสือขาว’ ทั้งสองชนิด เขตแดนพายุเพลิงเทพ สมญานามปฐมจักรพรรดิ และอีกมากมาย


ด้วยพลังทั้งหมดที่ตนถือครอง ชายหนุ่มกัดฟันทนต่อแรงปะทะได้อย่างเต็มกลืน


ตึง!!


กริดที่ไม่ปล่อยให้ดาบหลุดมือ ย่างหนึ่งก้าวด้วยความหนักแน่น


ดวงตาทั้งสองข้างของกริดที่ยังไม่สูญเสียประกาย กำลังมอบความหวาดหวั่นเหนือพรรณนาแก่ราชาภูตแสง


‘ยังไม่ล้มลงไปอีก?’


สาเหตุที่ราชาภูตแสงพยายามโน้มน้าวให้กริดล้มเลิกความคิดและเป็นฝ่ายถอนตัวกลับไป


เป็นเพราะมันไม่สามารถหลบหนีได้เอง ไม่ว่าจะต้องการสักเพียงใด


ปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือ สนามแรงโน้มถ่วงวงกว้างของจอมเวทผู้ส่งสารแห่งเทพคนนั้น แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายและอำนาจของเบริอาเช่


หลังจากเคลื่อนที่ได้เป็นระยะทางหนึ่ง แสงสว่างจะหรี่ลงและถูกบั่นทอนความเร็ว


นอกจากนั้นยังมีเขตแดนพายุเพลิงที่กำลังโหมกระหน่ำ


ทันทีที่ตกอยู่ในเขตแดนโลกจินตภาพของเทพโอเวอร์เกียร์ ราชาภูตแสงก็ยิ่งอับแสงพร้อมกับถูกความมืดและอักขระโบราณตรึงไว้


‘คงต้องฆ่าจอมเวทก่อน จึงจะมีโอกาสหลบหนี’


หลังจากตัดสินใจได้ ราชาภูตแสงหัวเราะกับตัวเอง


แสงสว่างที่ดำรงตนมาตั้งแต่ยุคสมัยเริ่มแรก


ตัวมันที่มีความภาคภูมิใจในฐานะแหล่งกำเนิดแสงสว่างทั่วโลก กลับต้องเผชิญวิกฤติเพียงเพราะมนุษย์สามคน?


ถ้อยคำยั่วยุของราชาโอเวอร์เกียร์ผุดขึ้นในใจ


‘เทพธิดารีเบคก้าเป็นแม่ของเราจริงหรือ?’


ขณะขบคิดเกี่ยวกับคำถามที่ตนเชื่อว่าเป็นข้อเท็จจริงมาตลอด


—!


แสงสว่างไหววูบประหนึ่งปะทะเข้ากับพายุเกรี้ยวกราด


สิ่งที่ราชาภูตแสงประหลาดใจไม่ใช่ความสว่างที่ลดลง


หากแต่เป็นคลื่นพลังที่เกิดจากการย่างหนึ่งก้าวของกริด คลื่นพลังที่สามารถผลักแสงให้กระจัดกระจาย


หลักการทำงานไม่ซับซ้อน


พื้นดินในจุดที่กริดย่ำลงไปเกิดรอยแยกเป็นทางยาว จากนั้น หินบนพื้นพุ่งขึ้นด้านบนเพื่อก่อตัวเป็นกำบังให้กริด


ทันใดนั้นเอง


> …?


ราชาภูตแสงตกตะลึงเมื่อสาย


เพราะกริดหายตัวไปแล้ว


มันพลาดความเคลื่อนไหวของกริดไปครู่หนึ่ง เนื่องจากถูกกำแพงหินบดบังทัศนวิสัย


-สยบ-


กริดมุดลงไปในรอยแยกของพื้นดิน


ครืนนนนนน!!


ทันใดนั้น พื้นดินในจุดที่ราชาภูตแสงลอยอยู่เริ่มพังถล่ม ลวดลายคล้ายวังวนใจกลางมหาสมุทรก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว


เปลือกโลกแยกออกจากกันเป็นระยะทางหลายสิบกิโลเมตร


-มังกร-


กริดทะยานขึ้นจากศูนย์กลางของลวดลาย


‘ทำอะไรของมัน?’


ราชาภูตแสงเย้ยหยันด้วยความดูแคลน


แสงสว่างมิได้ถูกตัด


ปัจจุบัน เป้าหมายที่มันต้องใส่ใจคือบราฮัมกับซิก มิใช่กริด


ทันใดนั้นเอง


ฉึบ!


การมองเห็นของราชาภูตแสงถูกแบ่งครึ่งและแยกออกจากกัน


แสงสว่างในจุดที่ปกคลุมด้วยบาเรีย ถูกฟันขาดสองซีกด้วยความประณีต


> …!?


ราชาภูตแสงตื่นตระหนกทันที


พลังของเทพสงครามที่ทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกปรารถนาจะครอบครอง


มันเห็นภาพของเอกเทพซือโหยวซ้อนทับกริดชั่วขณะหนึ่ง


-ทำลายล้าง-


เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ท่ารำดาบผสานหกชนิดแบบใหม่ สามารถจำลองการโจมตีของเทพสงครามได้สมบูรณ์แบบ


กริ๊ง—


สุ้มเสียงอันเงียบงันของกระดิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ดังกังวาน


แน่นอน กริดมองว่านี่คงเป็นผลของเสียงมายา


จนกระทั่งได้เห็นสีหน้าราชาภูตแสงที่กำลังหวาดผวาสุดขีด ราวกับกำลังฟังเสียงสวดศพตัวเอง


[<สุดยอดวิชาต่อสู้> ทำการกำราบเป้าหมาย]


ตัวตนที่เคยพานพบเทพสงคราม


พรที่กริดได้รับจากเทพสงครามซือโหยว กำลังแสดงผลประหนึ่งร่วมยินดีไปพร้อมกับกริด


พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก โดยไม่สนใจเผ่าพันธุ์ ระดับตัวตน และสถานะของเป้าหมาย ทำการ ‘สตัน’ ราชาภูตแสงจนร่างกายแข็งทื่อโดยมิอาจต้านทาน


นี่คือช่วงเวลาที่แสงสว่างซึ่งไม่เคยหยุดเคลื่อนไหว ถึงคราวชะงักงันโดยสมบูรณ์


ข้อมูลเชิงภาพจำนวนมากที่ชวนให้สับสนกำลังฟุ้งกระจาย


ราวกับความว่างเปล่าเสด็จเยือนลงมาปกคลุมพื้นที่แห่งนี้


เพล้ง!!


แสงสว่างที่เคยหยุดนิ่ง แตกกระจายไปทุกทิศ


เป็นผลพวงจากคุณสมบัติในการ ‘ป่น’ ของ ‘ร่ายรำ’ และ ‘สังหาร’ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังเทพของเทพโอเวอร์เกียร์ มันสามารถทำลายสิ่งที่อ้างตัวว่าไม่มีวันถูกทำลาย สามารถปฏิเสธปรากฏการณ์ที่ทุกสิ่งถูกฉาบด้วยแสงจนกลายเป็นเพียงมิติอันว่างเปล่า


> เป็นไปไม่ได้…


ตกตะลึง สับสน และหวาดผวา


ห้วงความคิดที่กำลังแตกกระจัดกระจายของราชาภูตแสง ถูกส่งมายังสมองกริดโดยตรง


เพราะมันถูกกวาดล้างด้วยปราณดาบอันเข้มข้นของ ‘คลื่น’ ที่ถูกคอมโบทันทีอย่างไร้รอยต่อ


[ท่านสร้างท่ารำดาบผสานชนิดใหม่ <สยบมังกรทำลายล้างคลื่นร่ายรำสังหาร>]


[ใครบางคนยกย่องท่านที่สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง]


[บุคคลดังกล่าวช่วยมอบพรอันแข็งแกร่งแด่ <สยบมังกรทำลายล้างคลื่นร่ายรำสังหาร>]


กริ๊ง—


เสียงกระดิ่งดังขึ้นอีกครั้ง


กริดที่ตระหนักได้ชัดเจนว่าเทพสงครามซือโหยวกำลังจ้องมองตน เปลี่ยนดาบในมือซ้ายเป็นดาบจันทราดับ


ทันทีที่หลุดพ้นจากภาวะว่างเปล่าโดยสมบูรณ์ ราชาภูตแสงซึ่งร่างกายกลับมารวมตัวกันใหม่ ถูกฟันขาดสองท่อนอีกครั้ง


> อ๊ากกกกกก…!


แต่แสงคือสิ่งพิเศษโดยแท้จริง


แม้จะถูกดาบจันทราดับฟัน รวมถึงถูกกระหน่ำด้วยวิชาดาบราชาไร้พ่ายและท่ารำดาบผสานห้าชนิดหลายต่อหลายหนจนร่างระเบิด แต่มันก็ยังกลับมารวมตัวได้อีก


ชายหนุ่มถูกโจมตีตอบโต้ด้วยความเร็วเหนือแสงซึ่งแม้แต่ประสาทสัมผัสก็ยังตามไม่ทัน จนร่างกายมีสภาพยับเยินประหนึ่งผ้าขี้ริ้ว หากไม่ใช่เพราะ ‘ละโมบ’ มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูตัวเอง สถานการณ์ของกริดคงแย่กว่านี้


“อดทนได้ดี”


เมื่อกริดเข้าใกล้ขีดจำกัด ถึงคราวบราฮัมและซิกมีบทบาท


สนามแรงโน้มถ่วงผสานเข้ากับอักขระโบราณจนกลายเป็น ‘หลุมดำ’ ที่สามารถดูดกลืนแสง ส่งผลให้ราชาภูตแสงอ่อนแอลงทันที


แต่สถานการณ์ยังไม่สู้ดีนัก


ท่าโจมตีเกือบทั้งหมดของกริดอยู่ในระยะหน่วง แถมทรัพยากรก็ยังร่อยหรอ


ชายหนุ่มอยู่ในสภาพที่มิอาจลงมือปิดบัญชี


ทันใดนั้นเอง


> ไอ้…! ไอ้ระยำ!!


ขณะราชาภูตแสงเตรียมลอบโจมตีบราฮัม ร่างกายของมันเกิดชะงักงันประหนึ่งกำลังต่อสู้กับตัวเอง


กริดสัมผัสได้ ภายในแสงสว่างอันริบหรี่ของราชาภูตแสง


ภูตแสงตัวเล็กที่ชายหนุ่มเคยคิดว่าตายไปแล้ว


มันเลือกที่จะแผดเผาเจตจำนงสุดท้ายของตนเพื่อช่วยกริด มิใช่ราชาที่มันเคยรับใช้


กริดตอบสนองต่อความตั้งใจนั้น


ในฐานะชายผู้ต่อสู้โดยแบกรับความคาดหวังของผู้คนมาตลอด กริดรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้าย


ฉึก!!


> อ๊ากกกกกก!!


แสงสว่างดับลง


[ท่านสังหารราชาภูตแสง!]


[ตามกฎของโลกแห่งธาตุที่ถูกค้ำจุนโดยธาตุทั้งห้า ราชาภูตตนใหม่ถือกำเนิดขึ้น]


จบสิ้นสักที…


ใครบางคนช่วยพยุงกริดที่กำลังล้มลง


เป็นภูตตัวเล็กน่ารักที่กำลังยิ้มอย่างอ่อนโยน


“ภูตแสง…? นายคือภูตแสงของฉันใช่ไหม?”


ราชาภูตแห่งความว่างเปล่า


ราชาภูตที่ถือกำเนิดใหม่พยักหน้ารับขึงขัง


> ถูกต้อง นับแต่นี้ไป ข้าคือภูตแห่งความว่างเปล่า


“…”


เสาลำแสงที่เป็นสัญลักษณ์ของการเลเวลอัป สว่างขึ้นบนตัวกริดที่มีสีหน้าคลุมเครือหลายสิบครั้ง


______________

ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059   ★ ★ จบบริบูรณ์  ★ ★

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ


Comments

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00